สังคม

เขาเป็นน้องผมตอนไหน? ‘หนุ่ม กรรชัย’ เดือด! ตัดสัมพันธ์ ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ หลังให้โอกาส 3 ครั้ง ปมคลิปฉาว

โดย nattachat_c

15 ชั่วโมงที่แล้ว

8 views

'หนุ่ม กรรชัย' ให้ปากคำตำรวจ ปมคลิปเสียง 'กฤษอนงค์' - 'ฟิล์ม-รัฐภูมิ' เรียกรับเงิน 20 ล้านจากบอสปัน ดิไอคอนกรุ๊ป ยันดำเนินคดีถึงที่สุด เบื้องต้นข้อหาหมิ่นประมาทก่อน พร้อมเผยความสัมพันธ์ 'ฟิล์ม-รัฐภูมิ' ขอจบเท่านี้ แค่คนรู้จัก หลังเคยให้โอกาสถึง 3 ครั้ง ส่วนกระเช้าไม่ต้องหิ้วมา เพราะที่บ้านเยอะแล้ว

ด้าน 'ฟิล์ม' เปิดใจปมถูกกล่าวหาเรียกเงิน 5 ล้าน เตรียมรวบรวมหลักฐานไว้แล้ว หากมีการแจ้งความ ยินดีชี้แจงตามกระบวนการ ขอโทษหนุ่ม กรรชัย ย้ำไม่มีเจตนา ไม่ได้ร่วมตบทรัพย์ ชื่อเสียงตัวเองมีค่ามากกว่าเงิน 20 ล้าน

วานนี้ (14 พ.ย. 67) เวลา 16.25 น. หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย  และนายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความส่วนตัว เดินทางไปที่ตึกศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวนในกรณีคลิปเสียงที่ปรากฎ หลังถูกนางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวต้านโกง และนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ “ฟิล์ม” อดีตนักแสดงชื่อดัง เอาชื่อไปแอบอ้างเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท จาก “บอสปัน” หรือ นางสาวปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ซึ่งเป็นหนึ่งในบอสของดิไอคอนกรุ๊ป เพื่อจะพาไปออกรายการโหนกระแส

หลังได้รับการประสาน จากพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ข้อมูล ในรายละเอียดที่เกิดขึ้น หลังจากที่วันก่อนมอบหมายให้ทนายความมาแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว โดย ‘หนุ่ม กรรชัย’ เผยกับสื่อมวลชนที่ปักหลักเฝ้ารอ การเดินทางมาถึงนานหลายชั่วโมงว่า “ขอให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนก่อน แล้วจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกครั้ง

จากนั้น ‘หนุ่ม กรรชัย’ พร้อมทนายความ ได้เดินเข้าไปภายในตึกศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางทันที ซึ่งการสอบปากคำใช้เวลานานหลายชั่วโมง เนื่องจากต้องสอบปากคำค่อนข้างละเอียด โดยพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ เป็นผู้สอบปากคำด้วยตนเอง

เวลา 19.20 น.หลังเข้าให้ข้อมูลนาน 3 ชั่วโมง หนุ่ม กรรชัย  ได้ลงให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ปักหลักรออยู่ด้านหน้าตึกกองบังคับการปราบปราม ว่าวันนี้ได้เข้ามาให้ปากคำกรณีคลิปเสียงดังกล่าว เนื้อหาพบว่ามีการพาดพิงถึงตัวเองและรายการ อีกทั้งยังใช้ถ้อยคำที่สร้างความเสียหาย เช่น สามารถเขียนบทหรือสคริปต์หาทางลงให้กับบอสพอลได้ ถ้าหากบอสพอลมาออกรายการ รวมถึงยังอ้างว่าได้ติดต่อมาหาตัวเองแล้ว คุยแล้วว่าจะเปิดทางให้ ทำผิดให้เป็นถูก คุยได้หมดเลย สุดท้ายยังไปเรียกเงินเขาอีก 20 ล้านบาท โดยสิ่งที่เขาพูดออกไปตัวเองมองว่าเป็นการหมิ่นประมาท และยังไปโกหกหลอกลวงคนอื่น ลักษณะเป็นกรรโชกทรัพย์ด้วย

โดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับทั้ง 2 คน ที่ปรากฎในคลิปเสียงอย่างแน่นอน คือ นางสาวกฤษอนงค์และนายรัฐภูมิ ในข้อหา “หมิ่นประมาท” แต่ในเรื่องของตัวเอง คดีอาจมีช่องว่างเล็กน้อย แต่กฎหมายไหนที่จะเอาผิดได้ ก็จะเอาหมด ส่วนเรื่องเรียกค่าเสียหายทำให้เสียชื่อเสียงหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างปรึกษาทางกฎหมาย แต่เชื่อว่าชื่อเสียงของตัวเองที่เสียไป มันไม่ใช่แค่ 20 ล้านบาท เพราะตัวเองก็ทำงานมานาน หลายคนก็รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ยืนอยู่บนความถูกต้อง ตัวเองมีมูลค่ามากกว่านั้น

