โกลาหล! น้ำท่วมตราด ต้องย้ายหมูไก่หนีตาย - อุตุฯ เตือนไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และฝนตกหนักบางแห่ง

วานนี้ (28 ก.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดตราด ซึ่งหลายจุดยังอยู่ในภาวะวิกฤต หลังจากมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน จนกระทั่งบ่ายวานนี้ น้ำไหลบ่าจากอำเภอบ่อไร่ไปยังอำเภอเขาสมิง และอำเภอเมืองตราด  ทำให้ถนนสายต่าง ๆ ถูกตัดขาด ไม่สามารถสัญจรไป-มาได้

ที่ฟาร์มหมูวัลลภ ต.ห้วยแร้ง เจ้าของตัดสินใจขายหมูต่อให้ฟาร์มอื่นนำไปเลี้ยง หลังน้ำเริ่มไหลเข้าท่วมฟาร์ม โดยนายวัลลภ เจ้าของฟาร์มหมู บอกว่าตนซื้อลูกหมูมาเลี้ยง 1,600 ตัว เลี้ยงมาได้เดือนกว่าแล้ว วันที่ 7 ส.ค. นี้  หมูจะอายุครบ 2 เดือน แต่ต้องตัดสินใจรีบขายให้กับฟาร์มอื่นนำไปเลี้ยงต่อ ได้ราคาเพียงตัวละ 200 บาท เนื่องจากหมูยังไม่ได้อายุที่ต้องจับขาย เพราะปกติจะเลี้ยงกัน 5 เดือน น้ำหนักต้องได้ 120 กิโลกรัม ถึงจะขายได้ตัวละ 1,200 บาท

นายวัลลภ ยังบอกอีกว่า ฟาร์มหมูของตนเองเคยถูกน้ำท่วมเมื่อปี 64 หมูตายจำนวนมาก ทำให้ต้องขาดทุนย่อยยับ ตนเองไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนที่ผ่านมา จึงได้ตัดสินใจติดต่อฟาร์มที่รู้จักกันรีบขายหมูไปก่อน แม้จะได้กำไรน้อยก็ต้องยอม ดีกว่าน้ำท่วมหมูตาย และต้องขาดทุนเหมือนกับที่เคยเจอมา

-------------

ส่วนที่ ต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่ จ.ตราด เกิดน้ำเข้าท่วมเล้าไก่ของ นายพิภพ พจนานนท์ อายุ 77 ปี ที่ไก่ถูกน้ำท่วมตายไปประมาณ 30,000 ตัว

โดยนายพิภพ บอกว่า ตนเองรับจ้างบริษัทเลี้ยงไก่เหล่านี้มากว่า 20 ปีแล้ว เป็นไก่เนื้อที่ใกล้จับส่งขายได้แล้ว มีประมาณ 40,000 ตัว แต่ปีนี้ฝนตกหนัก และน้ำป่ามาเร็วมาก ไม่ทันระวัง และป้องกัน สุดท้าย น้ำท่วมเล้าไก่สูงประมาณ 70 เซนติเมตร จนทำให้ไก่ตายไปเป็นจำนวนมาก ส่วนไก่ที่ยังไม่ตาย เหลืออยู่ประมาณ 10,000 ตัว ก็รอจะขนย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแทน โดยแจ้งไปทางบริษัทให้นำรถมาขนไก่ที่ยังไม่ตายออกจากพื้นที่

นอกจากนี้ ได้แจ้งขอความช่วยเหลือไปยังปศุสัตว์อำเภอบอ่ไร่ และปศุสัตว์จังหวัดตราดแล้ว แต่ทั้งสองหน่วยงานก็ยังติดภารกิจช่วยฟาร์มหมูที่ถูกน้ำท่วมถึง 2 ฟาร์ม ที่ ต.ห้วยแร้ง อ.เมืองตราด ตอนนี้ จึงทำได้แค่แยกซากไก่ที่ตายแล้ว กับไก่ที่รอดชีวิต ออกจากกันก่อน และรอเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบให้คำแนะนำว่า จะทำอย่างไรกับซากไก่ที่ตาย

-------------

ที่ จ.จันทบุรี เกิดฝนตกหนักทำให้สวนทุเรียนหลายแห่งได้รับความเสียหาย อย่างเช่น สวนทุเรียนของป้านกเเก้ว เกษตรกรสวนทุเรียนใน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ที่ต้นทุเรียน อายุ 30-40 ปี  ถูกลมพัดจนหักโค่น บางต้นล้มแบบถอนรากถอนโคน สำรวจเบื้องต้นเสียหายทั้งสิ้นกว่า 200 ต้น

นอกจากนี้ ยังมีสวนทุเรียนอื่น ๆ อีกมากกว่า 30 สวน ของเกษตรกรหลายราย ถูกพายุฝนกระหน่ำต้นทุเรียนล้ม มูลค่าความเสียหายเบื้องมากว่า 5 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมเจ้าหน้าที่เกษตร อ.ท่าใหม่ ออกสำรวจความเสียหาย และหามาตรการช่วยเหลือชาวสวนแล้ว

