สังคม

3 วันผ่านไป! ‘ถ้ำผาจม’ ดินโคลนยังเต็มหมู่บ้าน พ้อเป็นจุดที่ถูกลืม อุปกรณ์ทำความสะอาดแพงเท่าตัว

โดย petchpawee_k

18 ก.ย. 2567

12 views

ถ้ำผาจมยังรอความช่วยเหลือ! โคลนดินยังเต็มทั่วหมู่บ้าน - ชาวบ้านเร่งทำความสะอาด พบส่วนใหญ่ช่วยเหลือกันเอง หลายคนฝากสะท้อนหน่วยงานยังเข้าถึงไม่มาก วอนขุดโคลนเปิดทางเข้าบ้านก่อนก็ยังดี พ้อยังเป็นจุดที่ถูกลืม โอด อุปกรณ์ทำความสะอาดหลายอย่างแพงเท่าตัว  บางคนยังเศร้า แม้กางเกงในก็ไม่เหลือ รองปลัดเทศบาลแม่สาย เผย ประเมินเบื้องต้นพบเสียหายกว่า 3 พันล้าน พร้อมขอบคุณทุกธารน้ำใจ

กรณีเกิดฝนตกหนักติดต่อกัน  ส่งผลทำให้น้ำป่าไหลทะลักจากฝั่งเมียนมา ลงแม่น้ำสาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ส่งผลให้บ้านเรือน ร้านค้าในหมู่บ้านที่ติดลำน้ำสาย ถูกน้ำทะลักท่วมได้รับความเสียหายอย่างหนักตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ก.ย.67 ที่ผ่านมา


วานนี้ (17 ก.ย.67) ทีมข่าวยังคงปักหลักติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ แม้ว่าหลายจุดน้ำจะเริ่มลดลงแล้ว แต่สิ่งที่เหลือไว้ คือ ร่องรอยของความเสียหาย   โดยเฉพาะในพื้นที่โซนถ้ำผาจม ซึ่งเป็นโซนต้นน้ำ อยู่ติดกับแม่น้ำสาย เป็นจุดสีแดงอันตราย และเป็นจุดแรกที่รับมวลน้ำจากแม่น้ำสาย ที่ไหลมาจากประเทศเมียนมา  โดยมวลน้ำได้เหล่านี้ จะไหลผ่านคลองในชุมชนบ้านถ้ำผาจม ก่อนลงไปโซนตลาดสายลมจอย เข้าชุมชนเกาะทราย และไม้ลุงขน


ช่วงเที่ยง 12.00 น. เมื่อวานนี้ (17 ก.ย.67) ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจในหมู่บ้านถ้ำผาจมอีกครั้ง  โซนนี้แทบจะเป็นหมู่บ้านร้าง   เพราะถูกโคลนดินทับถมเต็มทุกพื้นที่  บางจุดโคลนสูงมาก ตั้งแต่ 2 - 5 เมตร ส่วนน้ำและไฟยังไม่สามารถใช้ได้ทุกพื้นที่   หลังจากน้ำลดได้ 3 วัน ชาวบ้านก็เข้าไปสำรวจบ้านเรือนของตัวเอง  และช่วยกันกำจัดโคลนในบ้านอย่างยากลำบาก


ระหว่างที่ทีมข่าวเดินสำรวจ ได้เจอกับครอบครัวของคุณป้าพาวรรณ อายุ 70 ปี และลูกสาวคุณอ่อนแก้ว อายุ 42 ปี ซึ่งขณะนั้นกำลังระดมกำลังเพื่อนๆ มาช่วยกันเกือบ 10 คน ซึ่งบ้านหลังนี้โคลนสูงประมาณ 2 เมตร ใช้เวลากว่า 3 วัน เพิ่งจะเปิดทางเข้าได้ จนกระทั่งวานนี้จึงได้เข้าไปสำรวจในบ้าน  พบโคลนเหลว สูง 1 เมตร  แต่ก็ระดมเพื่อนๆ มาช่วยกันเคลียร์เอาโคลนเหลวออกไปได้แล้ว โดยใช้ไม้ถูพื้นค่อยๆ ดันโคลนออก  ส่วนข้าวของภายในบ้านชั้น 1 เสียหายทั้งหมด ซึ่งคุณอ่อนแก้ว ลูกสาวป้าพาวรรณ ยังสะท้อนด้วยว่า อุปกรณ์ทำความสะอาดแพงมาก และของขาดตลาด  แม้จะแพง ก็ต้องยอมซื้อ  