เมื่อถามว่าหลังจากที่นายรัฐภูมิ ได้ไปออกรายการหนึ่งและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนชี้แจงตัวเองไปแล้ว ได้พยายามจะติดต่อมาหาบ้างหรือไม่นั้น /“หนุ่ม กรรชัย” ตอบว่า “เขาโทรมาหาผมครั้งนึง แต่ผมไม่ได้รับและไม่ได้โทรกลับ ส่วนเรื่องเขาจะสำนึกหรือไม่สำนึก ตอบไม่ได้“

ส่วนถามว่าอยากคุยกับเขาหรือสามารถให้อภัยได้หรือไม่นั้น “หนุ่ม กรรชัย” ย้ำว่า “ไม่ใช่ไม่อยากคุย แต่ไม่คุยดีกว่า เพราะไม่มีอะไรต้องคุย ในทางกฎหมายผมตอบไม่ได้ว่ามันจะไปจบตรงไหน แต่ความสัมพันธ์ผมกับเขาจบแล้ว จบตั้งแต่ที่วางหูไปวันนั้น หลังจากนี้เขาจะออกมาพูดอะไรก็เป็นสิทธิของเขา ผมไม่เอาแล้ว มันทำให้สังคมเสื่อมทราม โดยเฉพาะการใช้จุดอ่อนของคนมาทำแบบนี้ มันไม่ถูกต้อง“

เมื่อถามย้ำว่าตอนนี้มันจบแล้วครับน้องหรือไม่ “หนุ่ม กรรชัย” ตอบว่า ”เขาเป็นน้องผมตอนไหน ผมไม่มีน้องแบบนี้ ผมรู้จักเขา แต่ไม่ได้บอกว่าสนิท แค่เคยทำงานร่วมกันแล้ว ก็แยกย้ายกันไปเท่านั้น ตอนนี้ก็แค่คนรู้จัก“

โดยก่อนหน้านี้ที่ตัวเองได้โทรไปวัดใจเขาถึง 3 ครั้ง สายแรกตัวเองก็ถามเขาว่ามีคนมาบอกว่าเขาไปทำแบบนี้จริงหรือไม่ เขาก็ตอบว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เงินนี้เขาเสนอมาเอง“ ตอนนั้นก็เลยกดวางสายไป เลยโทรไปครั้งที่ 2 ถามใหม่อีกรอบ ให้เขาตั้งสติ แต่เขาก็ยังตอบเหมือนเดิม จนกระทั่งช่วงค่ำของวันนั้น ครั้งที่ 3 ตัวเองก็ตัดสินใจโทรไปอีก บอกว่าได้ยินเสียงหมดแล้ว แต่เขาก็ยังยืนยันว่า “ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้น ก็เหมือนจะถูกตัดต่อเสียงให้ดูว่าผมไปเรียกเงินเขา”

โดยตัวเองมองว่าเราทำรายการมานาน สัมภาษณ์คนอื่นมาก็เยอะ ตัวเองมั่นใจว่าคลิปที่มีความยาวถึง 29 นาที ไม่มีการตัดต่อแน่นอน และตัวเองก็ถือว่าให้โอกาสเขามา 3 ครั้งแล้ว จึงทิ้งท้ายไปก่อนจะวางว่า “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ก็ต้องรับผิดชอบเอาเองนะ” ซึ่งตัวเองก็ยอมรับกับเขาว่าได้อัดเสียงพูดคุยกับเขาไว้ทั้งหมด เขาก็ยินดี

จากนั้น ตัวเองก็ได้โทรไปปรึกษาพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางทันที ท่านก็ได้แนะนำว่าก็ต้องแจ้งความ ตัวเองจึงได้ดำเนินการและแต่งตั้งทนายความให้เข้ามาแจ้งความแทนตัวเอง ซึ่งได้เซ็นเอกสารมอบอำนาจให้ พร้อมส่งคลิปหลักฐานให้กับทางตำรวจดำเนินการ

เมื่อถามว่าถ้าในวันนั้นเขายอมรับว่าเป็นตัวเขาทำผิดเอง จะให้อภัยหรือไม่ “หนุ่ม กรรชัย” บอกว่า “ถ้าวันนั้นเขายอมรับว่าใช่ครับ ผมขอโทษ และพูดความจริง ตัวเองจะไม่เปิดคลิปนี้ แต่จะให้ทนายความไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานก่อน และอยากขอให้ตัวเขาออกมาชี้แจงว่าสิ่งที่ทำคืออะไร แต่สุดท้ายมันก็แค่เป็นความคิดของตัวเอง ว่าเขาอาจจะมีความคิดที่ดีได้ ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม”

