สังคม

เปิดใจสาวคู่กรณี 'ภรรยาอดีตบิ๊กตร.' บอกแอบแซ่บกับสามีนานแล้ว ยันงานแต่งไม่ล้ม เคลียร์จบรักกันดี

โดย petchpawee_k

25 ต.ค. 2567

71 views

เปิดใจ สาวผู้เสียหายแจ้งความภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ ลั่น แอบแซ่บกับสามีมานานแล้ว เล่านาทีเปิดถุงสีรุ้ง บอกเปิดเพียงถุงเดียว เห็นเงินสดมัดกองเกือบเต็มถุง ไม่ฟันธงยอดเงินเท่าไหร่ – แจงประเด็นมีทองเยอะ เหตุสามีชอบเก็บสะสมตั้งแต่เริ่มทำงาน อีกทั้งตัวเองมีธุรกิจขายของวันเดียวก็ซื้อได้วันละบาท  แฉ สามีเคยให้ทองหญิงคนดังกล่าวร้อยกว่าบาทตอนคบกันแบบไม่ขอคืน - ยืนยันยังอยากได้ทรัพย์สินคืน ส่วนเรื่องคดีมอบให้ตำรวจจัดการ  พบเคยมีประวัติฉ้อโกงเพียบ หลายคดีสั่งไม่ฟ้อง รอขึ้นศาลอีกคดีเดือนหน้า เผย ทั้งหมดถูกกลั่นแกล้ง

กรณี น.ส.ธณัฏฐา เข้าแจ้งความที่ สน.พระโขนง เพื่อให้ดำเนินคดีกับภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ  ฐานความผิดลักทรัพย์ เหตุเกิดภายคอนโดแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท 101  

วานนี้ (24 ต.ค.67) ทีมข่าวได้คุยกับคุณธณัฏฐา  เล่าว่า เธอกับสามีคบกันมาแล้ว 3 ปี  ยศตำแหน่งล่าสุดของสามี คือ “ผศ.พ.ต.อ.ดร.”  ก่อนเล่าย้อนถึงที่มาที่ไปของคดีนี้ว่า ก่อนหน้านี้  ภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ มักโทรศัพท์มาหาสามีตน ช่วงแรกบอกว่าเป็นเพื่อนกัน แต่ไปๆ มาๆ พอจับพิรุธได้ สามีจึงสารภาพว่า เคยเป็นแฟนเก่ากับภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ แต่ปัจจุบันเป็นแค่เพื่อนกัน  แต่เธอก็มาพบว่า ความจริงแล้ว ทั้ง 2 คน กลับมามีความสัมพันธ์กัน ถึงขั้นมีกิจกรรมกันที่บ้านของตนเองอีกหลัง ที่ย่านคลอง 7 ปทุมธานี  ซึ่งตนเอะใจ สงสัย จึงแอบติดกล้องวงจรปิดไว้  กระทั่งสามีต้องจำนนต่อหลักฐาน ทำให้ทะเลาะกับสามีหนักมาก  

หญิงคนดังกล่าว เคยเอาถุงกระสอบสีรุ้ง 5 ใบมาฝากไว้ที่คอนโด ย่านสุขุมวิท 101  ตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยบอกว่าเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม  กระทั่งช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตนกลับไปคอนโด  ด้วยความสงสัยจึงลองเปิดดู โดยเปิดใบที่วางอยู่บนพื้นใบเดียว พอเปิดออกมาก็ตกใจ เพราะเจอเงินสดในถุง กองพะเนินแทบจะเต็มถุง ตนไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ เพราะมัดเงินเป็นกองๆ พอตนเจอเงิน ก็ถามสามี แต่สามีบอกว่าไม่รู้และคิดว่าเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม ตนจึงบอกสามีให้ติดต่อหญิงคนดังกล่าวมาขนถุงกระสอบออกไป  แต่เขาก็ไม่ยอมมาเอาออกไป ตีมึนอย่างเดียว