คุณป้าพาวรรณ อายุ 70 ปี และคุณอ่อนแก้ว  เล่าว่า พอเห็นสภาพบ้านเราแล้วรู้สึกใจหายหมดเลย  ไม่เหลืออะไรสักอย่าง กางเกงในก็ไม่มีใส่ หมดเนื้อหมดตัว สภาพจิตใจไม่ดีอย่างมาก ใครพูดอะไรก็เหมือนจะเป็นลมไปหมด  แย่มาก กินข้าวก็ไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ ไม่รู้จะทำยังไง ก็ได้แต่สู้กันไป ตอนนี้อยากให้หน่วยงานช่วยเอาโคลนออกไปทิ้งให้  เพราะกองโคลนตอนนี้ เหมือนกองอยู่บนอก  ถ้าเอาออกไปได้ก็อาจจะรู้สึกโล่งได้บ้าง และถ้าไม่มาช่วยชาวบ้านก็คงจะตายอย่างเดียว

คุณอ่อนแก้ว ยังสะท้อนด้วยว่าไม้รีดโคลน ปกติราคา 159 บาท แต่ครั้งนี้ซื้อมาในราคา 450 บาท  จอบ ปกติราคา 150 บาท ซื้อมาหลังน้ำลด 450  บาท เช่นกัน  ไม้กวาดก้านมะพร้าว ปกติราคา 50 บาท ซื้อมาในราคา 120 บาท ฯลฯ ซึ่งมองว่าแพงมาก  อีกทั้งบ้านบางหลัง ถ้าไม่มีคนช่วย  ก็ต้องจ้างแรงงานชาวเมียนมา อีกเป็นรายวัน วันละ 400-500 บาท  อย่างเช่นบ้านข้างๆ ก็ต้องจ้างเหมาคนงานแบบรายวัน ประมาณ 3,000 บาท มาช่วยทำความสะอาดบ้าน

แต่บางจุดที่ทีมข่าวลงพื้นที่  ก็พบมุมความช่วยเหลือเอื้อเฟื้อต่อกัน ทั้งการนำอุปกรณ์ทำความสะอาดมาบริจาค หรือบางร้านก็นำมาขายแบบลดราคา  เช่น ไม้รีดน้ำของร้านนี้ จาก 250 บาท เหลือ 180 บาท ไม้ถูพื้น 120 บาท เหลือ 90 บาท แปรงขัด 100 เหลือ 80 บาท ฯลฯ


ทีมข่าวลงพื้นที่ต่อ  พบว่าหลายคนยังคงรู้สึกเศร้าซึม จากมหาอุทกภัยครั้งนี้ อย่างคุณเอื้อมพร อายุ 48 ปี เจ้าของร้านของฝากแม่สาย  บ้านของเธอถูกโคลนทะลักเข้าไป จนข้าวของภายในบ้านเสียหายทั้งหมด  ญาติๆมาช่วยเคลียร์เอาโคลนออกไปได้  แต่ก็ยังต้องกองทิ้งไว้หน้าบ้าน เพราะไม่รู้จะเอาไปทิ้งที่ไหน หนำซ้ำร้านขายของฝากของเธอในตลาดสายลมจอย ก็ถูกโคลนดินทับจนเข้าไปสำรวจความเสียหายไม่ได้ เธอเล่าทั้งน้ำตา ว่า หมดตัวแล้ว หมดตัวทุกสิ่งทุกอย่าง


ระหว่างที่ทีมข่าวลงพื้นที่ ปรากฏว่าชาวบ้านช่วงกลางซอยเห็นทีมข่าวเรา  ก็พากันเรียกเพื่อนบ้านมารวมตัว หวังจะสะท้อนถึงความน้อยใจที่ถูกหน่วยงานลืม บางคนร้องไห้ บอกว่า พวกเราเป็นหมู่บ้านที่ถูกลืม  พวกเราลำบากกันมาก ตอนนี้ส่วนใหญ่มีแต่ชาวบ้านช่วยกันเองจริงๆ ถ้ารัฐบาลช่วยได้ ก็ขอให้สั่งหน่วยงานต่างๆ มาช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลดหน่อย โดยเฉพาะการเอาโคลนออกไปก่อน  ชาวบ้านกลุ่มนี้ยกมือไหว้ ฝากสื่อสารเป็นภาษาเหนือว่า “มาช่วยพวกเราด้วยนะเจ้า ของวิงวอนนะเจ้า”

