สังคม
DSI มีมติเอกฉันท์ฟันคดี 'ดิไอคอน' เป็นคดีพิเศษ ผิดแชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.คอมฯ
โดย nattachat_c
7 ชั่วโมงที่แล้ว
6 views
วานนี้ (29 ต.ค.67) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีการเชิญเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ประชุมร่วมกัน เพื่อพิจารณาสำนวนคดีว่าจะเข้าข่ายความผิดพรก.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ หรือไม่ ซึ่งเป็นสำนวนบางส่วนเท่านั้น โดยมี ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นประธานในการประชุม
หลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ,พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม
โดย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล กล่าวว่า การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี โดยจากการรับฟังข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานซึ่งมีการเชิญพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยมีรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้บังคับการปราบปราม และพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องในคดี มาให้ข้อเท็จจริงกับพยานหลักฐานเป็นประโยชน์ ให้คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ของดีเอสไอพิจารณา ซึ่งชัดเจนว่า เป็นความผิดที่เข้าข่าย พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน รวมถึง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งอยู่ในบัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ คณะกรรมการกลั่นกรองจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ โดยจะรีบเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ
โดยพยานหลักฐานที่นำมาสู่มติเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ว่า คดีเข้าข่ายคดีพิเศษ คือข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่ตำรวจสอบสวนกลางนำมาให้ ทั้งแผนประทุษกรรม, แผนการตลาดจากคอมพิวเตอร์, งบการเงิน, รวมถึงพยานหลักฐานอื่น ๆ ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นความผิด พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
โดยสำนวนที่รับมาจากตำรวจที่จะเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาช่วงบ่ายวันเดียวกันว่าจะแยกเป็นอีกคดี ซึ่งเป็นคนละส่วนกับคดีฟอกเงินที่ดีเอสไอรับดำเนินการก่อนหน้านี้ เพราะถือว่าเป็นเหตุการณ์ต่างกรรมกัน
พร้อมยืนยันว่าจะไม่ใช่การนับหนึ่งใหม่แต่นับก้าวไปเลย เป็นการทำงานร่วมกันกับตำรวจสอบสวนกลางในลักษณะการบูรณาการ ซึ่งหลังจากรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ตำรวจก็ยังสามารถมาสอบปากคำร่วมได้ การรับเป็นคดีพิเศษจะไม่ใช่การตัดอำนาจของตำรวจแต่เป็นการทำงานคู่ขนานกันอย่างที่ทำมาตลอด
ร.ต.อ.วิษณุ ยังชื่นชมการทำงานของกองบัญชาการตรวจสอบสวนกลาง ที่ใช้เวลาจำกัดรวบรวมพยานหลักฐานมีประโยชน์และมีประสิทธิภาพ จนกระทั่งมีการส่งเรื่องมาให้ดีเอสไอเป็นเจ้าภาพ ซึ่งขณะนี้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางก็ยังมีการส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาให้กับดีเอสไออยู่ตลอดเวลา
ส่วนจะต้องมีการสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมด้วยหรือไม่ เดี๋ยวจะมีการประชุมและพิจารณากัน ว่า ส่วนไหนที่กองบัญชาการสอบสวนกลางยังอยากทำ และตอนนี้ก็ยังช่วยกันทำ ซึ่งส่วนตัวก็ยังชื่นชมเรื่องของการออกหมายจับที่ตำรวจสอบสวนกลางทำได้รวดเร็ว เป็นการป้องกันการทำลายเป็นหลักฐาน เมื่อผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวแล้วทางดีเอสไอก็สามารถพิจารณาพยานหลักฐานอื่นๆ หากไปถึงตรงไหนจะมีการดำเนินการทันที
ส่วนทางดีเอสไอจะออกหมายจับรวดเร็วเหมือนตำรวจสอบสวนกลางหรือไม่ ร.ต.อ.วิษณุ ระบุว่า ต้องว่ากันตามพยานหลักฐาน ซึ่งการจะออกหมายจับ พยานหลักฐานต้องตามสมควร ดีเอสไอมีการพิจารณาร่วมกับพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางด้วย
ขณะที่ประเด็นการออกหมายจับผู้ต้องหาล็อตที่สอง ร.ต.อ.วิษณุ ไม่ได้ตอบชัดว่าจะออกหมายจับภายในระยะเวลาเท่าไหร่ แต่ยืนยันว่าทำให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยหน้างานที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางทำมาและดีเอสไอรับช่วงต่อ ยืนยันว่า ต้องทันก่อนฝากขังผัดสุดท้ายของผู้ต้องหา ซึ่งหากเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนได้เพียง 4 ฝาก แต่ถ้าพิจารณาความผิดจนสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มใน พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน จะรวมแล้วได้ 7 ฝาก ซึ่งต้องพิจารณาให้รวดเร็วรอบคอบและมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยจะมีหนังสือเชิญอัยการสูงสุดมาเป็นที่ปรึกษาในคดี รวมถึงเชิญผู้เชี่ยวชาญทุกด้านที่เกี่ยวข้องมาดูเรื่องข้อต่อสู้ของผู้ถูกกล่าวหา เพื่อให้คดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/GeBm_iH4SJ4