สังคม

แม่สุดทน! แจ้งตร.ล้อมจับ ลูกเสพยาหนักจนหลอนคลั่ง ถือมีดวิ่งทั่ว ชาวบ้านช่วยจับโดนแทงเจ็บ

โดย petchpawee_k

31 ก.ค. 2567

182 views

หนุ่มคลั่งหลอนยาบ้า แม่แจ้งตำรวจนำส่ง รพ.ไปบำบัด กู้ภัยมารับตัวถือมีดแกว่งไปมาไล่ฟัน วิ่งหนีข้ามถนนมอเตอร์เวย์ 8 เลน ไปอีกฝั่ง แล้ววิ่งขึ้นสะพานลอยกลับเข้าบ้าน ลั่น ! “กูไม่ไป จะฆ่ามึง” ชาวบ้านช่วยล้อมจับโดนแทงไหล่ซ้ายเจ็บ 1 ราย สุดท้ายทิ้งมีดยอมให้ควบคุมตัว แม่เผยเสพยาตั้งแต่อายุ 17 เข้าคุก-บำบัดหลายครั้งจนจะเป็นบ้า ตำรวจเผยเคยถูกจับคดียาเสพติด เมื่อปี 56 และปี 59

วานนี้ (30 ก.ค.) เวลา 12.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประเวศ ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านรายหนึ่ง  ให้ไปรับตัวลูกชาย คือ นายนิธิธัศน์ อายุ 27 ปี ให้พาไปส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการบำบัด เนื่องจากลูกชายเสพยาเสพติด หลอนพูดจาไม่รู้เรื่อง  หวั่นจะทำร้ายคนในครอบครัว  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานกู้ภัย เพื่อไปรับตัวนายนิธิธัศน์  ที่แคมป์คนงาน เลียบทางด่วนมอเตอร์เวย์ ม.0  แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ  


เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัย เดินทางไปถึง และกำลังจะพานายนิธิธัศน์ขึ้นรถไปโรงพยาบาล จู่ๆ นายนิธิธัศน์ ก็เกิดอาการคลุ้มคลั่งวิ่งไปคว้ามีดทำครัว 2 เล่ม  ก่อนพุ่งเข้าหาเจ้าหน้าที่กู้ภัย ทำให้เจ้าหน้าที่วิ่งหนีกันกระเจิง   จากนั้นนายนิธิธัศน์เดินออกไปกลางถนนมอเตอร์เวย์  หน้าบ้านตัวเอง ไล่ฟันชาวบ้าน  ขณะที่ตำรวจ สน.ประเวศและกู้ภัยรวมถึงชาวบ้าน  ก็เตรียมเหล็กง่ามเพื่อจะเข้าควบคุมตัว โดยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อมนายนิธิธัศน์ให้วางมีด แล้วมาคุยกัน  แต่เจ้าตัวโวยวายเสียงดังพูดจาไม่รู้เรื่อง ถามตำรวจว่า “ผมทำอะไรผิด”  จากนั้นถือมีด 2 เล่ม ออกมายืนอยู่หน้าบ้าน ตำรวจบอก “ใจเย็น ๆ”  แต่นายนิธิธัศน์ ไม่ฟัง และเดินถือมีดเดินไปกลางถนน ข้ามถนนมอเตอร์เวย์ไปอีกฝั่งไม่ยอมให้จับกุม

หลังจากจากที่นายนิธิธัศน์ ข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้ว ตำรวจ สน.ประเวศ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ และชาวบ้าน นำไม้ขอเหล็กง่าม นั่งท้ายรถกระบะตำรวจ 2 คัน ขับไปถนนฝั่งตรงข้ามเพื่อจะควบคุมตัว ซึ่งนายนิธิธัศน์เดินเลาะอยู่ข้างทาง ก่อนจะเดินขึ้นสะพานลอย  ตำรวจและกู้ภัยจึงไปยืนอยู่บริเวณทางขึ้นสะพานลอยและเกลี้ยกล่อมอีก  แต่นายนิธิธัศน์ ก็ไม่ยอมลงมา ถือมีดแกว่งไปมาอยู่บนสะพานลอย แล้ววิ่งกลับไปฝั่งเดิม ตำรวจและกู้ภัยฯ บางส่วนวิ่งไล่ตาม บางส่วนขับรถไล่ตาม เพราะเกรงว่าจะไปก่อเหตุทำร้ายประชาชน


จนจังหวะที่นายนิธิธัศน์ถือมีดวิ่งออกไปกลางถนน  เจ้าหน้าที่กู้ภัย  ขับรถสวนมาพอดีจึงจอดจะช่วยกันจับตัว และมีพลเมืองดีคนหนึ่งกำลังจะนำเหล็กง่ามเข้าไปล็อคตัว  เกิดทำเหล็กหล่นพื้น พอจะก้มลงเก็บ นายนิธิธัศน์ก็วิ่งมาเอามีดแทงบริเวณไหล่ซ้ายของพลเมืองดี จนเลือดไหล  เป็นแผลลึก กว้างประมาณ 1 เซนติเมตร  แล้วก็วิ่งหนีเข้าไปในบ้านพักของตัวเองภายในแคมป์คนงาน  ส่วนกู้ภัยต้องพาพลเมืองดีมาทำแผล


