สังคม

'บิ๊กเต่า' แรง! รับมีความสุขช่วง ‘บิ๊กโจ๊ก’ ไม่อยู่ แนะควรลาออก ทำเสียชื่อ รร.นายร้อย - 'วิษณุ' ชี้ไม่ควรฟ้องนายกฯ

โดย nattachat_c

26 มิ.ย. 2567

18 views

วานนี้ (25 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ บิ๊กโจ๊ก ยื่นฟ้อง 'พลตำรวจเอก' นายหนึ่ง ซึ่งเป็นคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมระบุว่า พลตำรวจเอกคนนี้ เป็นกูรูด้านกฎหมายที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น เพื่อตรวจสอบประเด็นความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่กลับให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ที่ทำให้สื่อมวลชนและประชาชนเข้าใจว่า 'บิ๊กโจ๊ก' มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเว็บพนันออนไลน์ จากกรณีที่ถูกศาลออกหมายจับ จึงมาฟ้องนายตำรวจคนนี้ฐาน 'หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา'


พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ บอกด้วยว่า แม้ว่าศาลจะออกหมายจับเขาในคดีเว็บพนันออนไลน์ แต่ก็เป็นกรณีที่ไม่ไปตามหมายเรียก ไม่ใช่เพราะกระทำความผิด และอดีตนายตำรวจท่านนั้นซึ่งเป็น 1 ในคณะกรรมการตรวจสอบประเด็นความขัดแย้ง มีหน้าที่เพียงตรวจสอบและรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ ไม่ได้มีหน้าที่ออกมาพูดวินิจฉัยเรื่องคดี หรือพิพากษาคดีแทนศาล การที่กูรูให้ความเห็นคดีชี้นำสังคม ทำให้สังคมเชื่อไปแล้วว่าเขารับเงินเว็บพนันจริง หรือมีความผิดฐานฟอกเงิน จึงเข้าข่ายหมิ่นประมาท และหลังจากนี้เตรียมฟ้องกูรูอีก 1 คนด้วยในความผิดฐานหมิ่นประมาทเช่นเดียวกัน และสัปดาห์หน้าจะยื่นฟ้องผู้บังคับบัญชาระดับสูงด้วย


ส่วนการประชุม ก.ตร. ที่จะมีขึ้นในวันนี้ (26 มิ.ย.) ก็ให้เป็นไปตามดุลพินิจของคณะกรรมการ ไม่ขอแทรกแซง แต่กระบวนต้องถูกต้อง ชอบธรรม และเคารพสิทธิ์ของเขาด้วย หากผลการประชุม ก.ตร. ออกมาเป็นลบกับเขาเองก็จะฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดต่อ แต่ตอนนี้ยังต้องรอคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ก่อน


หากฟังจากเนื้อหาที่ 'บิ๊กโจ๊ก' พูด เชื่อว่า 'พลตำรวจเอก' ที่โดนฟ้อง คือ พลตำรวจเอก วินัย ทองสอง อดีตรอง ผบ.ตร. และปัจจุบันเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ก.ตร.

--------------------

ด้าน พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ผู้ทรงคุณวุฒิ ก.ตร. เปิดเผยภายหลังทราบข่าวว่าจะถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฟ้องร้องดำเนินคดีว่า ยินดีที่จะให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฟ้องร้องตนเอง เพราะจะได้นำพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีออกมาเปิดเผยกับศาลและสาธารณชน ซึ่งมองว่าเป็นสิทธิ์ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สามารถทำได้ โดยหลังจากนี้หากการฟ้องร้องไปถึงในชั้นศาล จะได้นำพยานหลักฐานที่มีไปชี้แจงในชั้นศาลเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิ์ของตนเองเช่นกันว่า ตนเองรู้ข้อมูลพยานหลักฐานหรือการกระทำใด ๆ บ้าง


ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ที่ประชุมอนุกรรมการ ก.ตร. มีคะแนนเอกฉันท์ 10 ต่อ 0 ว่า กรณีที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในขณะเป็นรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เซ็นหนังสือคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการถูกต้องตามระเบียบตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 โดยยอมรับว่ามีการประชุมดังกล่าวจริงเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยตนเองเป็นประธานการประชุมอนุ ก.ตร. ซึ่งจากการพิจารณาตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 รวมถึงกฎหมายลูกอื่นๆ คณะอนุกรรมการลงความเห็นในครั้งแรกออกมาเป็นเอกฉันท์ว่า การเซ็นหนังสือคำสั่งดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบต่างๆ แต่มีการลงมติในรอบที่ 2 เนื่องจากมีผู้มาเข้าประชุมเพิ่มอีก 1 คน ทำให้การการลงมติเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเล็กน้อย โดยส่วนใหญ่ลงมติความเห็นตามเดิม แต่มีอนุกรรมการ 1 คนที่งดออกเสียง


ทั้งนี้ ผลการลงมติดังกล่าว จะนำส่งต่อไปให้นายกรัฐมนตรีและที่ประชุมคณะ ก.ตร. ชุดใหญ่ ซึ่งจะมีการประชุมในวันนี้ (26 มิ.ย. 67) โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งมติความเห็นของอนุกรรมการจะถูกนำไปประกอบกับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาและความเห็นของผู้ร่วมเข้าประชุมคนอื่นๆ คาดว่าน่าจะมีผลชี้ขาดในวันพรุ่งนี้ ซึ่งตนเองไม่สามารถก้าวล่วงได้

--------------------

นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เตรียมจะยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรีกรณีปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157 หากไม่ออกคำสั่งให้กลับไปทำหน้าที่ ว่า


