สังคม

‘บิ๊กเต่า’ ยัน 3 คลิปเสียงเป็นเสียงจริง ไม่ใช่ AI เตือน ‘เทวดา’ ระวังตกสวรรค์ ลั่นพร้อมกระชากหน้ากาก

โดย petchpawee_k

22 ต.ค. 2567

19 views

“บิ๊กเต่า“ ลั่น อยากเจอเทวดา เตือนกลุ่มทำเพื่อสังคม ปราบกระบวนการแชร์ลูกโซ่ ทำตัวเป็นพระเอก-นางเอก ระวังตกสวรรค์ ย้ำคลิปเสียงที่เผยแพร่เป็นคลิปเสียงจริง ไม่ใช่ AI เตรียมจี้ “บอสพอล” เผยรหัสมือถืออีกเครื่อง หลังพบอัดเสียงพูดคุยจำนวนมาก หากไม่ร่วมมือ ต้องขอหมายศาลฯ

วานนี้ (21 ต.ค.67) พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยหลังประชุมยร่วมกับตำรวจ บก.ปปป. พร้อม ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. หารือแนวทางการตรวจสอบคลิปเสียงลับนักร้องเรียน-นักการเมืองชื่อดัง เรียกรับเงินจาก ดิ ไอคอน กรุ๊ป หลังจากคนขับรถบอสพอล นำมือถืออีกเครื่องมามอบให้ตำรวจ

พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ กล่าวว่า กรณีคลิปเสียง ที่มีปรากฏออกมาตามสื่อโซเชียลต่างๆ นั้นมีคลิปเสียงจำนวนมาก ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบ เบื้องต้นยืนยันได้ว่า ทั้ง 3 คลิป (คลิปบอสพอลคุยกับประทีป  คลิปบอสพอลคุยกับ ส.เสือ  คลิปเรื่องเทวดา ) ที่ปรากฎออกมานั้นเป็นคลิปเสียงจริง ไม่ใช่คลิปตัดต่อ หรือคลิป AI แต่ตอนนี้ตนต้องการได้คลิปฉบับเต็มเพื่อที่จะยืนยันตัวตนได้ว่าเสียงในคลิปเป็นบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างจริงหรือไม่

อีกทั้งยังต้องตรวจสอบสถานภาพของบุคคลในคลิปเสียงด้วยว่า ในเวลานั้นที่พูดคุยกัน อยู่ในสถานภาพไหน เป็นประชาชนหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งหากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ สามารถเอาผิดได้แน่นอน ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่า มีข้าราชการประจำรับเงินนั้น จะต้องตรวจสอบให้ละเอียดว่ามีการรับเงินกันจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่คำกล่าวอ้าง และตัวบอสพอลเองยังไม่ยอมเปิดเผยในเรื่องนี้

ขณะที่นักร้องเรียน ที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีการรีดทรัพย์บริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป ก็อยู่ระหว่างตรวจสอบเช่นเดียวกัน ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีทั้งเพศหญิงและเพศชาย มูลค่าหลักล้านบาท

ส่วนกรณีกระแสข่าว นักร้องเรียนสาว รีดทรัพย์ไป 10 ล้านนั้น พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ เปิดเผยว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงต้นปี 67 เป็นกรณีของแม่ขายคนหนึ่ง ได้พาลูกทีมไปร้องเรียนบริษัทเพราะเกิดความขัดแย้งกัน จึงต้องการได้รับเงินคืน จนมีการเคลียร์กัน และบริษัทได้คืนเงินไปประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งเรื่องต้องทำการสอบสวนเพิ่มเติม โดยมี บก.ปคบ. ดำเนินการ อีกทั้งต้องขอความร่วมมือกับบอสพอลในการดำเนินการขยายผล โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือเครื่องที่ 2 ที่ตอนนี้ยังไม่สามารถปลดล็อครหัสผ่านได้

เบื้องต้นประสานไปทางเรือนจำแล้ว คาดว่าจะเข้าไปสอบสวนบอสพอลได้ในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ ขณะนี้ทำได้แค่วิดีโอ conference และบันทึกเป็นพยานหลักฐานได้ ทั้งนี้ หากบอสพอล ไม่ให้ความร่วมมือ ก็จะต้องยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้ยินยอมปลดล็อคโทรศัพท์เพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป

สำหรับเรื่อง “เทวดา” นั้นตอนนี้ยังไม่ทราบตัวตน ว่าเป็นใคร ซึ่งตนก็อยากเจอเทวดาเหมือนกัน เพราะอยากรู้ว่า เทวดามีอยู่จริงหรือไม่ พร้อมจะดำเนินการกระชากหน้ากากออกมาให้หมด โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำเพื่อสังคม ที่อ้างตัวเองว่ามีวิธีปราบปราบกระบวนการแชร์ลูกโซด้วยตัวเองนั้นอย่าไปเชื่อ เพราะอาจจะเป็นเทวดาอีกกลุ่ม กลุ่มพระเอกนางเอกในวันนี้ อาจจะเป็นผู้ร้ายก็ได้ และเทวดาก็อาจจะตกสวรรค์


