สังคม

‘เจ๊อ้อย’ โผล่กองปราบ ให้ปากคำ 12 ชม. คดีทนายดังฉ้อโกง 71 ล้าน ยันไม่ได้ให้เงินโดยเสน่หา

โดย nattachat_c

1 พ.ย. 2567

43 views

‘บิ๊กก้อง’ เผย หากถึงเวลาที่เหมาะสม ก็จะเรียก ‘ทนายตั้ม’ เข้ามาให้ปากคำ ขณะนี้ อยู่ระหว่างรับข้อมูล หลังรับแจ้งความร้องทุกข์ ยันทำทุกอย่างตรงไปตรงมา จะทนายหรือประชาชนทั่วไป ก็ใช้กฎหมายเดียวกัน ส่วนกระแสข่าวหมายจับ-หมายเรียก ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง

ด้าน ‘เจ๊อ้อย’ หนีสื่อ ปัดตอบคำถาม หลังให้ปากคำนานกว่า 12 ชั่วโมง บอกให้การกับตำรวจหมดแล้ว ระบุ คนน่ากลัวกว่าผี ด้านทนายความมั่นใจในพยานหลักฐาน เชื่อมั่นลูกความไม่ได้ให้เงินโดยเสน่หา จะยอมความหรือไม่เป็นเรื่องอนาคต ลั่น! นักกฎหมายก็ทำผิดได้ 

วานนี้ (31 ต.ค. 67) เวลา 16.00 น. พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดี 'เจ๊อ้อย' ว่า คดีนี้ถือว่าได้รับความสนใจของพี่น้องประชาชน และเป็นคดีที่มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ โดยยืนยันว่าจะทำทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมาเหมือนที่เคยทำ ซึ่งตอนนี้ อยู่ระหว่างรับแจ้งความ พร้อมมอบหมายให้ทางกองบังคับการปราบปรามดำเนินการ โดยมีพลตำรวจตรีสุวัตน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนร่วมทำคดีนี้


ซึ่งหลังจากได้รับข้อมูลมาแล้ว หากพบการกระทำไปเกี่ยวพันกับใคร หรือมีความผิดไปถึงหน่วยงานใด ก็จะต้องพิจารณาความผิดกันต่อไป ยืนยันทุกอย่างดำเนินการตามระเบียบ ไม่ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นทนายความหรือเป็นใคร ก็ถือว่าเป็นประชาชนคนหนึ่งที่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ต้องทำทุกอย่างให้เท่าเทียม ทำตามข้อเท็จจริง และพร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย


เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า จะมีการเรียกทนายคนดังกล่าวเข้ามาให้ปากคำหรือไม่นั้น พลตำรวจโทจิรภพ ตอบว่า “ตอนนี้ เพิ่งจะรับข้อมูลจากฝ่ายของผู้เสียหายหรือฝ่ายผู้กล่าวหากล่าวโทษ ถ้าถึงเวลาที่เหมาะสม ก็จะเชิญผู้ที่ถูกกล่าวหามาให้การต่อไป ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร จะไปถึงขั้นออกหมายเรียก หรือหมายจับเลยหรือไม่ ยังไม่ขอสรุปว่าจะไปในทิศทางไหน เพราะต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงว่า มีข้อหาอื่นเพิ่มอีกหรือไม่ ขอรวบรวมข้อเท็จจริงก่อน ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ได้พูดคุยกับทนายท่านนั้นแต่อย่างใด”


ส่วนประเด็นเงินที่หลอกให้นำเงินไปช่วยใช้หนี้ให้คนใกล้ชิดอีก 39 ล้านบาทนั้น พลตำรวจโทจิรภพ ตอบว่า รายละเอียดอยู่ในสำนวน เปิดเผยไม่ได้ แต่เจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลแล้ว ก็มีข้อเท็จจริงอยู่ แต่ยังอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบในทุกประเด็น ถ้าผิดก็พร้อมดำเนินการเต็มที่


ขณะที่ พลตำรวจตรี มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม ระบุว่า ขณะนี้ 'เจ๊อ้อย' อยู่ระหว่างสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม ส่วนมูลค่าความเสียหายที่ถูกโกงยังอยู่ที่ 71 ล้านบาท รวมไปถึงเคสอื่น ๆ ที่เกี่ยวโยงเข้ามา ก็ยังอยู่ระหว่างสอบสวน


เบื้องต้น วันนี้เป็นการสอบปากคำภาพรวมทั้งหมด เริ่มตั้งแต่สอบถึงความเป็นมาที่เข้าไปรู้จักกัน รวมไปถึงการทำนิติสัมพันธ์ในทุกเคสที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาความผิดในข้อหาต่าง ๆ ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนของพิจารณาตามหลักฐาน แต่จะเป็นข้อหาฉ้อโกงโดยเฉพาะหรือไม่ พลตำรวจตรีมนตรี ตอบว่า “ยังตอบไม่ได้ อยู่ระหว่างรวบรวมอยู่”


ในวันเดียวกัน เวลา 22.30 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เจ๊อ้อย หรือ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ พร้อมด้วยเลขาส่วนตัว และนายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความส่วนตัว เดินทางกลับ ภายหลังจาก ให้สอบปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เกี่ยวกับกรณีที่ถูกทนายดังหลอกลวงเงินไปกว่า 71 ล้านบาท นานเกือบ 12 ชั่วโมง (ตั้งแต่ 11.00 น.)


