สังคม

รวบ ‘ติ๊กนาวา’ แฝงตัวเป็นโชเฟอร์ CEO เข้าคฤหาสน์หรู ฉกภาพโบราณ 120 ปี มรดกตกทอดตระกูลดัง

โดย petchpawee_k

10 ก.ค. 2567

614 views

เมื่อวานนี้ (9 ก.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.ร่วมกันจับกุมตัว นายนาวา หงษ์สกุล หรือไดรเวอร์ติ๊ก หรือติ๊กนาวา อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล ฐานลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด


ทั้งนี้ มีภาพนาทีที่เจ้าหน้าที่สืบนครบาลขับรถประกบรถของคนร้ายที่ขับมาหน้าบริเวณ สตช. ก่อนที่จะจู่โจมเข้าจับกุมโดยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ พร้อมอ่านหมายจับให้ผู้ต้องหาฟัง โดยสารวัตรแจ๊ะบอกกับผู้ต้องหาว่า ตรงนี้พื้นที่ศักด์สิทธิ์นะ หน้าสำนักงานใหญ่ของตำรวจ อย่าพูดโกหก รับสารภาพหรือไม่ ทางผู้ต้องหาจึงรับสารภาพ ก่อนเจ้าหน้าที่ดำเนินการควบคุมตัวไปดำเนินคดี

สืบเนื่องจาก CEO หนุ่มสื่อโฆษณาชื่อดัง เข้าแจ้งความ หลังพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมลายพระปรมาภิไธยโบราณอายุ 120 ปี จำนวน 4 ภาพ อันเป็นมรดกตกทอดของตระกูลของเก่าสุดล้ำค่า ชนิดที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้หายไป จากคฤหาสน์หรูย่านอุดมสุข เมื่อวันที่ 4 พ.ค.67 ที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้


ต่อมาชุดสืบสวน พบเบาะแสจากตลาดมืดว่า มีพ่อค้าของสะสมในพื้นที่ จ.ชลบุรี, นครปฐม และนนทบุรี รับซื้อของล้ำค่าดังกล่าวไว้ในราคาทั้งหมด 100,000 บาท จึงสืบสวนจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือนายนาวา หรือติ๊ก พนักงานขับรถให้กับ CEO หนุ่มคนดังกล่าว


จากการสอบสวนทราบว่า ปลายปี 65 นายนาวา หรือติ๊ก ได้สมัครงานเข้ามาเป็นพนักงานขับรถให้กับ CEO หนุ่มชื่อดัง แรกเริ่มเป็นเพียงคนขับรถธรรมดา มิได้มีสิทธิพิเศษเข้านอกออกในคฤหาสน์หรูได้ จากนั้นนายนาวา ใช้เวลาเพียงปีเศษ ทำให้คนในบ้านไว้ใจ จนสามารถเข้านอกออกในได้ทุกพื้นที่

กระทั่งวันที่ 4 พ.ค.67 เวลาประมาณ 14.00 น. จู่ๆ เกิดเหตุเพลิงไหม้ในคฤหาสน์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ต้นเพลิงมาจากห้องควบคุมไฟฟ้า ทำให้ระบบไฟฟ้าและกล้องวงจรปิดไม่ทำงาน ผู้คนต่างชุลมุน แต่คนร้ายกลับใช้สถานการณ์ที่วุ่นวาย ฉกเอาสมบัติล้ำค่าจำนวน 4 ภาพ ขึ้นรถไปยังตลาดมืดทันที

และที่แสบทรวงคือ คนร้ายยังกลับมาทำงานอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังเพลิงสงบลง CEO หนุ่ม ตรวจสอบทรัพย์สินพบว่าสมบัติอันล้ำค่าหายไป จึงแจ้งความดำเนินคดี จนกระทั่งชุดสืบสวนพบเบาะแส ก่อนให้พนักงานสอบสวน สน.บางนา ออกหมายจับคนร้าย


ก่อนจะจับกุมตัว นายนาวา หรือติ๊กได้ที่กลางถนนปทุมวัน ขณะจับกุมคนร้ายยังคงทำงานเป็นคนขับรถให้ CEO หนุ่มอยู่เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สร้างความตกใจกับ CEO หนุ่มเป็นอย่างยิ่ง หลังจับกุมตัวได้ นำตัวนายนาวาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางนา เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย


จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ลักเอาพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมลายพระปรมาภิไธยโบราณ อายุกว่า 100 ปี ของผู้เสียหายไปจริง โดยนำไปจำหน่ายยังร้านค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้ง 4 รูป มูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท ซึ่งจริงแล้วมูลค่าความเสียหายนั้น ไม่สามารถประเมินราคาได้ เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่หายากและมีมูลค่าแก่ทางจิตใจของครอบครัว และตระกูลของผู้เสียหายเป็นอย่างมาก