กระทั่ง 16 ส.ค. หญิงคนดังกล่าว โทรไลน์มาหาสามีตน  แต่ตนรับสายแทน  จึงพูดไปว่า รู้มาตลอดนะว่าทำอะไรไว้บ้าง  แต่เขาตีมึนอีก  ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ตนเองใช้ให้หลานไปเอาของที่คอนโด  ปรากฎว่า เจอหญิงคนดังกล่าวเข้าไปในห้อง ตนจึงถามสามีว่าให้คีย์การ์ดเขาไปหรือ  สามีบอกว่าไม่ได้ให้ มาทราบภายหลังว่า เขาขโมยคีย์การ์ดไป ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าคีย์การ์ดหายไปตอนไหน  ส่วนวันเกิดเหตุ เป็นวันที่เขามาเอาถุงสีรุ้งไปและยังขโมยทรัพย์สินของตนไปด้วย ประกอบด้วย ทองคำแท่ง 100 บาท   ทองรูปพรรณ  กำไลข้อมือทองคำ และกรอบพระเลี่ยมทอง น้ำหนักรวม 20 บาท รวมทั้งเงินสดอีก 6 แสนบาท  ตอนไปแจ้งความตำรวจให้คิดยอดเงินความเสียหาย ตอนแรกคิดราคาเก่าที่เคยซื้อไว้รวมทั้งหมด 4.8 ล้านบาท  แต่พอมาคิดอีกครั้งในราคาวันที่ทรัพย์สินถูกขโมยไป รวมมูลค่าเกือบ 6 ล้านบาท

คุณธณัฏฐา ผู้เสียหาย บอกว่า ตนพยายามตามทรัพย์สินคืน แต่ไม่ได้คืน  ตนจึงไปแจ้งความว่าผู้หญิงคนนี้ขโมยไป ตอนแรกตำรวจไม่เชื่อ จนเปิดหลักฐานให้ดู ตำรวจถึงรับแจ้ง และตำรวจบอกว่า ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นมาแจ้งความคงคิดว่าเป็นคนบ้า ที่จะมาแจ้งความดำเนินคดีกับคนนี้ เพราะมองว่าเขารวยแล้ว จะมาเอาของเราไปทำไม

จากนั้นตำรวจพูดว่า “แสดงว่าที่เขาเอาไปเพราะเขาหมั่นไส้ เขาอิจฉา นิสัยผู้หญิงพอจะเสียแล้วไม่ยอมเสีย” ตนก็เลยนึกได้ว่า อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง

คุณธณัฏฐา บอกว่า ส่วนเรื่องเจอเงินในถุงสีรุ้ง ตนก็คิดออกทันทีว่าทำไมถึงเอาถุงสีรุ้งเหล่านี้มาฝากไว้  เพราะสามีเขาเป็นใครเราก็รู้กันอยู่  หากให้ประเมินและวิเคราะห์แล้ว ตนมองว่าหญิงคนดังกล่าวต้องการเอาของเหล่านี้มามัดสามีตน  หากตัวเขาโดนอะไรขึ้นมา ก็อาจจะโยนมาให้สามีของตนโดนด้วย  ส่วนที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ถุงเงินดังกล่าวน่าจะมีเงินเป็นหลักร้อยล้านพันล้าน คุณธณัฏฐา บอกว่า ก็อาจจะถึง แต่ตนไม่รู้ เพราะไม่ได้เปิดดูทุกถุง

คุณธณัฏฐา เล่าต่อว่า ในวันที่หญิงคนดังกล่าวมาเอาถุงสีรุ้ง กับขโมยทรัพย์สินของตนไปนั้น ปรากฎว่า หญิงคนนั้นลืมกระเป๋าแบรนด์เนมไว้บนเตียงห้องนอน  เท่ากับว่า เขาไปรื้อของในห้องของตน เอาของของตน แต่ดันลืมของตัวเองไว้  ตนมองว่าเป็นเวรกรรมตามสนอง ให้ทิ้งหลักฐานไว้  ตนจึงนำหลักฐานนี้มอบให้กับตำรวจ  จนตำรวจขยายผลต่อ  โดยในกระเป๋าแบรนด์เนมของหญิงคนดังกล่าว มีนาฬิกา Patek Philippe 2 เรือน หลักฐานการขายทองกว่า 1,000 บาท โฉนดที่ดิน กรมธรรม์ประกันชีวิต

คุณธณัฏฐา ยังกล่าวถึงทองคำ ที่เธออ้างว่าถูกหญิงคนดังกล่าวขโมยไป ว่า ทองทั้งหมดนั้น สามีตน เป็นคนสะสมมาตั้งแต่สามีเริ่มทำงาน  ซึ่งตอนที่สามีคบกับผู้หญิงคนดังกล่าว ก็เคยให้ทองไปกว่า 100 บาท ให้แบบไม่เอาคืน

