ลุยตรวจร้านนวดมรณะ หมอนวดแจงมีใบอนุญาต ยันไม่เคยนวดบิดคอ 'น้องผิง'

จากกรณีน้องผิง ชญาดา นักร้องลูกทุ่งหมอลำสาว ชาว ต.บ้านแดง อ.พิบูลรักษ์ จ.อุดรธานี  ไปนวดคอ บ่า ไหล่ ที่ร้านนวดแผนโบราณ ริมสวนสาธารณหนองประจักษ์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี 3 ครั้ง มีการหักคอ 2 ครั้ง ทำให้แขนและขาชา ป่วยเป็นอัมพาต ติดเตียงและเป็นเจ้าหญิงนิทรา เสียชีวิตเมื่อเช้าวานนี้ (8 ธ.ค.67)  

หลังเกิดเหตุ วานนี้ (8 ธ.ค.67) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ ร้านน้องนวดแผนโบราณ ห้องล็อคที่ 42  ริมสวนสาธารณหนองประจักษ์ศิลปาคม ถนนเทศา เขตเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งถูกระบุว่าเป็นร้านนวดที่น้องผิง มาใช้บริการ

โดยพบว่า น.ส.สุมิญชยา สังฆทิพย์ นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 8 อุดรธานี, นางศุทธินี เหลือวงศ์ หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข จ.อุดรธานี และนายสมชาย ชินวานิชย์เจริญ หัวหน้ากลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สำนักงานสาธารณสุข จ.อุดรธานี เดินทางมาตรวจสอบร้านดังกล่าวด้วย

เบื้องต้นพบว่า ร้านนวดมีใบขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการ ในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ประเภทนวดเพื่อสุขภาพ  พบหมอนวด 2 คน มีใบขึ้นทะเบียน ส่วนอีก 5 คน อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากไม่มีใบขึ้นทะเบียนจะผิดกฎหมาย จะเป็นหมอนวดเถื่อน ไม่สามารถให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพได้  ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและเก็บข้อมูล โดยไม่ให้สัมภาษณ์ ซึ่งวันนี้ (9 ธ.ค.67) เวลา 9.00 น. นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) อุดรธานี จะแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์เอง

ด้าน นางนิชาภา ชยะธนะภัทร อายุ 60 ปี ผู้จัดการร้านนวด ชี้แจงว่า เปิดร้านมาตั้งแต่ปี 2548 หมอนวดแผนโบราณที่ร้านมีจำนวนไม่แน่นอน แล้วแต่บางวัน บ้างครั้งก็เป็น 10 คน  บางครั้งก็เหลือ 4 -5 คน แล้วแต่จังหวะที่หมอนวดจะมีงานที่อื่น เช่น ไปทำงานที่พัทยา ภูเก็ต หรือต่างประเทศ หมอนวดส่วนมากก็จะมาทำชั่วคราว ร้านจะตรวจสอบว่าหมอนวดแต่ละรายมีใบอนุญาต หรือมีการขึ้นทะเบียนหรือไม่ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ทำงานนานหรือไม่

เมื่อถามว่ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนนวดให้น้องผิง ผู้จัดการร้านยอมรับว่าไม่ทราบ และจำไม่ได้ว่าลูกค้าคนไหนเข้ามาเมื่อไหร่ แต่หากมานวดเมื่อวาน หรือวันนี้พรุ่งนี้ ก็ยังพอจะนึกออกบ้าง แต่จากข่าวเห็นว่ามานวดตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม ก็คาดว่าทั้งตัวหมอนวดและลูกค้าเองก็คงจะจำไม่ได้แน่นอนว่าเคยนวดกับใครคนไหน เพราะจะเป็นการไล่ตามคิวไปวันต่อวัน แต่จะมีอีกประเด็นคือลูกค้าประจำที่จะมีหมอนวดประจำ มาใช้บริการบ่อยๆ ก็จะจำกันได้ แต่กรณีนี้ไม่ใช่ เขามาถามหา เราก็ไม่รู้ว่าเคยนวดกับใคร

