สังคม

'อนุทิน' เชื่อไม่กระทบเสียง ภท. ปมนำกัญชา กลับเป็นยาเสพติด - เครือข่ายกัญชา ท้าพิสูจน์ประโยชน์/โทษ 'กัญชา-เหล้า-บุหรี่'

โดย nattachat_c

10 พ.ค. 2567

64 views

จากกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพูดในที่ประชุมยาเสพติดเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ว่า จะให้กัญชากลับมาเป็นยาเสพติด และการถือครองยาบ้า 1 เม็ด ก็ถือว่าผิดกฎหมาย


สื่อมวลชนได้ถามว่า เรื่องนี้จะมีผลต่อพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือไ
ม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ทำไมถึงว่าจะกระทบกับพรรคร่วมหรือไม่ ทำไมไม่ถามอะไรที่กระทบกับประชาชนเป็นหลัก ตนเชื่อว่า ทั้งพรรคภูมิใจไทย  และพรรคเพื่อไทย หรือคณะรัฐบาล เราตัดสินใจทำอะไรเราทำเพื่อประชาชน


เมื่อถามว่า ได้มีการหารือกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แล้วหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้มีการพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว

-----------------
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวถึงถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และกระทรวงสาธารณสุข เตรียมจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ว่า


ทางกระทรวงสาธารณสุข ต้องไปหาข้อมูลมา เพราะที่ผ่านมา การประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติด หรือพ้นจากการยาเสพติด เป็นการประกาศโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบยาเสพติดแห่งชาติชุดใหญ่


และก่อนที่จะมาถึงตรงนั้น ก็มีคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานอยู่ ซึ่งตอนที่ปลดล็อกกัญชาก็มีความชัดเจนว่า เหตุใดถึงปลดได้ แต่ปัญหาของมันตอนนี้ คือ 'กฎหมายไม่มี' เราเคยเสนอกฎหมายเข้าไป ผ่านวาระแรกแล้ว แต่หลังจากนั้น ก็ไม่ผ่านวาระสอง ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องของการเมือง ไม่ใช่เรื่องของเหตุผล


ดังนั้น เราต้องยืนยันเจตนารมณ์​ต่อไปว่า มันพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ ไม่ได้ใช้อารมณ์ใช้ความรู้สึก และนโยบายต่าง ๆ ก็ต้องมีข้อมูลมาสนับสนุน ตรงนี้ ไม่กังวล


และที่ผ่านมา ก็อยู่ในนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการป้องกันและปราบยาเสพติดแห่งชาติ (ป.ป.ส.)


วันนี้ ตนย้ายมากระทรวงมหาดไทยแล้ว แต่ก็เป็นคณะกรรมการด้วย เราก็ต้องให้ข้อมูลในส่วนของเรา ส่วนมติจะออกมาอย่างไร ก็เป็นไปตามกฏหมาย


เมื่อถามว่า ต้องมีการเยียวยาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนที่เราประกาศให้กัญชาออกจากยาเสพติด นักโทษ 6-7 พันคน ได้รับการปล่อยตัวทันที บางทีเค้ารักษาตัว บางทีพวกเขาเป็นแพทย์ประจำบ้าน แพทย์แผนโบราณ ถูกตัดสินจองจำคุก เขาก็ได้รับการปล่อยตัว


"ส่วนตัวไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ถ้าวันนี้ มีข้อมูลใหม่มา กัญชาอันตรายเป็นยาเสพติดแน่นอน ถ้ามีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ผมต้องรับฟัง และพิจารณา แต่ในปัจจุบัน เราก็ต้องรอข้อมูลเหล่านั้นมาก่อน วันนี้ ที่ยังปลูก 6 ต้นได้ หรือพวกที่เอามาทำเป็นสินค้า เค้าแค่จดแจ้ง หรือทำรายงานว่า เขาจะเอาไปขาย วันนี้ เราจะทำอย่างไร ถ้าเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด จะต้องมีบทเฉพาะกาลคุ้มครองคนเหล่านี้หรือไม่ จะต้องมีการดูทุกอย่าง"


