สังคม

"ลีซอ" สูญเงินแสนปัดเป็นแม่ข่าย "ดิไอคอน" ชี้แจงตนก็เป็นผู้เสียหาย

โดย kanyapak_w

15 ต.ค. 2567

46 views

(15 ต.ค.) "ลีซอ" สูญเงินแสนปัดเป็นแม่ข่าย "ดิไอคอน" ชี้แจงเลยว่าผมก็เป็นผู้เสียหาย เริ่มแรกเลยเหตุผลที่ได้เข้ามาเจอกันผมเองรู้จักกับน้องคนหนึ่ง ซึ่งรู้จักกันก่อนที่เขาจะมาทำดิไอคอน เหมือนตอนนั้นเขาก็รู้ว่าที่บ้านผมและภรรยาเราขายที่ตรวจ ATK เขาก็พยายามที่จะซื้อที่ตรวจ ATK จากเรา ก็เลยมีการพยายามติดต่อกันเพราะเขาก็จะซื้อในจำนวนที่เยอะต้องเข้ามาคุยที่ออฟฟิศ


เราเลยโอเคตกลงแล้วเข้าไปเจอเขาที่ออฟฟิศ ก็เลยมีโอกาสได้เจอคุณพอลด้วย เราก็ไม่ได้คิดอะไรมากตรงนั้น เพราะเขาก็เพียงแค่ต้องการซื้อ ATK เรา ตอนที่ไปออฟฟิศการสนทนาซื้อขาย ATK เป็นเพียงบทสนทนาสั้นๆ เท่านั้นเอง ก็จะมีการแนะนำในเรื่องของบริษัทเขา แนะนำสินค้าทั้งหมด


เหมือนกับเป็นการโน้มน้าวเรา เพื่อความดีความชอบของบริษัทเขา ด้วยความที่เราก็คิดว่าเขาจะซื้อ ATK จากเรา ทีนี้น้องที่รู้จักก็เป็นแม่ข่ายอยู่ด้วย เราเลยโอเคและตกลงซื้อ เสียหายไป 250,000 บาท ทีนี้ก็มีตามมาเรื่อยๆ แนะนำ 2,500 -25,000 บาท เราก็โอเคจบที่ 250,000 บาท



ซึ่งตอนนั้นเราก็มองว่าตอนนั้นมันเป็นเรื่องโควิด ตัวผมเองก็มีเรื่องของฟุตบอลที่มีผลกระทบ เลยมองว่าอาจจะเป็นอีกแนวทางธุรกิจที่สามารถเลี้ยงชีพเราได้ ที่เรามองในตอนนั้น ด้วยความที่เขาโน้มน้าวใจเราเหมือนที่คนอื่นเจอคล้ายๆ กันเลย พอเราจบไปจากตรงนี้



ตอนนั้นก็มีในส่วนของโปรโมชันด้วย ตอนนั้นเขาก็ไม่มีสินค้าให้เราเหมือนเป็นเซอร์วิสให้เราเป็นบริการหลังการขายให้ ประมาณถ้าเราจะสั่งของ หรือส่งของก็บอกกับทางเขาได้เลย เขาส่งให้โดยที่เราไม่ต้องสต็อกไว้ที่บ้าน เบิกของอะไรก็สามารถทำได้เลย แต่มันก็มีเหมือนได้คืนจากอะไรสักอย่างที่เป็นชิป ผมเองก็ไม่แน่ใจ



แต่โดยรวมก็ประมาณนี้ 220,000 - 250,000 ที่เราเสียหายไป หลังจากที่เราจบดีลไปแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เราก็ไม่ได้ไปทำงานต่อ พอกลับมาดูเราก็รู้ว่าตนเองไม่ได้มีความถนัดเลย เหมือนขายตรงที่ต้องแนะนำคนมาซื้อกับเราหรือลงคอร์สเรียน ไลฟ์สดทำนองนี้ เราไม่ชอบการขายตรงที่มาจากคนอื่นมาขายเรา แล้วจะให้เราไปขายคนอื่น เลยคิดว่ามันไม่เหมาะ สินค้าที่ต้องมานั่งขายปลีกเป็นชิ้นๆ มันก็ไม่มีทางรวยอยู่แล้วยากมาก



ช่วงนั้นน้องสาวเราเองก็เพิ่งเรียนจบเราก็อยากมีอาชีพให้เขา เลยไปทำความรู้จักกับดิไอคอน ทางโซเซียลมีเดียต่างๆ ทีนี้ไปดูก็พบว่าสินค้าที่มีอยู่ในช่องทางแอปพลิเคชัน มันขายถูกกว่าที่เรามี เลยทำให้คิดว่าแล้วแบบนี้เราจะขายได้ไหม เลยมานั่งคุยกับภรรยาว่างั้นไม่เป็นไรแล้วกัน ก็ถือว่าช่วยเหลือน้องไป



ส่วนของที่เหลือก็เบิกแล้วเอามากินเอง หรือแจกจ่ายใครก็ได้ เพราะเรากินไม่ไหวมันเยอะ ทุกวันนี้ของเราก็ยังอยู่ในสต็อกในจำนวนที่เรายังไม่ได้เบิกมาอีกประมาณนึง



ส่วนตัวของผมไม่ได้เกิดอะไรขึ้น เพราะเราไม่ได้สานต่อในส่วนตรงนั้น ผมก็ไปทำอย่างอื่นและไม่ได้เกิดเครือข่ายอะไรขึ้นกับเรา เพราะเราไม่ได้คุยกับใครต่อ ส่วนภาพที่เห็นที่ถ่ายกับคุณพอลก็คือวันนั้นที่เข้าไปออฟฟิศไปคุยกันแค่นิดหน่อย ก็ถ่ายรูปคู่กันทางเขาก็เอาไปโพสต์เท่านั้นเลย



ผมเองก็ถือว่าเป็น 1 ในผู้เสียหาย และก็ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว




คุณอาจสนใจ

Related News