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มีสิทธิฟ้อง เพราะเป็นการฟ้องส่วนตัว แต่เห็นว่าไม่ควรฟ้อง และไม่น่าฟ้อง เพราะยังมีช่องทางที่จะได้รับการเยียวยาหลายช่องทาง ควรไปใช้ช่องทางปกติ โดยใช้ช่องทางของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ที่กฎหมายบัญญัติว่า ถ้าใครไม่ได้รับความเป็นธรรม และความเดือดร้อนจากผู้บังคับ และร้องเรียนผู้บังคับบัญชาแล้วไม่ได้ผลก็มายื่นร้อง ก.พ.ค. เมื่อมีคำตัดสินออกมาอย่างไรให้ปฏิบัติตามนั้น และเวลานี้เรื่องทั้งหมดอยู่ที่ ก.พ.ค


นายวิษณุกล่าวว่า ความเห็นจากฝ่ายต่างๆ ทั้งอนุกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) คณะกรรมการกฤษฎีกา จะเป็นหลักฐานที่ส่งไปที่ ก.พ.ค.เพื่อวินิจฉัย คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน


ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ควรรอฟังผลจาก ก.พ.ค.อย่างเดียวหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ทุกคนที่เกี่ยวข้องควรรอ ก.พ.ค.เว้นแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไปแก้ไข หรือเยียวยาเอง หากทำอย่างนั้นก็ต้องทิ้งเรื่องไว้ที่ ก.พ.ค.


นายวิษณุกล่าวว่า ขอย้ำประโยคนี้ว่าเขาออกแบบไว้ให้ ก.พ.ค.ตร.เป็นผู้ตัดสินปัญหา ก็ต้องใช้ช่องทางนี้ หากผลตัดสินของ ก.พ.ค.ตร.ไม่เป็นที่พอใจ ก็ไปร้องศาลปกครองได้อีก

--------------------

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เปิดเผยว่าไม่อยากใส่ใจ และไม่หนักใจ เป็นเรื่องปกติที่ผู้เสียหายจะดำเนินการ และมองว่าส่วนหนึ่งเป็นแผนประทุษกรรมของกลุ่มคนเหล่านี้ ที่เมื่อก่อนก็มีการร้องเรียนพนักงานสอบสวนและและมีการเจรจายกเลิกกันไป มีเรื่องอะไรก็เจรจาจบทุกเรื่อง แต่ก็กลับมาทำอีก ซึ่งตอนนี้ตำรวจไม่กลัวแล้ว ลุกขึ้นมาสู้แล้ว ไม่ต้องมีการเจรจากันอีกต่อไป พร้อมยืนยันว่าไม่ท้อ เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นได้เมื่อต่อสู้กับผู้มีอำนาจ แต่ตำรวจเรายืนบนพื้นฐานของความถูกต้อง ความถูกต้องที่ทำจะเป็นเกราะคุ้มครองเราเอง ไม่จำเป็นต้องกลัว


ผู้สื่อข่าวถามว่าหนักใจหรือไม่ที่อาจจะมีคดีที่ถูกฟ้องร้องเพิ่ม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คดีตั้งเป็น 100 นี่ยังน้อยอยู่ ในหัวเขาจะให้เท่าไหร่ก็เท่านั้น แต่เชื่อว่าเขาจัดให้เยอะแน่นอน ไม่ต้องกลัว และไม่จำเป็นต้องสู้ เพราะเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ศาลจะให้ความเป็นธรรมตนเอง เพราะตนเองไม่ได้ทำผิดอะไร และอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง ซึ่งหากทุกคนอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง ก็ไม่ต้องไปยอมกับสิ่งที่ไม่ชอบธรรม


เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า คนเราหากเป็นลูกผู้ชาย เป็นตำรวจจบจากโรงเรียนนายร้อยด้วยกัน  วันนึงหากไม่สง่างามและไม่สามารถเดินไปต่อได้การชำระล้างบาปด้วยตัวเองก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี หากเป็นผู้รักษากฎหมายแล้วไปทําผิดแบบนี้แล้วสังคมต่อไปจะอยู่กันได้อย่างไร


พร้อมกล่าวต่ออีกว่าตลอด 4-5 เดือนที่ผ่านมาตํารวจมีความสุขในการทํางานเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่มีคนที่จงจะทําลายกัน โดยทํางานกันได้อย่างอิสระ ฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือต้องมีความรับผิดชอบ หากผิดก็ยอมรับผิดไป “จะลาออกหรืออะไรก็ว่าไป อยู่ทําไม เสียสถาบันโรงเรียนนายร้อยหมด”


เมื่อผู้สื่อข่าวถามยํ้าว่าช่วงเวลา 4-5 เดือน ที่บอกตํารวจมีความสุข คือช่วงที่ “บิ๊กโจ๊ก” ไม่อยู่ใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบทันทีว่า “ผมก็ว่าอย่างนั้น เพราะผมทํางานอย่างมีความสุข ไม่มีมารอยู่ และนี้ไม่เกี่ยวกับ บช.ก.”


ส่วนเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะได้กลับไปดำรงตำแหน่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ ตนเองไม่ได้หนักใจ ไม่ว่าใครจะอยู่หรือไป ตนเองก็ต้องทำงานต่อไป และได้ทำส่วนของตนเองสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว

--------------------

วานนี้ (25 มิ.ย. 67) ปรากฎกระแสข่าวสะพัดว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะลาออกจากตำแหน่งในเร็ววันนี้ เพื่อโอนย้ายไปรับราชการหน่วยงานอื่นจนเกษียณอายุราชการ

--------------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/NCy66346eQE


คุณอาจสนใจ

Related News