ส่วนที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมพวกตนมีทองเยอะจัง เป็นเพราะว่าสามีของตนทำงานมา ไม่มีหนี้สิน เงินเดือนได้เยอะ  อีกทั้งมีงานพิเศษเสริมด้วย  ส่วนตนเองก็ทำธุรกิจ  ขายของหนึ่งวันก็สามารถซื้อทองได้ 1 บาทแล้ว   ซึ่งทองทั้งหมดนี้สามีเก็บสะสมมาและตกลงกันว่าจะใช้เป็นสินสอดในงานแต่งงาน ที่กำหนดไว้วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568   ส่วนเงิน 6 แสนบาท เป็นค่าจัดงานแต่งงาน  

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า  ฝ่ายผู้หญิงเป็นคนนำทองมาให้สามีของเธอนั้น คุณธณัฏฐา ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ไม่มีทางอย่างแน่นอน ส่วนความสัมพันธ์ของตนกับสามี  ยืนยันว่า จะคบหากันต่อและจะแต่งงานกันตามที่กำหนดไว้ เพราะเมื่อตนจับได้เรื่องความสัมพันธ์ของสามีกับหญิงคนนั้น ก็เคลียร์กันแล้ว และยังรักกันเหมือนเดิม

คุณธณัฏฐา ยังแสดงความเห็น  หลังจากที่ภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ ไปมอบตัวว่า “ก็ดีแล้ว เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องมา  เขาไม่ออกมาพูดอะไรเลย  หากเขาออกมาพูดและมาเคลียร์แต่แรก เรื่องคงไม่บานปลายถึงขนาดนี้ ก็คงจะจบง่ายๆ ไปแล้ว  แต่เขารอจนเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนของกลางที่เขาเอาไปหรือไม่เอาไปนั้น ก็ต้องให้เขาออกมาพูด”

เมื่อถามย้ำว่า ทางภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ ได้บอกกับผู้สื่อข่าวระหว่างเข้ามอบตัวว่า ข้อกล่าวหาต่างๆ ไม่เป็นความจริง และหากมีอะไรเสียหาย จะมอบหมายให้ทนายดำเนินการ   คุณธณัฏฐา มองว่า “ก็แล้วแต่เขา  ไม่ได้สนใจตรงนี้ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนมึน”

เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะไกล่เกลี่ย ยอมความหรือไม่ คุณธณัฏฐา กล่าวว่า เรื่องของคดีความมอบให้ตำรวจจัดการไป และให้สามีเป็นคนดูแลเรื่องนี้  แต่จุดประสงค์ของตนยังคงเหมือนเดิม คือ อยากได้ของทั้งหมดคืน  หากไม่คืน มันก็ต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย

คุณธณัฏฐาฝากถึงหญิงคนดังกล่าวว่า ให้ออกมาพูดกับสังคมได้แล้ว ทำอะไรก็ต้องกล้าเผชิญหน้ากับความจริงที่ก่อและทำไว้  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชู้สาว หรือเรื่องเอาทรัพย์สินไป   ตรงไหนไม่จริงให้ออกมาพูด จะให้ไปเจอกันที่รายการไหนก็พร้อม ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นเกรงว่าสามีจะถูกให้ออกจากราชการตำรวจหรือไม่นั้น เรื่องนี้สามีก็เตรียมตัวตั้งรับกับเหตุการณ์ดังกล่าวไว้แล้ว ส่วนจะเป็นอย่างไรก็คงต้องรับสภาพ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาจะพิจารณา

นอกจากนี้ คุณธณัฏฐา ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตัวเองเคยถูกศาลออกหมายจับคดีฉ้อโกงหลายคดีมาก เช่น ศาล จ.ทองผาภูมิ ออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกง  ซึ่งศาลสั่งไม่ฟ้อง  ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ในคดีฉ้อโกงสั่งไม่ฟ้องเช่นกัน และล่าสุดคดีฉ้อโกง เป็นหมายจับศาลแขวง จ.นครปฐม รอขึ้นศาลต้นเดือนพฤศจิกายนนี้  แต่ยืนยันว่า ตัวเองถูกกลั่นแกล้งทั้งหมด  และหญิงรายดังกล่าวเคยเสนอช่วยเรื่องคดีด้วย แต่ตนบอกไปว่าไม่ต้อง เพราะไม่ผิด



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/mld-dO565hY

คุณอาจสนใจ

Related News