จากการตรวจสอบประวัติของนายนาวา หรือติ๊ก พบว่าเคยต้องโทษคดีอาญา จำนวน 2 คดี ในข้อหาเป็นเจ้ามือ หรือจัดให้มีการเล่นพนัน พื้นที่สภ.สำโรงเหนือ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.58 และ ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนด ห้ามออกจากเคหสถานในเวลาที่กำหนด, ข้อหาขับรถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น พื้นที่สภ.สำโรงเหนือ วันที่ 18 ก.ย.64


ขณะที่ภายหลังสอบปากคำเสร็จสิ้น ชุดสืบสวนนครบาล ได้คุมตัว นายติ๊ก ไปส่ง สน.บางนา ซึ่งทันทีที่นายติ๊กเจอนักข่าว ได้สะอื้นไห้ พร้อมยกมือไหว้และพูดว่า ผมเดินทางผิด


เมื่อถามว่า มีใครสั่งให้ขอโมยของหรือไม่ เจ้าตัวอ้างว่า ไม่มีใครสั่งให้ขโมย แต่ยอมรับว่า ไปกู้เงินมาจากแก๊งวัดด่าน ที่เคยถูกจับกุมในคดียิงฟอร์จูนเนอร์จริง เพราะเป็นหนี้รอบด้าน ยิบย่อยทั่วไป เลยหาทางออกในทางที่ผิด ตนเองสำนึกผิดแล้ว


เมื่อถามย้ำว่า เจ้านายเขาไว้ใจเราขนาดนั้นทำไมถึงกล้าขโมย นายติ๊กตอบย้ำอีกว่า สำนึกผิดแล้ว และไม่ได้นัดแนะกับใครมาก่อน ไม่รู้ว่ารูปมีมูลค่าที่สามารถขายได้ พร้อมยกมือไหว้ ขอโทษกับเจ้านายและปฏิเสธอ้างว่า ไม่ได้ตั้งใจเข้าไปทำงานเพื่อขโมยของ และไม่ได้ตั้งใจกลับไปเอารูปตอนไฟไหม้  สิ่งที่ทำไม่มีใครช่วย ทำเพียงคนเดียว 


ทีมข่าวได้พูดคุยกับ พลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือ สืบนครบาล ทางโทรศัพท์ ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่าตัว นายนาวา มีการแฝงตัวเข้ามาทำงานอยู่กับ CEO รายนี้ตั้งแต่ปี 2565 และตีสนิทจนได้รับความไว้ใจ จนสามารถเข้าถึงห้องที่เก็บสมบัติล้ำค่าของตระกูลได้ ซึ่งปกติห้องดังกล่าวบุคคลหรือคนงานทั่วไปจะไม่สามารถเข้าถึงห้องดังกล่าวได้ ฝ่ายสืบสวนจึงมีการวางแผนในการติดตามจับกุม

จนสามารถสามารถติดตามได้ขณะที่ตัวนายนาวา กำลัง ขับรถให้กับทางผู้เสียหายในคดีผ่านเส้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีการเข้าปิดสกัดและแสดงหมายจับเข้าทำการจับกุม

ต่อจากนี้ตำรวจจะขยายผลไปหาผู้ร่วมขบวนการเพราะเชื่อว่าการก่อเหตุในครั้งนี้ไม่สามารถดำเนินการก่อเหตุได้เพียงลำพัง อาจมีนายทุนหรือกลุ่มคนที่มีเงินทองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพราะทรัพย์สินมีค่าดังกล่าว มีคนเพียงไม่กี่กลุ่มที่สามารถมีกำลังทรัพย์ในการซื้อหาได้ ซึ่งเบื้องต้นตัวนายนาวา ให้การว่าขายทรัพย์สินที่เป็นภาพถ่ายทั้ง 4 ภาพไปในราคา 100,000 บาท ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะภาพถ่ายดังกล่าวไม่สามารถประเมินมูลค่าได้

ล่าสุดมีรายงานว่าฝ่ายสืบสวนสามารถติดตามภาพถ่ายทั้ง 4 ภาพกลับมาได้เป็นที่เรียบร้อย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ สวนการสอบปากคำผู้ต้องหาในรายละเอียด ยัง ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเจ้าตัวยังคงไม่ให้ความร่วมมือ

ส่วนกรณีที่นามสกุลของผู้ต้องหา มีความคล้ายคลึงกับผู้มีชื่อเสียงรายหนึ่ง เบื้องต้นจากการตรวจสอบไม่พบความเชื่อมโยง เป็นเพียงการออกเสียงที่คล้ายกัน แต่สะกดไม่เหมือนกันเท่านั้น


เบื้องต้นตร.ได้แจ้งข้อหา ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/qOSoio7urHs

คุณอาจสนใจ