เมื่อถามว่า เป็นเหมือนโครงการเรือธงของพรรคภูมิใจไทย จะกระทบอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ในขณะที่ประชาชนให้ความไว้วางใจ ให้เราเข้าไปกำกับกระทรวงสาธารณสุข เราก็เดินหน้าตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้ทุกอย่าง มีการปลดกัญชาจากยาเสพติดเรียบร้อย


แต่พอมาถึงรัฐบาลนี้ พรรคภูมิใจไทยเสียงไม่พอที่จะเข้าไปกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข เราต้องให้รัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่เราต้องให้ข้อมูลว่า เหตุใดกัญชาจึงมีประโยชน์มากกว่าโทษ เราให้ข้อมูลเข้าไปเต็มที่ ก็โหวตกันในที่ประชุม ผลออกมาเป็นอย่างไร ก็ต้องยอมรับ เราจะยืนยันไปโดยที่ ไม่รู้ว่าเขามีข้อมูลอย่างไรก็คงไม่ได้ ตอนนี้เราไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่เราจะยืนยันในข้อมูลที่เรามี หากใครมีข้อมูลที่ดีกว่าก็มาหักล้าง


"ทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้อมูล ตอนที่ทำให้ปรับจากยาเสพติด เรามีข้อมูลอย่างไรบ้างตรงนี้เป็นข้อมูลของผม เป็นเหตุผลที่เราเห็นว่าทำแล้วมีประโยชน์ทางการแพทย์ ขึ้นบัญชียาหลักของชาติ แต่ถ้าบอกเป็นยาเสพติด ก็ต้องมานั่งถามกันว่า จะเอาขึ้นเป็นบัญชียาได้หรือไม่ ตอนนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าข้อมูล"


เมื่อถามว่า จะกระทบฐานเสียงพรรคภูมิใจหรือไม่ เพราะเขาอาจจะเลือกพรรคเพราะนโยบายนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ เสียงเราไม่พอ เพื่อจะเข้าไปกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุขได้ แต่ตอนที่เรากำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข เราก็ทำทุกอย่าง เช่นเดียวกับกฎหมายที่เราส่งเข้าสภา แต่เราก็ถูกหักหลัง คนที่รับโทษก็คือประชาชน ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย ตอนนี้ ไม่ได้ดูกระทรวงสาธารณสุขแล้ว เราต้องให้เกียรติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนปัจจุบัน ที่จะต้องไปดำเนินการ


นายอนุทิน ยังกล่าวถึงร้านกัญชาที่ชาวต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของจำนวนมาก ว่า ต้องถูกจับ คนที่จะเปิดร้านกัญชาได้ต้องอยู่ภายใต้ประกาศของสาธารณสุข กฎระเบียบ มีหมดอยู่แล้วถ้าเราทำตามกฎระเบียบจะไม่มีปัญหา

-----------------
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงประเด็นนายกรัฐมนตรี สั่งการให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ว่า


ประเด็นแรกในเรื่องของยาเสพติดคือเรื่องยาบ้า ซึ่งตนได้มอบหมายให้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จัดทำไทม์ไลน์ในการดำเนินงาน ซึ่งคาดว่า จะได้เห็นในวันที่ 13 พ.ค. นี้ ซึ่งขอให้รอรายละเอียดก่อน แต่เบื้องต้น ดูเหมือนจะไม่มีใครเห็นเป็นอื่นใด


ส่วนประเด็นกัญชานั้น ตามที่รัฐบาลได้แถลงว่า จะดำเนินตามนโยบาย ‘การใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มเศรษฐกิจ’ ซึ่งเป็นแนวทางที่จะสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน

ซึ่งเรื่องของกัญชามีความละเอียดอ่อนมาก โดยเฉพาะการทำประชาพิจารณ์ รับฟังความเห็นของประชาชน ที่ตามหลักการแล้วก็ควรจะมีการทำอย่างน้อย 3 ครั้ง


ส่วนผู้ประกอบการที่ได้ลงทุนไปแล้ว เช่น ปลูกกัญชา ทำผลิตภัณฑ์กัญชา อย่างไรก็ตาม เรื่องกัญชาต้องใช้เวลาดำเนินการมากกว่าเรื่องยาบ้า เพราะต้องมีการทำประชาพิจารณ์ อย่างน้อยก็ 3 ครั้ง เพื่อให้ถ่องแท้ แต่ตนขอให้ประชาชนมองประโยชน์ของประเทศชาติในส่วนร่วม เพื่อให้เราดำเนินเรื่องนี้ได้เสร็จสิ้น


เมื่อถามว่า หากนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด จะนำส่วนใดบ้าง หรือจะมีแนวทางอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ ตนยังบอกไม่ได้ว่าจะนำกลับไปเป็นยาเสพติดทั้งหมดหรือไม่ แม้ใจอยาก แต่อาจไม่ได้อย่างใจอยาก เพราะต้องดูข้อมูลวิชาการ ข้อมูลจากองค์กรสากลว่า สามารถทำได้แค่ไหน เพื่อให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด


“แม้แต่คำว่า การใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มเศรษฐกิจ ก็ยังมีการตีความกันไปต่าง ๆ นานา จึงต้องให้ผู้รู้ ผู้เกี่ยวข้อง มาช่วยกันทำให้ปัญหาหมดไป ถึงจะเดินหน้าไปได้ เพราะถ้าอะไรที่เดินไปด้วยความขัดแย้งก็จะเดินไม่ได้ ต้องขอเวลาเล็กน้อย แต่เราต้องยืนหยัดในสิ่งที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แถลงออกมา” นายสมศักดิ์กล่าว


เมื่อถามว่า หากจะนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด จะกระทบต่อผู้ประกอบการหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปุบปับแล้วจะเป็นยาเสพติดได้เลย ซึ่งต้องดูผลกระทบ และทำให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด ขณะที่ เราก็ต้องดำเนินตามนโยบายของรัฐบาล และท่านนายกรัฐมนตรี และตนเชื่อว่า สามารถทำได้โดยไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ โดยถ้าผู้ประกอบการอยากหารือ ตนก็พร้อมรับฟัง และอยากฟัง


ถามต่อว่า ในการจะนำกลับคืนเป็นยาเสพติดนั้น จะรวมทั้งกัญชาและกัญชงหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนยังมีความรู้เกี่ยวกับกัญชงน้อย ก็พยายามศึกษา พบว่า กัญชงไม่นิยมนำมาสูบเสพ ถ้าปลูกบนภูเขาก็จะมีค่า THC น้อยกว่า 0.2 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าปลูกบนที่ราบก็จะสูงกว่า 0.2 เปอร์เซ็นต์ แต่จะเชื่อเลยไม่ได้ ต้องขอดูด้วยตัวเองก่อน


เมื่อถามถึงประชาชนที่ลงทะเบียนจดแจ้งปลูกกัญชาในระบบ ‘ปลูกกัญ’ ที่ดำเนินการโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะต้องทำอย่างไร นายสมศักดิ์กล่าวว่า ที่ปลูกและก็ปลูกไป แต่ที่ยังไม่ปลูก ก็อย่าเพิ่งปลูก ต้นกัญชามีอายุประมาณ 90 วัน ดังนั้น ถ้าไปดูว่ากัญชาต้นไหนมีอายุน้อย ก็ถือว่าท่านไม่ระวังตัว เพราะช่วงนี้ก็มีนโยบายของรัฐบาลในเรื่องนี้ออกมาแล้ว


เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ก็คุยกัน แต่ก็ไม่ได้เห็นไปในแนวทางเดียวกันทั้งหมด