โดยเจ๊อ้อย เดินออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นักข่าวพยายามจะขอสัมภาษณ์ เจ๊อ้อย ตอบสั้น ๆ ว่า “ให้การกับตำรวจไปหมดแล้ว”


จากนั้นนักข่าวพยายามถามถึงเรื่องการดำเนินคดี และการให้ปากคำในวันนี้ ประมาณ 1 นาทีกว่า ช่วงที่เจ๊อ้อยเดินหารถ แต่เจ๊อ้อยยิ้มอย่างเดียว โดยไม่ตอบคำถามใด ๆ


นักข่าวถามว่า ยิ้มนี่ ไม่มีความกังวลใช่มั้ย เจ๊อ้อยบอกว่า “ไม่มี”


พอถามว่ามั่นใจว่าพยานหลักฐานที่ให้ไปเอาผิดได้แค่ไหน ทนายตอบแทนว่า ยืนยันในพยานหลักฐาน จากนั้น เจ๊อ้อยตอบเพิ่มเติมว่า “มันอยู่ในสำนวน เดี๋ยวจะเสียรูปคดี” แล้วก็ไม่ตอบคำถามอีก


จนก่อนขึ้นรถนักข่าวเลยถามว่า วันนี้ วันฮาโลวีน ผีกับคนอะไรน่ากลัวกว่ากัน เจ๊อ้อยตอบสั้น ๆ ว่า “คน”


นักข่าวถามอีกว่า ”คนน่ากลัวยังไง“ แต่เจ๊อ้อยยิ้มแล้วปิดประตูรถขับออกไปทันที


ขณะที่ พลตำรวจตรีสุวัตน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุถึงความคืบหน้าคดีว่า ขณะนี้พยายามสอบปากคำทั้ง ”เจ๊อ้อย“ และเลขาฯ ”เจ๊อ้อย“ ให้ละเอียดทุกสิ่งและทุกเรื่อง ทั้งในเรื่องที่ได้ให้การมาแล้วหรือยังไม่ได้ให้การ เพื่อความชัดเจน เบื้องต้น สอบไปแล้ว 70-80 เปอร์เซ็นต์ โดยความจริงแล้วยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกเยอะ ทั้งการสอบปากคำผู้เสียหาย และรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นพยานเอกสารและพยานบุคคลที่จะต้องสอบต่อ


เมื่อถามว่าจะมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับ “ทนายคนดัง” ได้เลยหรือไม่ พลตำรวจตรีสุวัตน์ ตอบว่า “รอรวบรวมพยานหลักฐาน ตลอดจนการสอบสวนว่าพบเป็นความผิดเรื่องอะไร”


เมื่อถามย้ำว่าจะเป็นข้อหา “ฉ้อโกง” หรือไม่ พลตำรวจตรีสุวัตน์ บอกว่า “ยังขอไม่ระบุ ต้องดูที่พยานหลักฐาน และขอไม่พูดถึงว่ามีหลักฐานมากน้อยแค่ไหน เพราะเป็นเรื่องอยู่ที่สำนวนคดี พร้อมทั้งยังระบุกรอบเวลาที่ชัดเจนไม่ได้ ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน”


ส่วนเรื่องการหลบหนีของทนายคนดังนั้น พลตำรวจตรีสุวัตน์ บอกว่า “อยู่ระหว่างรวบรวมสอบสวนพยานหลักฐาน ยังไม่ได้มีเบาะแสในเรื่องของการหลบหนีใดๆ” นอกจากนี้ประเด็น ”ทนายอั๋น“ ที่ให้ข้อมูลเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน จะนำมารวมกับการสอบสวนด้วยหรือไม่นั้น พลตำรวจตรีสุวัตน์ ระบุว่า ”ตรงนี้ไม่ทราบ”


ด้าน นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความของเจ๊อ้อย เปิดเผยว่า วันนี้ คุณอ้อยได้มาให้การกับตำรวจ ตามที่ได้ร้องทุกข์ไป ดังนั้น รายละเอียดจะอยู่ในสำนวนคดีทั้งหมด จึงไม่สามารถที่จะให้เนื้อหาแห่งคดีได้ ต้องกราบขอโทษทุกคนด้วย และตนก็ไม่ได้รับอนุญาตให้มีการเปิดเผยเนื้อหาในคดี  