ส่วนที่มีการอ้างอักษรย่อ เทวดา ป.ปลา และ อ.อ่าง นั้น ไม่อยากให้พูดถึงอักษรย่อถึงใครอยากให้ทุกคนอยู่ในข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ไม่อยากให้ทุกคนอยู่กับสิ่งที่เพจต่างๆ หรือชมรมต่าง ๆ เอาข้อมูลมาให้ เพราะตำรวจคงไม่ทำแบบนั้น และตำรวจต้องทำตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ส่วนตรงไหนมีข้อสงสัย ผบก.ปปป. จะมีการเรียกบุคคลที่มีข้อมูลมาสอบปากคำ ซึ่งขอให้มั่นใจว่าหลังจากนี้จะรู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร


ส่วนการโอนเงินคริปโต ขณะนี้ตำรวจ ปอศ. อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ เพราะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นไปตามที่มีการเปิดเผยหรือไม่ เพราะจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นการโอนยอดเงินตามปกติทุกวัน

------------------------

"สิระ" ลั่นรู้จักดี นักร้องเป็นข่าวตบทรัพย์ 10 ล้าน เผยสัมพันธ์ นาย ส.

วานนี้ (21 ต.ค.67) นายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาพูดถึง นักร้องหญิงที่กำลังเป็นประเด็น เรื่องตบทรัพย์ 10ล้าน ว่า "ผมเนี่ยรู้จักดีเลย เขามาพร้อมกับนาย ส. ที่เป็นประเด็นมาก่อนหน้านี้ เริ่มต้นมาพร้อมกัน แต่ตอนหลังมาแยกทางกัน แล้วก็แฉกันเอง"

นายสิระ กล่าวต่อว่า ที่ผมรู้จัก เพราะผู้หญิงคนนี้เคยนำผู้เสียหายคดีฉ้อโกงต่างๆ มาร้องเรียน กับผม ตอนที่เป็นประธานกรรมาธิการกฎหมาย แล้วก็ร้องพาดพิงไปถึงนาย ส. ว่าเคยไปตบทรัพย์ เครือข่ายแชร์ลูกโซ่รายอื่นๆด้วย ทั้งกรณีของ ยูฟัน คดีแชร์ อภิรักษ์

ซึ่งถ้าย้อนกลับไป คนๆนี้ก็เป็นกลุ่มที่ก่อตั้งองค์กรต่อต้านแชร์ลูกโซ่ ร่วมกับ นักการเมือง ส. ต่อมาทั้งสองคน มีการตั้งพรรคการเมืองร่วมกัน พอนักการเมือง ส. ไปมีตำแหน่งทางการเมือง กับอีกพรรค ทั้งสองก็แยกทางเหมือนทะเลาะกัน แต่ก็ไม่รู้ทำไมอยู่ๆมาเป็นประเด็นในเคสเดียวกัน

นายสิระ บอกด้วยว่า หลังเห็นข่าวมีการเชื่อมโยงไปที่ ผู้หญิงคนนี้ ผมก็โทรไปหาเขานะ เพราะเห็นปกติ ก็ทำเพื่อประชาชน เลยโทรไปตามว่า ตบทรัพย์จริงมั้ย  ซึ่งผู้หญิงคนดังกล่าว ยอมรับว่า ได้รับเงินมาจริงประมาณ 8-9 ล้าน มีการคืนให้ผู้เสียหายจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ได้คืนหมด ซึ่งเดี๋ยวเขาจะออกมาชี้แจงเอง

นายสิระ ยังต้องข้อสังเกตว่า ผู้หญิงคนเดียว ใช้วิธีการไหน ถึงเรียกค่าเสียหายมาได้เป็น 10 ล้าน ทั้งๆที่ควรมีการดำเนินคดีก่อนถึงจะได้มา ส่วนตัวคิดว่า ต้องมีคนที่เหนือกว่าผู้หญิงคนนี้ อยู่เบื้องหลัง ถึงเรียกเงินมาได้ขนาดนี้ เพราะแค่ผู้หญิงคนเดียว ใครจะกล้าจ่ายถึง 10 ล้าน มีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า

และอยากฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับผู้บุคคลต่างๆ ที่กำลังมีกรณีตบทรัพย์ว่า ควรจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง อย่าไปช่วยเหลือกัน ส่วนประชาชนที่รู้ตัวว่าจะโดนตบทรัพย์ ก็ควรอัดเสียง หรือเก็บหลักฐานไว้


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/dAJn55bv-M0

คุณอาจสนใจ

Related News