เมื่อถามถึงกรณีที่เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย จะขอเข้าพบเพื่อหารือกับ รมว.สธ. นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนพร้อมให้เข้าพบ หรือจะให้ไปหาก็ได้ เพราะตนก็อยากฟังข้อมูลจากทุกฝ่าย


เมื่อถามว่า ความแตกต่างของการนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด กับสถานะกัญชาในปัจจุบัน นายสมศักดิ์กล่าวว่า มีการระบุว่า การทำให้เสรีก็เพราะขออนุญาตยาก แต่จริง ๆ เรื่องเหล่านี้แก้ได้ แต่ต้องคุมให้อยู่ ไม่ใช่ให้เด็กเล็กไปติดกัญชา


ส่วนเรื่องการใช้เพื่อการแพทย์ ก็ต้องทำให้มีการขออนุญาตใช้อย่างสะดวกด้วย เพื่อให้เป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาล ที่จะใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์

---------------

จากกรณี 'ปลดล็อกกัญชากัญชงออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5'  ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 2565 มีการดำเนินการธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะที่เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพจำนวนมาก


โดยจากการสืบค้นในฐานระบบของ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยค้นคำว่า กัญชา / กัญชง / แคนนาบิส / แคนนาบิไดออล และ Hemp พบว่า มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตรวมกันกว่า 1,400 รายการ ทั้งที่เป็นอาหาร / ผลิตภัณฑ์สมุนไพร / เครื่องมือแพทย์ และเครื่องสำอาง โดยผู้ที่ยื่นขออนุญาตมีทั้ง วิสาหกิจชุมชน / บริษัทจำกัด / บริษัทจำกัดมหาชน 

---------------

ทีมข่าวลงพื้นที่ สำรวจร้านจำหน่ายกัญชา ย่านบางลำภู ใกล้กับถนนข้าวสาร


โดยร้านแรกจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาแห้ง และแปรรูปต่างๆ พนักงานประจำร้าน บอกว่า เท่าที่พูดคุยกับเจ้าของร้าน เชื่อว่าอาจจะกระทบในระยะสั้น และเฉพาะส่วนเท่านั้น เช่นหากควบคุมเรื่องการใช้เพื่อสันทนาการ ก็เข้าใจได้ เพราะกลิ่นและควันอาจเข้าถึงเด็ก-เยาวชนได้ง่าย ดังนั้น หากปรับเปลี่ยนก็ต้องเป็นแนวทางที่ทั้งผู้ประกอบการ และภาครัฐ พึงพอใจ ทั้ง 2 ฝ่าย


อีกร้าน ที่อยู่ใกล้กัน เป็นร้านจำหน่ายกัญชา ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวต่างชาติ และกลุ่มผู้สูงอายุ เจ้าของร้าน ระบุว่า เพิ่งทราบข่าว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่า การปรับแก้ไขข้อกฎหมายครั้งนี้ มีเงื่อนไขยกเว้นอย่างไร ซึ่งหากปรับเพื่อการควบคุมเรื่องการค้า และกลุ่มผู้ใช้ให้ถูกต้องตามเงื่อนไข ก็เป็นเรื่องที่ดี


ขณะเดียวกัน ควรเพิ่มเงื่อนไขต้องให้ผู้ประกอบการ/ผู้ขาย ต้องมีความรู้เรื่องการใช้กัญชาที่ปลอดภัย คล้ายกับร้านขายยา ที่มีเภสัชกรเป็นคนจำหน่าย รวมถึงควบคุมการขายทางออนไลน์ด้วย เพราะไม่สามารถควบคุมกลุ่มอายุผู้ซื้อได้


แต่ทั้งนี้ หากมีนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเต็มขั้น เชื่อว่าทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนก่อน คือพบการลักลอบขาย ลักลอบใช้กัญชาใต้ดิน