---------------

ขณะที่ จ.กาญจนบุรี หลังจากมีฝนตกหนัก และน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ ทำให้มวลน้ำจาก อ.ไทรโยค และ อ.ทองผาภูมิ ไหลทะลักเข้าสู่เขต อ.เมือง ระดับน้ำในแม่น้ำแควน้อย บริเวณหมู่ 1 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง เพิ่มระดับสูงขึ้น ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมโรงแรมรีสอร์ทในพื้นที่ เช่น บ้านไร่ริมแควรีสอร์ท  ริมแควการ์เด้นแคมป์รีสอร์ทกาญจนบุรี

ส่วนที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ประกาศปิดน้ำตกเกรงกระเวีย สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่อุทยานฯ หลังน้ำป่าในลำห้วยทิพุเย มีกระแสน้ำไหลแรง และสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนท่วมทางเดิน สะพาน ซุ้มนั่งเล่น บริเวณน้ำตกเกริงกระเวีย หลังจากเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ ซึ่งเป็นที่ต้นน้ำของลำห้วยทิพุเย ซึ่งคาดว่า หลังน้ำลดลง 3-4 วัน จึงจะสามารถกลับมาเปิดบริการได้ตามปกติ

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้ประกอบการชมรมท่องเที่ยว ได้ระดมคนช่วยกันรื้อเศษสวะ กิ่งไม้ กิ่งไผ่ และขยะจำนวนมาก ที่ลอยมาติดตอม่อ 'สะพานไม้อุตตมานุสรณ์' (สะพานมอญ) ชุมชนบ้านวังกะ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เนื่องจากเกรงว่าสะพานไม้จะได้รับความเสียหายเหมือนปี 56

------------

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2567  เกิดอุทกภัยในพื้นที่แขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้ง มีเศษซากไม้ และขยะพลาสติกจำนวนมาก ลอยมาติดแพของชาวบ้านที่อยู่ตามริมฝั่ง อ.เชียงคาน จ.เลย ทำให้ชาวประมงได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถออกเรือไปหาปลาได้

------------

ที่ จ.ชัยนาท จากการที่เขื่อนเจ้าพระยาเร่งระบายน้ำเข้าคลองชัยนาท-ป่าสัก ผ่านเขื่อนพระราม 6 ที่ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา แลระบายน้ำลงมาท้ายเขื่อน ทำให้คลองโพ ที่อยู่ท้ายเขื่อน มีระดับน้ำสูงขึ้น จนน้ำทะลักเข้าท่วมแปลงเห็ดตับเต่าของชาวบ้านในพื้นที่ อ.บางปะอิน อ.วังน้อย และอ.อุทัย ซึ่งเป็นแหล่งเพาะเห็ดตับเต่าใหญ่สุดของไทย ได้รับความเสียหายอย่างหนัก คาดเสียหายนับ 10 ล้านบาท

------------

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก GoAof Mk Kb โพสต์คลิปนาทีคลื่นลมแรง ที่ชาวบ้านเรียกว่า 'ลมหัวนอน' พัดใส่ชายฝั่งบนเกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ช่วงคืนวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้แนวเขื่อนป้องกันตลิ่งริมชายหาดพังเสียหายทั้งแถบ พื้นทางเดินบริเวณริมหาดด้านหน้าโรงพยาบาลเกาะพีพี ได้รับความเสียหายเป็นแนวยาว โดยแผ่นพื้นปูทางเดินหลุดออกมา และเสาปูนเอนล้มทั้งแถบ 

------------

ที่ จ.พัทลุง เวลาประมาณ 14.30 น. เกิดพายุหมุน หรือที่ชาวบ้านเรียก 'ลมหัวด้วน' พัดเข้ามานานเกือบ 10 นาที ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม ทำให้ผู้คนนับร้อยชีวิตกำลังพักผ่อนร่วมกันต้องหนีพายุเพื่อความปลอดภัย

ขณะเดียวกันมีชายคนหนึ่งกำลังเข้าห้องน้ำที่ทำไว้แบบชั่วคราว ลมพายุได้พัดหอบเอาห้องน้ำยกไปทั้งชุดเหลือแต่โถส้วม โชคดีไม่มีใครได้รับบาดบาดเจ็บ

หลังลมสงบ พบว่า ต้นไม้หลายต้นหักโค่นลงมา ก่อนที่บรรดานักท่องเที่ยวสายแคมป์ เร่งเคลียร์พื้นที่เพื่อจัดกิจกรรมพักผ่อนของครอบครัวในวันหยุดต่อไป

------------

กรมอุตุนิยมวิทยา ได้พยากรณ์อากาศประจำวัน วันที่ 29 กรกฎาคม 2567 ว่า

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย

ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก

และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

สำหรับบริเวณอ่าวไทยตอนบน ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Ew8_KSV8MxQ