ส่วนหลังจากนางสาวกฤษอนงค์ ได้ออกมาชี้แจงคลิปเสียงเช่นเดียวกันแล้วเมื่อวานนี้นั้น ตัวเองเชื่อว่าประชาชนไม่ได้กินหญ้า เรากินข้าว เรามีสมอง และมีสามัญสำนึก มีวุฒิภาวะที่จะรู้ได้ว่าอะไรคืออะไร การที่คุณออกมาพูดแบบนี้ มันจะกลายเป็นตัวตลกไปด้วยซ้ำ

ส่วนการตีความเรื่องกรรโชกทรัพย์หรือตบทรัพย์นั้น ตัวเองมองว่าเขาเองก็มีบริษัทกฎหมาย มีทีมทนายในมือ เขาต้องลองไปถอดคำว่ามันกรรโชกหรือไม่

นอกจากนี้ “หนุ่ม กรรชัย” ยังฝากถึงคนที่เคยโดนกระทำลักษณะแบบนี้ ขอให้ออกมา ไม่ต้องอาย ไม่ต้องรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่มันน่าตลก อยากให้ออกมาดำเนินการให้ถึงที่สุด เพราะที่ผ่านมาตัวเองรู้ว่ามีเคสลักษณะแบบนี้เยอะ หลักหมื่นหลักแสน โดนหมด แต่ในส่วนคดีของตัวเอง ยืนยันว่าจะไม่เจรจาและไม่เคลียร์ ตัวเองไม่ใช่นักเคลียร์ แล้วไม่ต้องเอากระเช้ามาให้ เพราะที่บ้านมีเยอะมาก อยากได้กระเช้าสีขาว ไม่ได้อยากได้กระเช้าสีเทา

ส่วนกรณีคลิปเสียงล่าสุดที่แอบอ้างชื่อนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับควบคุมดูแล สคบ. จะมีการดำเนินการอย่างไรนั้น “หนุ่ม กรรชัย” ตอบบว่า “คงต้องเป็นเรื่องของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ต้องไปดำเนินการ และตัวเองพร้อมส่งคลิปเสียงให้เป็นหลักฐานอยู่แล้ว”

อย่างไรก็ตาม หนุ่ม กรรชัย ยังบอกอีกว่า ”คลิปเสียงใหม่ตอนนี้ยังไม่มี แต่คาดว่าหลังจากนี้อาจจะมีอีก ซึ่งถ้าใครมีก็ให้ส่งมาให้ตัวเองหรือสื่อมวลชนก็ได้“

ด้าน ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นักแสดงหนุ่ม และทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ  เปิดใจผ่านรายการลุยชนข่าว ช่อง 8 เกี่ยวกับกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า ร่วมกับหญิงชื่อย่อ พ.พาน เรียกเงินจากเจ้าของคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง จำนวน 5 ล้านบาท  โดยฟิล์ม บอกว่า เรื่องนี้หากจะให้ตนเล่า คงต้องเล่ายาว แต่ตนเก็บข้อมูล และหลักฐานไว้แล้ว  

ขณะที่ทนายความของฟิล์ม บอกว่า ขณะนี้ ยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนไหน มีการแจ้งความแล้วหรือไม่ จึงขอสงวนไว้ก่อน แต่ถ้าหากมีการไปแจ้งความ ก็พร้อมชี้แจงตามกระบวนการกฎหมาย ขณะนี้ไม่รับ ไม่ปฏิเสธ

ส่วนที่เป็นประเด็นกับหนุ่ม กรรชัย ฟิล์มบอกว่า ตนขอโทษพี่หนุ่มไปแล้ว ตนรู้สึกผิดมาก เสียใจและไม่ได้มีเจตนาทำให้พี่หนุ่มเสียหาย  เพียงแค่อยากขายงานให้ผ่าน  ซึ่งยืนยันคำเดิมว่า ตนยังเคารพพี่หนุ่มเหมือนเดิม และไม่ได้มีเจตนาไม่ดี  

ด้านทนายของฟิล์ม เสริมในประเด็นนี้ว่า ในส่วนของคดีนี้ หากคุณหนุ่มจะดำเนินการในทางใดๆ เราก็น้อมรับตามกระบวนการ

