สังคม

แก๊งมิจฯ เหิมหนัก แต่งชุด ตร.วิดีโอคอลหน้าโรงพัก ครูสาวหลงเชื่อ ยืมเงินเพื่อน 1 หมื่นโอนให้

โดย thichaphat_d

9 ส.ค. 2567

673 views

ครูสาวจังหวัดอุทัยธานี เผยถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ วิดีโอคอลคุยกันหน้าโรงพัก แจ้งข้อหาพัวพันคดียา 2 แสนเม็ด ก่อนหลอกให้โอนเงินประกันตัวแสน เจ้าตัวเผยทั้งบัญชีมีแค่ 7 บาท สุดท้ายยืมเพื่อนมาได้ 1 หมื่นบาทโอนให้เกลี้ยงบัญชี

วานนี้ (8 ส.ค.) ที่จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวได้รับทราบเรื่องราวจากครูสาวรายหนึ่ง ออกมาเล่าอุทาหรณ์เตือนภัย หลังถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อหาว่าตนเองพัวพันคดียา 2 แสนเม็ด โดยอ้างว่าสืบทราบมาจากซิมโทรศัพท์มือถือค่ายหนึ่ง ก่อนวิดีโอคอลคุยกันสดๆ ที่หน้า สภ.นครสวรรค์ ทำให้เจ้าตัวหลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ก่อนหลอกให้โอนเงินประกันตัวหลักหมื่นบาท ซ้ำยังให้กู้เงินสหกรณ์ ขอทั้งโฉนดที่ดิน ทองคำ ก่อนเพื่อนครูช่วยดึงสติ ทำให้สูญเงินไปแค่หลักหมื่นบาท ซ้ำยังเป็นเงินที่ยืมเพื่อนครูด้วยกันมาอีกด้วย เนื่องจากวันนั้นตนเองมีเงินในบัญชีแค่ 7 บาท

โดย นางสาวพรนภา ทิพยัคฆ์ อายุ 29 ปี ข้าราชการครู โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุทัยธานี เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ส.ค. เวลาประมาณ 09.40 น. มีสายโทรเข้ามาจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานกฎหมายของเอไอเอส แจ้งว่ามีการแอบอ้างชื่อไปเปิดเบอร์โทรศัพท์ที่เซ็นทรัล นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน เวลา 13.45 น. จึงแนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมทำหนังสือแจ้งความบริสุทธิ์ จากนั้นมีตำรวจโทรมาแจ้งว่ามีคดีพัวพันยาเสพติดมูลค่า 8.5 ล้านบาท เป็นยาเสพติด จำนวน 200,000 เม็ด ตอนนั้นตนเองได้มีการปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ยืนยันว่าไม่ได้ไปจังหวัดนครสวรรค์ในวันเวลาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอไลน์และวิดีโอคอลเพื่อยืนยันตัวตน จากนั้นได้ส่งข้อมูลทะเบียนราษฎร์และเล่มบัญชีม้ามาให้ จากนั้นได้มีการแสดงเอกสารเพิ่มเติม อย่างบัญชีของกลางคดีอาญา คำสั่งศาล และอ้างว่าอยู่หน้า สภ.นครสวรรค์ ซึ่งตอนที่วีดีโอคลอคุยกันนั้น ก็เป็นภาพวีดีโอที่อยู่หน้า สภ.เมืองนครสวรรค์ จริงๆ มีการเดินเข้าไปเคาะประตู มีการ ว.วิทยุ พูดคุยกันเป็นระบบขั้นตอนเหมือนกับเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงๆ

ซึ่งหลังจากที่มิจฉาชีพได้ส่งไม้ต่อให้กับมิจฉาชีพ ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้กำกับก็ได้บอกตนเองว่า ตอนนี้ตนเองตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินและคดียาเสพติด โดยหมายศาลจะมาถึงบ้านในอีกไม่กี่วันนี้ ต้องส่งข้อมูลเลขบัญชีและหลักทรัพย์ทั้งหมดให้กับตำรวจเพื่อใช้ในการประกันตัว ตอนนั้นก็รู้สึกตกใจมากและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ตำรวจบอกว่าต้องมีหลักทรัพย์ 100,000 บาท เพื่อประกันตัว ซึ่งตนเองก็ได้บอกไปว่า ไม่มีเงินมากขนาดนั้น หลังจากนั้นก็บอกว่าต้องมีเงินในบัญชีอย่างน้อย 10,000 บาทเพื่อแสดงว่าไม่ได้ฟอกเงิน ก่อนสอบถามถึงทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ทองรูปพรรณและโฉนดที่ดิน หากมีจะถูกยึดเป็นของกลางทั้งหมด

