สังคม
DSI รับไม้ต่อ สำนวนคดี ‘ดิไอคอน’ ล็อตแรก 20 ลัง เตรียมพิจารณาเป็นคดีพิเศษหรือไม่ 29 ต.ค.นี้
โดย nattachat_c
29 ต.ค. 2567
64 views
ตำรวจส่งสำนวน 'ดิไอคอน' ล็อตแรกให้ 'ดีเอสไอ' ผู้เสียหายกว่า 1,000 คน ขยายเวลาทำสำนวนจาก 48 วัน เป็น 84 วัน หลังพบเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นมูลฐานฟอกเงิน
หลังกลายเป็นข่าวใหญ่ เมื่อมีการจับกุม 18 บอสดิไอคอน ที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก ถูกหลอกขายฝัน เสียเงินเป็นแสน บางรายสูญเงินเป็นล้าน ความคืบหน้า วานนี้ (28 ต.ค. 67) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ทยอยขนสำนวนคดี 'ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด' ซึ่งเป็นผู้เสียหายกว่า 1,000 คนแรก จากกว่า 3,400 คน ที่เข้าแจ้งความกับตำรวจสอบสวนกลาง นำไปส่งมอบให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นล็อตแรก
โดย เมื่อเวลา 15:35 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. นำเอกสารสำนวนล็อตแรกของคดีบริษัท The Icon Group จำนวน 20 ลัง ขนขึ้นรถตู้ บก.ปคบ. จำนวน 2 คัน มาส่งยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยในลังเอกสารเหล่านี้ ประกอบไปด้วยคำให้การของผู้ต้องหา และผู้เสียหาย รวมไปถึงบันทึกการจับกุม คำให้การของพยานบุคคลและผลการตรวจค้นพยานหลักฐานต่าง ๆ
โดยทาง พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้เดินทางมาส่งมอบหนังสือแจ้งพฤติการณ์แห่งคดีมามอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมี ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้รับมอบหนังสือ และรับสำนวนคดี
เบื้องต้น พลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า สำนวนที่ส่งมอบให้ดีเอสไอ ในวันนี้ เป็นล็อตแรก และพนักงานสอบสวนก็กำลังเร่งรวบรวมเอกสารจัดใส่แฟ้ม เพื่อส่งมอบให้กับดีเอสไอเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จ โดยเร็วที่สุด โดยยืนยันว่า ระหว่างนี้ ผู้เสียหายยังสามารถเข้าแจ้งความกับตำรวจได้ทั่วประเทศ รวมถึงที่ศูนย์รับแจ้งความของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จนกว่าดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษอย่างเป็นทางการ และหากหลังจากนี้ ดีเอสไอต้องการประสานให้ตำรวจช่วยรับแจ้งความจากประชาชน ทางตำรวจก็ยินดี
วานนี้ (28 ต.ค. 67) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานคดี บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป เผยว่า จะมีการโอนส่งมอบสำนวนคดี ทั้งหมด ให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่วนผู้เสียหายที่เข้ามาแจ้งความในคดีดังกล่าว หลังจากมีการโอนสำนวนไปให้ดีเอสไอแล้ว ทางตำรวจจะยังช่วยในเรื่องของการรับแจ้งความให้อยู่ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเป็นสุญญากาศ โดยประชาชนสามารถเดินทางมาแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้ต่อไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง จากนั้นตำรวจจะส่งเรื่องไปให้ดีเอสไออีกทอดหนึ่ง ทั้งนี้ ตำรวจพร้อมให้ความร่วมมือกับดีเอสไอเต็มที่
ขณะที่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีดิไอคอนกรุ๊ป ของ บช.ก.จะตรวจสอบความเรียบร้อยแฟ้มคดี ก่อนจะโอนส่งมอบให้ดีเอสไอ ส่วนอำนาจการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดภายใน 48 วัน หรือ 4 ผัดฝากขังนั้น ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเจ้าหน้าที่สามารถแจ้งข้อหาอื่นเพิ่มได้อีก เมื่อถึงตอนนั้นเวลาฝากขังจะเพิ่มขึ้นเป็น 7 ผัด 84 วัน ถือว่าเวลายังมีอีกมาก จะแจ้งก่อนหรือแจ้งตอนผัดฟ้องสุดท้ายล้วนสามารถทำได้
ส่วนการออกหมายจับล็อต 2 นั้น ต้องดูอีกครั้งว่า ดีเอสไอจะเป็นผู้ออกหมายเองหรือไม่ เพราะตามอำนาจของดีเอสไอ สามารถร้องขอให้ตำรวจช่วยทำได้ เช่น เรื่องการสอบสวนผู้เสียหาย แต่เรื่องหมายจับคงต้องมาดูกันอีกที คาดว่าจะมีความชัดเจนขึ้นในวันที่ 28 ต.ค.
ด้าน ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษกล่าวว่า ในวันนี้ (29 ต.ค.) เวลา 9:00 น. ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยคณะทำงานพิจารณารับคดีพิเศษที่ตนเป็นประธาน จะดำเนินการประชุมเพื่อพิจารณาสำนวนคดี The Icon Group ว่าเข้าข่ายจะเป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยจะพิจารณาด้วย 2 หลักการคือ ข้อที่ 1 ข้อหาที่ตั้งคือร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เข้าบัญชีท้ายคดีพิเศษที่จะรับเป็นคดีพิเศษโดยอัตโนมัติหรือไม่
หากไม่เข้าข้อที่ 1 ก็จะพิจารณาข้อที่ 2 คือ ส่งต่อให้คณะกรรมการคดีพิเศษหรือ กพค. มีมติรับเป็นคดีพิเศษต่อไป โดยได้เตรียมการมอบหมายให้กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ เป็นผู้รับผิดชอบหากเป็นคดีพิเศษ
อย่างไรก็ตาม หากการตรวจสอบพฤติการณ์แล้วพบว่า สามารถตั้งข้อหาเพิ่มคือข้อหาแชร์ลูกโซ่ได้ ก็จะเข้าเงื่อนไขข้อที่ 1 ในการรับเป็นคดีพิเศษได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการคดีพิเศษหรือ กพค. อีก
โดย พล.ต.ต.วิทยา เปิดเผยว่า เป็นการส่งสำนวนที่สอบสวนที่ตำรวจสอบสวนกลางการดำเนินการรวบรวมและสอบปากคำตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม ถึง 27 ตุลาคม จำนวน 81,000 แผ่น กว่า 30 ลัง เพื่อให้ทาง DSI พิจารณาต่อไปว่าคดีนี้จะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ส่วนคดีการรีดไถเงินหรือบรรดาคลิปเสียงต่างๆ นั้น ยังคงอยู่ในอำนาจการสอบสวนของตำรวจสอบสวนกลาง ไม่ได้ส่งมาให้ DSI แต่อย่างใด
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/kt6uBpghU74