ช่วงบ่าย  ปรากฏว่าในพื้นที่ เริ่มมีกู้ภัยกลับเข้ามาอีกครั้ง ทั้งทีมเพื่อนพึ่งภาฯ และคูโบต้าที่นำรถไถมาช่วย  เบื้องต้นเมื่อวานนี้ ยังคงทำได้แค่เคลียร์พื้นที่ตรงถนนเก่า เพื่อเกลี่ยดินให้แน่นขึ้น จะได้นำเครื่องจักรเข้าไปขุดโคลนที่ทับถมบ้านแต่ละหลัง แต่พอเจ้าหน้าที่เริ่มทำงานไปจนถึงเวลาประมาณ 15.00 น. ก็มีฝนตกลงมาอีก  น้ำไหลจากเขาลงมาที่ถ้ำผาจม  และน้ำเริ่มสูงขึ้นอีก   รถไถและรถแบ็คโฮ จึงต้องหยุดภารกิจก่อนเพื่อประเมินสถานการณ์  แล้วค่อยเริ่มใหม่อีกครั้ง


ก่อนที่ฝนจะตก ทีมข่าวได้เจอกับคุณติ๊ก เจ้าของบ้านและร้านขายของชำ ของโซนหัวฝาย ที่เพิ่งเข้ามาสำรวจบ้านเมื่อวันที่ 10 ก.ย. บ้านหลังนี้โคลนดินทะลุไปถึงชั้น 2 เป็นลักษณะห้องใต้หลังคา  และไม่มีทางไหนจะฝ่าโคลนเข้าไปสำรวจภายในบ้านได้เลย  จังหวะที่พูดคุยกับทีมข่าว ก็มีกู้ภัยเดินทางมาพอดี มาช่วยประเมิน สรุปได้ว่า คงทำได้เพียงขุดออกทั้งหมด  ทั้งตัวบ้านและทรัพย์สิน เพราะหลังคาด้านบนและโครงมีรอยแตกและร้าว  อาจจะถล่มลงมา  ซึ่งเจ้าของบ้านก็ยอมรับ แต่หวังว่าอาจจะมีทรัพย์สินอื่นๆ ที่ไม่สามารถเอาออกมาได้หลงเหลืออยู่

นอกจากนี้ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจในเทศบาลตำบลแม่สาย พบว่าธารน้ำใจ หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  มีคนบริจาคข้าวของ ทั้งข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม เครื่องใช้ต่างๆ อุปกรณ์ทำความสะอาด และเสื้อผ้าเป็นต้น ฯลฯ มีรถของบริษัทขนส่งนำมาส่งไม่ขาดสาย


นายสมพล ธาตุอินจันทร์ รองปลัดเทศบาลตำบลแม่สาย กล่าวว่า สถานการณ์ภาพรวมถือว่าสาหัสมากๆ จากการประเมินเบื้องต้นพบเสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท  แต่ก็มีธารน้ำใจหลั่งไหลมาอย่างท่วมท้น ขอขอบคุณทุกธารน้ำใจด้วย และหากใครอยากส่งข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าฯ หรือสิ่งของช่วยเหลือ สามารถส่งทางระบบขนส่งมาได้ตามที่อยู่


“เทศบาลตำบลแม่สาย เลขที่ 68 หมู่ 8 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จ.เชียงราย 57130 ระบุด้วยว่า “ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม”


------------------------------------------

 'ภูมิธรรม' เผยกำลังเร่งเคลียร์ดินโคลนถมบ้านประชาชน ชี้ต้องเริ่มจากถนนใหญ่ไปสู่บ้านเรือน ซัดคนวิจารณ์หน่วยงานรัฐลงพื้นที่ล่าช้า ขออย่าพูดบั่นน้ำใจเจ้าหน้าที่ ลั่นใครถึงก่อนถึงหลังเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเคลมกัน


