สังคม

ศาลสั่งคุก 25 ปี-ชดใช้ 2 ล้าน! สองผัวเมีย สาดน้ำกรดเด็ก ม.6 หูขาด-หน้าเสียโฉม ไม่เยียวยาสักบาท

โดย petchpawee_k

20 มิ.ย. 2567

84 views

จากกรณีที่นายเจษฎาภรณ์ อายุ 21 ปี และ น.ส.อังคณา อายุ 25 ปี สองสามีภรรยา สวมชุดดำและคลุมศีรษะเป็นไอ้โม่งปิดบังใบหน้า ถือถังบรรจุน้ำกรด บุกเข้าไปสาดใส่ น.ส.ณัฐติกานต์ หรือ น้องอั้ม อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 ขณะนั่งกินข้าวอยู่กับยายและน้าชาย ภายในร้านอาหารตามสั่ง ในเขตเทศบาลนางรอง  อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์  เมื่อบ่ายวันที่ 27 ส.ค.2566  


โดยน้องอั้มโดนน้ำกรดทั้งที่ใบหน้า ดวงตา หน้าอก ไหลอาบลำตัว สภาพผิวหนังไหม้ เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย ใบหน้าเสียโฉม หูซ้ายขาด และตาซ้ายเกือบบอด อาการสาหัส ต้องรักษาตัวที่ รพ.นานกว่า 4 เดือน  ส่วนยายและน้าชายที่นั่งกินข้าวด้วยกันก็โดนน้ำกรดกระเด็นใส่ มีรอยไหม้ตามใบหน้า ลำคอ ลำตัว แขน และขา แต่ไม่สาหัสเท่าน้องอั้ม  


ส่วนมูลเหตุจูงใจ คาดว่าสองสามีภรรยาแค้นที่เคยถูกแจ้งความฐานพรากผู้เยาว์ และทำให้เสียทรัพย์ ถึงแม้จะมีการไกล่เกลี่ยชดใช้ค่าเสียหายและคดีจบไปแล้ว ซึ่งหลังก่อเหตุ สองสามีภรรยาถูกตำรวจจับกุมได้ ขณะหนีไปซ่อนตัวอยู่ในสวนมะม่วงที่ จ.อุดรธานี ตำรวจได้พยานหลักฐาน ทั้งการเช่ารถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่สามารถยืนยันได้ว่าทั้งสองร่วมกันก่อเหตุสาดน้ำกรดน้องอั้ม  


คดีนี้ พนักงานอัยการจังหวัดนางรอง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาล ในข้อหา “พยายามฆ่า” จากที่ตอนแรกพนักงานสอบสวนแจ้งเพียงข้อหา “ทำร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายสาหัส” แต่อัยการเห็นว่าพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองทำ ด้วยการนำน้ำกรดถึง 2 ถัง ไปสาดใส่น้อง อาจทำให้ได้รับอันตรายแก่ชีวิต จึงให้สอบสวนเพิ่มเติมและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม คือ “พยายามฆ่า โดยไตร่ตรองไว้ก่อน”


ล่าสุด นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋นบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนางรอง ได้พิพากษาตัดสินลงโทษสองสามีภรรยา ที่เป็นจำเลยในคดีนี้ ในอัตราโทษสูงสุดคือ ประหารชีวิต เพราะกระทำผิดฐานพยายามฆ่า และไตร่ตรอง แต่ความผิดยังไม่สำเร็จ จึงเหลือจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ศาลจึงลงโทษเหลือจำคุกคนละ 25 ปี แต่ผู้เป็นสามีเคยมีคำพิพากษาก่อนหน้านี้เรื่องคดีพรากผู้เยาว์ด้วย จึงเพิ่มโทษสามีอีก 10 ปี รวมเป็น 35 ปี  ส่วนคดีแพ่งก็ให้ชดใช้เงินอีก 2,006,000 บาท


นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า คดีนี้ต่อสู้ในชั้นศาลมาร่วมปี ถือว่าวันนี้น้องได้รับความยุติธรรม แต่ก็ยังกังวลว่า หากจำเลยไม่ยอมชดใช้เงินค่าเสียหาย 2,006,000 บาท ตามคำพิพากษา ก็จะได้แค่กระดาษหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา จำเลยทั้งสองไม่เคยเยียวยาผู้เสียหายเลยแม้แต่บาทเดียว และไม่เคยเอาเงินมาวางศาลเพื่อทุเลาผลที่กระทำผิดเลยด้วย ซึ่งจะต้องทำการสืบทรัพย์ว่าทั้งคู่จะมีทรัพย์สินเป็นของตัวเองที่จะยึดมาชดใช้ให้ผู้เสียหายได้หรือไม่ แต่ตนมองว่าหลักความเป็นมนุษย์ด้วยกันก็น่าจะเยียวยาบ้าง


ด้าน น.ส.จิราวรรณ แม่ของน้องอั้ม กล่าวว่า พอใจในคำตัดสินของศาลที่เมตตาให้ความยุติธรรมกับน้อง แต่แม่ก็ยังกังวลว่าผู้กระทำผิดทั้งคู่ จะไม่จ่ายเงินเยียวยาให้ตามคำพิพากษาศาล เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเยียวยาเลยแม้แต่บาทเดียว  


ตั้งแต่เกิดเหตุ น้องเหมือนตกนรกทั้งเป็น แม้ว่าปัจจุบันสภาพจิตใจ และร่างกายจะเริ่มดีขึ้นบ้าง ช่วยเหลือตัวเองได้  แต่ก็ยังไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ ทุกวันนี้ยังต้องไปหาหมอตามนัด ทั้งที่ รพ.บุรีรัมย์ เพื่อรักษาดวงตาที่มองไม่ชัด ใบหูที่ขาด และรูหูปิดได้ยินไม่ชัด ทั้งต้องเดินทางไปคลินิกศัลยกรรมที่กรุงเทพฯ เป็นระยะ เพื่อประเมินสภาพใบหน้าและรักษาผังผืด เพราะทางคลินิกโดยคุณหมอ ชลธิศ จะทำศัลยกรรมให้กับน้องฟรี ซึ่งต้องขอบคุณทุกคนทั้ง ตร. อัยการ ทนายความ และศาลที่ให้ความเป็นธรรม แต่หวังว่าคู่กรณีจะเห็นใจและนึกถึงความเป็นเพื่อนมนุษย์ดูแลเยียวยาน้องบ้าง



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/j_es7SKxtQw


คุณอาจสนใจ

Related News