ชาวบ้านร้องระงม ค่าไฟแพง หลังกกพ.จ่อขึ้น 4-6 บาทต่อหน่วย

ที่จังหวัดอุทัยธานี วันนี้ ( 17 ก.ค. ) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นกับกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วยในหมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าในการประกอบอาชีพของตัวเองเป็นหลัก ตลอดจนประชาชนที่ใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนต่างๆ หลังจากที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ (สำนักงาน กกพ.) เคาะ 3 ทางเลือกปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) งวดปลายปี หลังจากมีการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา พิจารณาอัตราค่า Ft งวดปลายปี (ก.ย.-ธ.ค.2567) พบว่า ต้นทุนค่าไฟจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณหน่วยละ 46-182 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะส่งผลให้ ค่าไฟงวดปลายปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 4.65 - 6.01 บาทต่อหน่วย จากค่าไฟงวดก่อนหน้าอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย

โดย นางจงกล อายุ 60 ปี เจ้าของร้านมินิมาร์ท ในพื้นที่หมู่ 6 ต.หนองยาง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี กล่าวว่า ปกติที่ร้านจะจ่ายค่าไฟเฉลี่ยเดือนละประมาณ 6,000 กว่าบาท สูงสุดเกือบ 1 หมื่นบาท เนื่องจากที่ร้านใช้ไฟฟ้าตลอดทั้งวัน เนื่องจากมีตู้แช่อาหาร ตู้แช่น้ำดื่ม เครื่องดื่ม และตู้แช่ไอติม รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ตู้ ยังไม่รวมไฟส่องสว่างในร้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ หากปรับไฟฟ้าขึ้นมาอีก และถ้ายิ่งขึ้นมาถึงหน่วยละ 6 บาท ร้านคงจะแย่พอสมควร เพราะค่าไฟฟ้าน่าจะพุ่งไปเป็นเดือนละหลักหมื่นบาทอย่างแน่นอน

ทุกวันนี้ยอดขายแทบทุกร้านก็ไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อน เพราะชาวบ้านต่างต้องลดค่าใช้จ่าย ซื้อแค่ของที่จำเป็น ต้องกินใช้ตามกำลังกันเท่านั้น หากเป็นไปได้อยากให้ทางรัฐบาลช่วยประคองค่าไฟไม่ให้เพิ่มขึ้น หากลดลงกว่านี้ไม่ได้ ขอให้ช่วยคงไว้ที่หน่วยละ 4 บาทก็ยังดี

ด้านชาวบ้านในพื้นที่ ที่เดินทางมาซื้อของกินใช้ที่ร้านค้าดังกล่าว เปิดเผยว่า ช่วงนี้ต้องรัดเข็มขัด ซื้อแค่ของกินของใช้ที่จำเป็น หากค่าไฟฟ้าปรับขึ้นก็คงจะลำบาก เพราะปัจจุบันที่บ้านก็เสียค่าไฟฟ้ากันที่ประมาณเดือนละ 400-500 บาท บางบ้านเดือนละหลักพันบาท หากขึ้นไปถึง 6 บาทจริง ค่าไฟฟ้าที่บ้านก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกหลายร้อยบาทกันเลยทีเดียว หากเป็นไปได้อยากให้คงราคาเดิมไว้ เพราะทุกวันนี้ลำบากกันมาก แค่กาแฟซองยังต้องซื้อทีละ 20 บาท