ขณะที่คุยกัน นั้นทางมิจฉาชีพจะไม่วางสายและย้ำว่าไม่ให้บอกใครเพราะเป็นคดีใหญ่ที่สุดในนครสวรรค์ ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ และยังมีคนร้ายหลบหนีมาในจังหวัดอุทัยธานี ด้วยความตกใจกลัวจึงไปขอยืมเงินเพื่อนครูด้วยกันมา 10,000 บาท แล้วโอนเงินตามที่คนร้ายบอกไป ซึ่งตอนนั้นทั้งบัญชีตนเองมีเพียงแค่ 7 บาทเท่านั้น

หลังจากโอนเงินไปให้แล้วทางมิจฉาชีพ ก็ได้บอกว่า หลักทรัพย์ไม่เพียงพอ ทาง สภ.จึงต้องไปตรวจหลักทรัพย์ ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ หากไม่มีหลักทรัพย์ตามที่กล่าวอ้าง ทาง สภ.จะคืนเงินทั้งหมดพร้อมหนังสือแสดงความบริสุทธิ์ให้ และส่งไปให้ทางเอไอเอสเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา

ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ได้เพื่อนครูที่มาเจอกันพูดเตือนจนได้สติ โดยพอหลังจากตั้งสติแล้ว ก็ได้จึงโทรหาตำรวจที่รู้จักเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเอกสารที่ได้รับมา ทางตำรวจแจ้งว่าไม่มีเอกสารลักษณะดังกล่าวและให้รีบไปที่สถานีตำรวจใกล้ที่สุดเพื่อแจ้งความอายัดบัญชีธนาคาร จากนั้นมิจฉาชีพได้ยกเลิกข้อความเอกสารที่ส่งมาทั้งหมด จึงทำให้มั่นใจว่า ถูกหลอกแล้ว

จากนั้นจึงได้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ซึ่งทางผู้กำกับได้แจ้งว่าขณะนี้มีผู้เสียหายหลายรายที่ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นตำรวจเช่นเดียวกัน โดยส่วนใหญ่เป็นชาวจังหวัดนครสวรรค์ หลังจากกลับมาจากสถานีตำรวจ จึงได้ตัดสินใจนำหลักฐานทั้งหมดมาโพสต์ลงในโซเชียลเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้อื่น เนื่องจากไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว ก็หวังว่าจะไม่มีใครตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวจังหวัดอุทัยธานีและผู้ที่ทำงานอย่างสุจริตทุกคน และที่สำคัญคือมิจฉาชีพมาในรูปแบบใหม่คือ วีดีโอกันที่หน้า สภ.ซึ่งต่างจากที่เคยเจอกันมา ประกอบกับจังหวะตอนที่ถูกกล่าวหาว่าเปิดบัญชีม้า ด้วยความกลัวว่าจะกระทบกับอาชีพ หากถูกให้ออกจากราชการจะทำอย่างไร จึงทำให้หลงเชื่อไปกับมิจฉาชีพไป

-------------------------------------------

นายกฯ รับ มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์แทรกซึมในไทย สั่งดีอี ปราบปรามเด็ดขาด พร้อมลุยตัดสายสัญญาณเชียงแสนต่อเนื่อง

วานนี้ (8 ส.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ย้ายฐานมาที่ประเทศไทยว่า เรื่องนี้มีการแทรกซึมอยู่แล้ว ซึ่งได้มีการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เมื่อวานนี้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มาพบตน ทางตนก็ได้กำชับให้ลงพื้นที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงรายด้วย ดูพื้นที่ตัดสายสัญญาณต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนจะลงพื้นที่และทำงานอย่างต่อเนื่องเพราะเป็นเรื่องสำคัญ แม้ว่าส่วนใหญ่จะอยู่ตามตะเข็บชายแดน แต่ในประเทศก็ยังมีอยู่ ซึ่งเมื่อวานนี้ ตนยังได้เจอพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ได้สั่งการเรื่องนี้ไปด้วย

เมื่อถามว่าช่วงหลัง ยังมีแก๊งคอลเซนเตอร์โทรหานายกฯอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่เจอแล้ว


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/VbbXXf8YSLE

คุณอาจสนใจ

Related News