ส่วนที่หนุ่ม กรรชัย เปิดเผยแชทที่ระบุว่า ฟิล์มรู้เรื่องดิไอคอนอยู่แล้วนั้น ฟิล์มตอบว่า ก็ขอชี้แจงตามแชท พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่ได้เป็นขบวนการตบทรัพย์ ไม่ได้ร่วมรับรู้หรือเอาตัวเองไปร่วมกระทำผิด สามารถไปเช็คได้เลย  ชื่อเสียงของตนนั้นมีค่ามากกว่าสิ่งเหล่านี้ มีค่ามากกว่า 20 ล้าน นอกจากนี้ คุณประโยชน์ต่าง ๆ หรือพระคุณที่แฟนๆ และทุกคนมอบให้ตนนั้น มันมีค่ามากกว่านั้น ตนเป็นคนรู้คุณคน แล้วตนจะไปทำอย่างนั้นทำไม

ส่วนกรณีที่อี้ แทนคุณ ออกมาแฉว่า ฟิล์มและพี่ชายไปชวนประชาชนในจังหวัดตรัง มาลงทุนเทรดหุ้นดูไบ 60 ล้านบาท ฟิล์มชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับตนเลย  เพราะเป็นธุรกิจของพี่ชายตนที่ลงทุนกับเพื่อน แล้วถูกเพื่อนโกง หลังจากนั้นพี่ชายตนต้องรับภาระหนี้มาส่วนหนึ่ง และคดีนี้อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง คดีจบไปแล้ว

ฟิล์มยังบอกด้วยว่า อี้ แทนคุณ เคยโทรมาหาพี่ชายตน บอกว่า ดูสำนวนคดีแล้วไม่มีหลักฐานอะไร คดีไร้สาระมาก และวันที่ 31 ต.ค. เวลา 21.00 น. ตนยังโทรคุยขอบคุณอี้ แทนคุณ ที่มีความยุติธรรมให้พี่ชายตน ซึ่งตนมีหลักฐานการโทร และอัดคลิปเสียงไว้ด้วย แต่จู่ ๆ อี้กลับเอาเรื่องนี้มาพูด และกล่าวหาตน

นอกจากนี้ ตนยังมีหลักฐานคลิปเสียงที่ผู้เสียหายเรื่องนี้ โทรมาร้องไห้กับตน บอกว่าฟิล์มไม่เกี่ยวข้อง แต่ขอให้ช่วยด้วยเพราะไม่มีเงินซื้อข้าวกิน  ตนอัดเสียงไว้ทั้งหมด ดังนั้นจึงขอความเป็นธรรมให้ตนด้วย เพราะเหมือนว่าพอตนล้มแล้ว ทุกอย่างก็ประเดประดังเข้ามา ทำให้สังคมเข้าใจผิดว่า ตนอยู่ในขบวนการตบทรัพย์ 60 ล้าน ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

ฟิล์มยังบอกด้วยว่า ตอนนี้สภาพจิตใจของคนครอบครัวย่ำแย่มาก ตนเองเข้มแข็งและเชื่อมั่นในความถูกต้องที่ตนทำ แต่ตนห่วงครอบครัวห่วงพ่อแม่ จึงขอว่า อย่าไปยุ่งกับพ่อแม่และครอบครัวตน  

ตนเองไม่ได้หนีไปไหน เพียงแค่ขอเวลารวบรวมหลักฐาน เพราะตอนนี้ รูปการณ์มันแปลก ๆ ตนกลายเป็นนักตบทรัพย์ทั้งที่ไม่ใช่ ซึ่งตนก็ต้องออกมาชี้แจง และก็คุยกับพี่เขาอยู่ว่าทำไมบอกไปอย่างนั้น (คำว่าพี่นี้ ไม่แน่ใจว่าหมายถึงใคร) ไม่เข้าใจว่าทำไมทำขนาดนั้น ตนไปทำอะไรใครหรือ ขอให้คิดในมุมตนบ้าง  ตนยืนยันว่าจะไม่หนีไปไหน พร้อมรับทุกกระบวนการ ประเด็นที่ตนเสียหายก็จะชี้แจง

ส่วนที่มีกระแสการออกหมายจับนั้น ทนายความของฟิล์ม บอกว่า หากมีหมายจับจริง ขอให้โทรมาบอกตน ตนจะพาฟิล์มไปมอบตัวทันที ยืนยันว่าไม่หนี และไม่ได้ท้าทาย เพียงแต่อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตไป

ส่วนที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่า ฟิล์มกับคุณพัช อยู่หมู่บ้านเดียวกันนั้น ฟิล์มบอกว่า ตนไม่รู้มาก่อนว่าคุณพัชอยู่หมู่บ้านนี้ มันเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ และขอว่าอย่าเอามาเหมารวม  


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/PlS25EhL2ZM



คุณอาจสนใจ

Related News