“น้องคนนี้ เราไม่รู้ว่าเขามานวดวันไหน บอกตรงๆ ว่าไม่รู้เรื่องเลย ส่วนการนวดหักคอ ส่วนมากหมอนวดที่เราเรียนมานั้นมันไม่มีมันเป็นข้อห้าม แต่หมอนวดที่มาทำงานบางคน ที่ผ่านงานกรุ๊ปทัวร์ ไปต่างประเทศมา หรือไปเรียนรู้จากที่อื่นมา เราก็ไม่รู้ ส่วนมากลูกค้าจะคุยกับหมอนวดตัวต่อตัวว่า วันนี้ไม่ดัดนะ ไม่หักนะ ไม่ดึงนะ นวดเบาๆ ไม่เอาหนัก แล้วแต่ลูกค้าต้องการ แต่บางคนก็บอกอยากดัด หักคอ แต่เราก็จะบอกว่าที่นี่ไม่มีหักคอ มันอันตราย เราก็จะบอกไป แต่ถ้าหากลูกค้าเขาคุยกัน 2 คน เราก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาสื่อสารกันยังไง แต่ยืนยันว่าที่นี่ ตามที่เรียนมา ไม่มีหักคอ ไม่มีดัดคอ เต็มที่ก็แค่ดัดเอว อย่างอื่นเราไม่มี การดัดคอมันอันตรายอยู่แล้ว มีเส้นประสาทที่สำคัญอยู่แล้ว เราก็ไม่รู้ว่ามันอันตรายแบบไหน เพราะก็ไม่ได้เรียนมา”  

ผจก.ร้านนวด ชี้แจงอีกว่า ตนเพิ่งทราบข่าวตอนเที่ยง ตอนแรกเขายังไม่ระบุว่าห้องไหน สักพักก็ทราบว่าระบุเป็นห้องนี้ เราก็พยายามเช็คว่าหมอนวดคนไหนที่ดัดคอเป็นบ้าง คนที่นวดครั้งที่ 3 ของน้องยังอยู่ แต่คนนวดคนแรกนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เห็นข่าวแล้วก็ตกใจ เข่าอ่อนหมดแล้ว ไปไม่เป็น เสียใจที่มารู้ว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแบบนี้ เราก็ระวัง บอกลูกค้าอยู่ว่า ถ้าอาการหนักให้ไปหาหมอ การนวดมันก็ได้แค่นิดๆหน่อยๆ แต่การบิดคอ เราไม่รู้จริงๆ ว่าใครบิดบ้าง แต่ของตนเองไม่มีการบิด ไม่ได้เรียนมาแบบนี้ เพราะมันอันตราย มันเป็นคอ ถ้ามันหักไปจะทำอย่างไร

ส่วน น.ส.คำแสน พ่วงศรี อายุ 45 ปี คนที่นวดให้ผิงครั้งสุดท้าย ได้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนไม่ทราบว่า คนที่นวดครั้งที่ 1 และ 2 ให้ผิงเป็นใคร แต่ที่รู้จักหมอนวดที่บิดคอ จะมีอยู่ 2 คน หมอที่ชื่ออ้อย ลาออกไปแล้ว ส่วนหมออีกคนเพิ่งเข้ามาทำงาน ประกอบกับน้องผิงไม่ใช่เป็นลูกค้าประจำ ทำให้จำไม่ได้ ว่าใครเป็นคนนวดคนแรก และตนก็ไม่ได้ดูตอนน้องผิงนวด ที่ผ่านมาตนเคยบอกลูกค้าว่าไม่ควรนวดหักคอและไม่จำเป็นเลย ส่วนตนมีใบอนุญาตในการนวดอยู่แล้ว  

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/LQ4cdGY8g5g