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึง การช่วยเหลือผู้ประสบภัยหลังน้ำลด ที่มีการร้องขอเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปช่วยเหลือเรื่องดินโคลนเข้าไปภายในบ้านเรือนเป็นจำนวนมาก จะสามารถประสานหน่วยงานใดได้บ้าง ว่า สำหรับกระทรวงกลาโหม ได้สั่งกองทัพแต่ละภาค ให้เข้าไปดูในดูแลในพื้นที่ของตัวเอง แต่การช่วยเหลือชุดแรกเราเอาเรื่องของชีวิต ของประชาชนที่ประสบเรื่องน้ำท่วมก่อน รวมไปถึงเรื่องของการส่งมอบอาหารการกิน แต่หากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง เราก็จะเริ่มทำความสะอาด แต่ต้องเรียนว่าเรื่องของดินโคนไม่ได้มีเฉพาะบ้านเรือนของประชาชนซึ่งก็มีตั้งแต่ถนนใหญ่ ทำให้การเคลื่อนและการติดต่อค่อนข้างเป็นไปอย่างยากลำบาก และ เฮลิคอปเตอร์ ก็ไม่ได้มีเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามก็จะเข้าไปดูให้เร็วที่สุด ซึ่งแต่บ้านแต่ละหลังก็มีจำนวนดินโคลนเข้าไปไม่เท่ากัน เราก็ไล่จากถนนใหญ่เข้าไปในซอย ไปจนถึงบ้านเรือนประชาชน


ส่วนหน่วยงานที่จะเข้ามาดูเรื่องของการคลีนนิ่ง ก็จะมีทั้งเครื่องจักรเครื่องกล จากกระทรวงคมนาคม ระดมเข้าไป ขณะเดียวกัน นอกจากการฟื้นฟูแล้ว ในพื้นที่อื่นเช่นภาคอีสาน ก็กำลังประสบภัยน้ำท่วม เราจึงต้องส่งคนเข้าไปช่วยเหลือเช่นกัน อย่างหน่วยซีล เราก็ถอนจากภาคเหนือไปภาคอีสาน


นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงมาตรการเยียวยา ว่า เราเน้นเรื่องความรวดเร็ว จึงได้ให้ใช้กรอบเดิม เพื่อดูแลไปก่อน แต่เราก็รู้ว่าเงินที่ช่วยเหลือนั้นไม่เพียงพอ แต่เราก็ต้องมีการพูดคุยกันเพื่อเพิ่มวงเงินช่วยเหลือ


เมื่อถามถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่าหน่วยงานรัฐช่วยเหลือล่าช้า ซึ่งทั้งหน่วยกู้ภัยและภาคประชาสังคมกลับเข้าไปถึงพื้นที่ก่อน นายภูมิธรรม กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์สามารถทำได้ แต่ต้องดูให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ตอนที่เกิดน้ำท่วมรัฐบาลยังสั่งการไม่ได้ แต่เราจะเห็นว่าทหารเข้าไปในพื้นที่ตั้งแต่สองทุ่ม วันที่เกิดเหตุ และพยายามลำเลียงผู้คนออกมา เราจึงเห็นผู้คนจำนวนไม่น้อยอยู่ที่ศูนย์อพยพ


“ผมว่าใครก่อนใครหลังเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ประเด็นคือต้องช่วยกันทำ ใครเข้าไปก่อน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเคลม เข้าไปเถอะ ไปช่วยกันทำประชาชนเขาเดือดร้อน เค้าไม่ได้สนใจหรอกว่าใครมาก่อนมาหลัง” นายภูมิธรรมกล่าว


 ส่วนที่มีข้อวิจารณ์ว่าเวลาผู้ใหญ่ลงพื้นที่ไปก็จะมีหน่วยงานราชการแห่มาต้อนรับ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เราก็ระมัดระวังไม่จำเป็นต้องมารับมาดูแล ก็เอาเฉพาะบุคคล ที่เกี่ยวข้องก็พอ เพราะถ้าไม่ไปก็จะมาว่าอีกว่าไม่สนใจ พอไปก็บอกว่าคนแห่แหนมา แต่อย่ามาบอกว่าหน่วยงานรัฐไม่มีใครเข้าไปดูอย่าง เช่น กระทรวงคมนาคมที่เข้าสร้างสะพานแบริ่งไว้ เต็มไปหมดแล้ว และตอนนี้เราก็ให้ความสำคัญกับบนเขาเพราะว่าเส้นทางขาด กองกองทัพก็เข้าไปส่งอาหาร ขณะที่เรื่องไฟฟ้าหากพื้นที่ไหนน้ำแห้งแล้วก็เร่งดำเนินการไปติดตั้ง ดังนั้นเรื่องนี้ตนว่าต้องให้กำลังใจกัน อย่างภาคเอกชนที่ขับเจ็ตสกีเวลาคนเข้าไปเขาก็ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะฉะนั้นอย่าพูดที่ บั่นทอนกำลังใจกัน อยากให้มองบวก และส่งเสริมหากมีเงินก็สละเงิน มีของก็สละของ แต่ถ้าไม่มีอะไรก็ให้กำลังใจกัน


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/tJE9qpbLU0c

คุณอาจสนใจ

Related News