กระทั่ง 13.30 น. เจ้าหน้าที่ปิดล้อมอยู่หน้าบ้าน  พบว่า นายนิธิธัศน์ทิ้งมีดไว้ในบ้าน  แล้วเดินออกมานั่งหน้าบ้าน ก่อนจะยอมให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวแต่โดยดี  ระหว่างนั้นมีชาวบ้านคนหนึ่งถือเหล็กง่ามเดินไปเตะที่หลังของนายนิธิธัศน์  1 ครั้ง  ตำรวจจึงเข้าไปห้ามปรามแล้วล็อกตัวนายนิธิธัศน์ จับคว่ำหน้า หามขึ้นรถตำรวจไป สน.ประเวศ  ขณะอยู่บนรถ  นักข่าวพยายามสอบถาม เจ้าตัวพูดไม่รู้เรื่องจับใจความไม่ได้  

นายมนัสชน เลิศมีนัย เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู เล่าว่า ได้รับแจ้งจาก สน.ประเวศว่าให้ไปรับผู้ป่วยเสพยาไปบำบัดที่โรงพยาบาลธัญบุรี  เมื่อไปถึงก็เข้าไปพูดคุยดีๆบอกว่าจะพาไปหาหมอ แต่ผู้ก่อเหตุเกิดคลุ้มคลั่ง พูดจาไม่รู้เรื่อง ตนจึงเดินออกจากบ้าน เพื่อโทรขอกำลังเสริมจาก สน.ประเวศ แต่ตอนกำลังคุยโทรศัพท์ ผู้ก่อเหตุถือมีดวิ่งเข้ามาหาตน ทำให้พวกตนต้องพากันวิ่งหนี   พอผู้ก่อเหตุเห็นตำรวจก็ยิ่งคลั่งมากกว่าเดิม  วิ่งข้ามถนนมอเตอร์เวย์  8 เลน แล้วก็วิ่งข้ามกลับมาอีก   จนมีพลเมืองดีจะเข้ามาช่วยจับตัว แต่พลาดท่า ทำเหล็กง่ามหล่นไปเสียก่อน  ช่วงที่กำลังก้มเก็บ  ผู้ก่อเหตุจึงใช้มีดแทงที่ไหล่ซ้าย  จากนั้นผู้ก่อเหตุได้วิ่งเข้าไปในแคมป์คนงาน เพื่อเอาอาวุธไปทิ้ง ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่เห็นว่าไม่มีอาวุธในมือแล้ว จึงเข้าประชิดตัวเพื่อระงับเหตุทันที ก่อนที่จะนำตัวส่งไปยัง สน.ประเวศ  

ทีมข่าวได้คุยกับนายอนุวัฒน์ อายุ 18 ปี พลเมืองดีที่โดนนายนิธิธัศน์ใช้มีดแทง เป็นลูกจ้างร้านรับซื้อของเก่าใกล้กับจุดเกิดเหตุ   เปิดเผยว่า  ตนเห็นผู้ก่อเหตุเดินถือมีด 2 มือ  ซ้าย-ขวา แล้วเดินไปทั่ว แล้วแม่ของผู้ก่อเหตุมาขอให้ไปช่วยกันจับตัวหน่อย  ตนกับรุ่นพี่อีกคนจึงช่วยกันเอาไม้ง่ามเข้าไปจับตัวผู้ก่อเหตุ  แต่บังเอิญทำไม้หล่น พอก้มเก็บก็เลยโดนผู้ก่อเหตุแทง   ตนไม่รู้จักกับผู้ก่อเหตุเป็นการส่วนตัว  แต่เคยเห็นหน้า  เพราะตอนเย็น ๆ ผู้ก่อเหตุจะไปยืนริมถนนแล้วพูดคนเดียว บางทีฝนตกก็ยืนตากฝน ยืนทำท่าเหมือนเตะบอลคนเดียว  แต่ยังไม่เคยทำร้ายใครมาก่อน


ขณะที่เจ้าของร้านรับซื้อของเก่า บอกว่า ก่อนหน้านี้ผู้ก่อเหตุเคยมาทำงานกับตน โดยแม่เป็นคนพามาสมัคร ให้ทำงานขับรถส่งของ  ตอนแรกก็ปกติดี ทำงานใช้ได้ ไม่ดื่มเหล้า ไม่เสพยาเสพติด เพราะตนจะตรวจคนงานตลอด ถ้าเสพยาจะไม่รับเข้าทำงาน  แต่พอทำไปได้ประมาณ 2 เดือน ผู้ก่อเหตุก็มีท่าทีเปลี่ยนไป เริ่มเพี้ยน ๆ เหม่อลอย พูดไม่รู้เรื่อง  ตนก็ไม่รู้ว่าเสพยาหรือไม่  เพราะไม่เคยเห็น  แต่อาการไม่ปกติก็เลยขอให้พักงานไปก่อนและให้ออกไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว


จนประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน เห็นผู้ก่อเหตุเดินไปเดินมา ยืนเตะตะกร้อลม ปล่อยพลัง พูดคนเดียว มองสายไฟ มองเสาไฟ ตนก็สงสาร เพราะเป็นคนเคยรู้จักกัน เลยเข้าไปพูดคุยกับแม่ของผู้ก่อเหตุ  แนะว่าต้องพาไปหาหมอ  ปล่อยไว้จะอันตราย วันหนึ่งอาจจะคลุ้มคลั่งทำร้ายคนในครอบครัว  แต่ตอนเข้าไปพูดคุย ผู้ก่อเหตุจำตนไม่ได้ มีอาการโวยวาย ไม่ยอมไปหาหมอ จนวานนี้ แม่มาเรียกกู้ภัยมารับแล้วก็เกิดเหตุขึ้น


แม่ของนายนิธิธัศน์ ยอมรับว่า ลูกชายเสพยาเสพติดมาตั้งแต่อายุ 17 ปี จนจะเป็นบ้า เคยติดคุกและเข้ารับการบำบัดหลายครั้งแต่ก็กลับมายุ่งเกี่ยวยาเสพติดอีก  ครั้งนี้ตนอยากให้นำตัวลูกชายไปบำบัด เพราะลูกชายพูดไม่เป็นภาษาคน กลางคืนไม่หลับไม่นอนเดินไปมา พูดคนเดียว ยืนเต้นอยู่หน้าบ้านคนเดียว ทำตัวไม่ปกติ 2 สัปดาห์แล้ว ทุกวันนี้ลูกชายว่างงานอยู่บ้านเฉย ๆ  และก่อนเกิดเหตุวานนี้ ลูกชายไม่ได้คลุ้มคลั่งมาก เพียงแต่เห็นตำรวจและกู้ภัยฯ แล้วไม่อยากไปโรงพยาบาล  จึงถือมีดวิ่งหนี โวยวาย “กูไม่ไป  กูจะฆ่ามึง กูไม่ได้เป็นบ้า” ส่วนภรรยาและลูกชายวัย 1 ขวบ กลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัด  โดยภรรยาของลูกชายก็เสพยาเช่นกัน ตอนอยู่ด้วยกันก็ทะเลาะตบตีกัน


แม่นายนิธิธัศน์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า “มันถึงที่สุดแล้ว พ่อแม่ไม่อยากให้ลูกติดยา เพราะลูกติดคุกมาหลายรอบแล้ว จนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เริ่มเป็นบ้าแล้ว พี่น้องก็ไม่รู้จะทำยังไง จะเลี้ยงคนบ้าไปตลอดไม่ได้ เป็นห่วงลูก พ่อ (สามี) ก็เส้นเลือดในสมองตีบไม่ได้ทำงาน ปล่อยไว้แบบนี้ก็ลำบากใจ ถ้าลูกโวยวายเราก็อยู่ไม่ได้ ลูกชายมาเป็นแบบนี้แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไง จะไปไหนก็ไม่ได้ นอนหลับก็ไม่ได้นอน ลูกชายเดินไปมาบ่นพร่ำเพรื่อสารพัด บางทีกินเหล้าก็โวยวาย  แต่พ่อแม่ก็ไม่เคยทิ้ง ติดคุกก็หาอะไรไปให้กิน ออกจากคุกมาก็ช่วยสารพัด พอมีเมียก็พากันไปเสพยา มันสูบยาบ่อย ๆ ก็เป็นบ้า เคยเตือนแล้ว”

พ.ต.อ.สุรพงษ์ พุฒขาว ผกก.สน.ประเวศ ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายนิธิธัศน์ ไว้ที่ห้องขัง รอให้หายอาการคลุ้มคลั่งก่อน  จากนั้นนำตัวส่งไปโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา เพื่อตรวจร่างกายโดยละเอียด ส่วนประเด็นในโลกโซเชียลว่าทำไมตำรวจไม่ใช้ปืนไฟฟ้าเข้าระงับเหตุ  ขอชี้แจงว่า ในตอนนั้น ตนและเจ้าหน้าที่ทุกนายประเมินสถานการณ์อยู่  ยืนยันว่ามีปืนไฟฟ้าพร้อมใช้งาน  แต่ผู้ก่อเหตุได้วิ่งเข้าไปในแคมป์คนงานก่อสร้าง เพื่อทิ้งอาวุธ จากนั้นก็ออกมาตัวเปล่า ตำรวจเห็นว่าคนก่อเหตุไม่มีอาวุธแล้ว จึงได้เข้าจับกุมอย่างรวดเร็ว  


เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น ซึ่งเป็นเหตุซึ่งหน้าที่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้เลย ส่วนประเด็นเรื่องสารเสพติดนั้น  ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งตรวจสารเสพติดในร่างกาย  ยืนยันหากพบจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม สำหรับผู้ก่อเหตุคนนี้เคยถูกจับกุมในข้อหา “ครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายและเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1” ในพื้นที่ สภ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี เมื่อปี 2556 ก่อนจะมาถูกจับครั้งหนึ่งในปี 2559 ในข้อหาและพื้นที่เดียวกัน


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/SDaA3i6nP-0


คุณอาจสนใจ

Related News