ในส่วนของข้อหาที่เราประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับคู่กรณีนั้น ยังไม่สามารถแจ้งได้ แต่ว่ายืนพื้นในข้อหาฉ้อโกง 71 ล้าน เป็นข้อหาแรก ส่วนรายละเอียดการสอบสวน อยู่ที่พนักงานสอบสวน สำหรับประเด็นที่อีกฝ่ายนำข้อมูลส่วนตัวของคุณอ้อย ไปเปิดเผย จะดำเนินคดีในข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือไม่นั้น ตนยังไม่ได้ดูรายละเอียด ซึ่งยังไม่สามารถตอบได้


“สำหรับเรื่องเงินที่อีกฝ่ายบอกว่า ให้มาโดยเสน่หานั้น ขอยืนยันว่า ไม่ใช่การให้โดยเสน่หา เนื้อหาทั้งหมดได้มอบให้กับตำรวจแล้ว ทุกอย่างยุติธรรมตามเอกสาร ซึ่งถ้าหากอีกฝ่ายติดต่อมาเพื่ออยากจะขอไกล่เกลี่ย มันขึ้นอยู่กับผู้ถูกร้อง แต่ที่ผ่านมาในช่องทางของทนาย อีกฝ่ายยังไม่เคยติดต่อกลับมา แต่ในช่องทางของคนอื่น ผมไม่ทราบ ส่วนช่องทางของคุณอ้อย ก็ไม่มีเช่นเดียวกัน ซึ่งหลังจากนี้จะมีการยอมความหรือไม่มันเป็นเรื่องในอนาคตแต่ ณ วันนี้ ไม่มี”


อย่างไรก็ตาม วันนี้ตำรวจได้สอบปากคำคุณอ้อยไปมากพอสมควร เราได้ส่งมอบพยานหลักฐานที่มีให้กับตำรวจหมดแล้ว ส่วนรายละเอียดการสอบสวน ตนไม่ได้เข้าไปภายในห้องสอบสวน


เมื่อถามว่า มีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหนว่าในอนาคต บุคคลนั้นจะดื่มฉี่ 71 แก้ว ทนายความ ตอบว่า “ผมไม่สามารถตอบแทนได้ ผมมั่นใจในเอกสารที่ผมนำเสนอ” สำหรับประเด็นที่อีกฝ่ายพยายามยืนกรานว่า ให้โดยเสน่หา มันก็เป็นเรื่องข้อต่อสู้ของอีกฝ่าย ตนไม่สามารถตอบแทนได้เช่นกัน


สำหรับกระแสข่าวที่ว่า มีการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันหรือไม่นั้น ตนมองว่าถ้ามันหลีกเลี่ยงได้ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะเราไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย


เมื่อถามว่ากังวลใจหรือไม่ ที่คนใกล้ตัวซึ่งเป็นพยานของคุณอ้อย จะถูกบุคคลลึกลับข่มขู่ ทนาย ตอบว่าตนขอไม่ก้าวล่วงออกความเห็น


ส่วนยอดเงินอื่น ๆ จะมีการดำเนินคดีหรือไม่นั้น ทนาย ตอบว่า หากหลักฐานถึงก็ถึง ซึ่งจำนวนเงินมากกว่า 71 ล้าน หรือไม่นั้น ก็เป็นไปตามที่ข่าวนำเสนอไปก่อนหน้านี้ ส่วนก้อนเงิน 39 ล้าน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ให้ข้อมูลกับตำรวจไปแล้ว ส่วนจะเอาผิดได้หรือไม่นั้น เป็นความเห็นของพนักงานสอบสวน


ทั้งนี้ ในส่วนของความรู้สึกคุณอ้อย ก็ไม่ได้รู้สึกกังวลใจอะไร และเมื่อถามว่าเสียความรู้สึกกับบุคคลคนนี้มากแค่ไหน ทนาย ตอบว่า ก็เป็นไปอย่างที่คุณอ้อยเคยสัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้  ยืนยันว่า ในเรื่องคดีความ ไม่มีความกังวลใจอะไรเลย มั่นใจ คู่กรณีเป็นนักกฎหมายก็ไม่เป็นไร นักกฎหมายก็ทำผิดได้ ผมเองก็ทำผิดได้เหมือนกันถ้าหากผมจะผิด ส่วนที่อีกฝ่ายโต้แย้งว่าไม่ผิดนั้น มันก็อยู่ที่เขา


สำหรับประเด็นก่อนหน้านี้ที่ทนายความเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า อยากให้ผู้ถูกกล่าวหาได้สำนึกในสิ่งที่เกิดขึ้น ทนายความ ตอบว่า “ผมขอตอบในนามส่วนตัวหากว่าผมทำผิด ผมก็กล้ารับผิดทุกคนย่อมทำผิดได้เสมอแต่กล้ารับหรือไม่ ซึ่งถ้าหากเขากล้ารับก็ขึ้นอยู่ที่เขา ส่วนเรื่องการให้อภัยมันเป็นเมตตาธรรมของเขา ซึ่งผมไม่สามารถตอบแทนได้ แต่ข้อกฎหมายก็ว่ากันไป”



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/n7rJRGTZ6M0


คุณอาจสนใจ

Related News