ด้าน นายทศพร นิลกำแหง นายกสมาคมสหอุตสาหกรรมพืชกัญชงและกัญชา กล่าวเห็นด้วย หากกลับไปใช้เงื่อนไขเดิม คือ ควบคุมการใช้ช่อดอกด้วย เพราะตรวจสอบได้ ในการออกใบอนุญาตประกอบกิจการ อีกทั้ง จะช่วยควบคุมไม่ให้ถึงมือกลุ่มเปราะบางได้ง่าย


ขณะเดียวกันยอมรับว่า นักลงทุนมีข้อกังวลอยู่บ้าง ซึ่งก็ต้องปรับตัว และเตรียมนัดหมายหารือกับผู้ประกอบการ ต่อการปรับแก้กัญชาให้กลับไปเป็นยาเสพติดของรัฐบาล

---------------

นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าวถึงประเด็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีในการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ว่า


ภายในสัปดาห์หน้า ทางเครือข่ายขียนอนาคตกัญชาไทย จะเข้าพบ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เพื่อหารือถึงข้อเสนอในการให้รัฐบาลศึกษาผลกระทบจากกัญชาเทียบเคียงกับเหล้า บุหรี่


ซึ่งกัญชาที่บอกว่ามีคนใช้แล้วคลั่ง ประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวที่ใช้กัญชาแล้วคลั่ง ไม่นับรวมกับการใช้ร่วมกับสารเสพติดอื่น


ตอนนี้ ต้องขอดูท่าทีของรัฐมนตรีและรัฐบาล หากยังมีการยืนยันกลับไปเป็นยาเสพติด ในวันที่ 9 มิ.ย.2567 วันครบ 2 ปี ของการปลดล็อกกัญชา จะนัดชุมนุมใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาล


ในวันเดียวกัน เพจ ประสิทธิ์ชัย หนูนวล ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า แถลงการณ์เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ตามที่ปรากฎตามสื่อหลายฉบับระบุว่า นายกรัฐมนตรีสั่งให้กระทรวงสาธารณสุขนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด


เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยได้ยืนยันตลอดมาว่า การที่จะกำหนดสิ่งใดเป็นยาเสพติดนั้น ให้ใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์เป็นตัวชี้วัด โดยขอให้กระทรวงสาธารณสุขทำการเปรียบเทียบประโยชน์และโทษ ระหว่าง กัญชา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่


หากข้อเท็จจริงด้านวิทยาศาสตร์ ระบุว่า กัญชามีโทษมากกว่าประโยชน์ เมื่อเปรียบเทียบกับบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็ให้นำกัญชากลับสู่ยาเสพติด แต่หากข้อเท็จจริงพิสูจน์ว่า กัญชาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ถูกปั่นในปัจจุบัน ให้สร้างกฎหมายขึ้นมาฉบับหนึ่งเป็นการเฉพาะ สำหรับควบคุมการใช้กัญชาในประเทศไทย


หลักการเช่นนี้ ทำไมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ปฏิบัติ ทั้งที่เป็นหลักการที่ตัดอคติทั้งมวลออกไป ให้เหลือข้อเท็จจริงด้านวิทยาศาสตร์ ที่ใช้สำหรับการกำหนดนโยบาย แต่เหตุผลที่แท้จริงแล้ว พรรคเพื่อไทยคือพรรคของกลุ่มทุนตลอดมา และมี สส.หลายคนในพรรคทำธุรกิจกัญชา สิ่งที่พวกเขาต้องการคือควบคุมการปลูก เมื่อควบคุมการปลูกได้ เท่ากับผูกขาดได้ เพราะมีผู้ผลิตน้อยราย ความพยายามมาตลอดในการทำกติกาใหม่ เพื่อให้กลุ่มเฉพาะเท่านั้นที่ปลูกได้ เป็นเป้าหมายสูงสุด


การนำกัญชากลับไปสู่ยาเสพติดเป็นการรีเซ็ตระบบใหม่ ในการกำหนดกติกากัญชา เมื่อนำกลับไปสู่ยาเสพติด จะทำให้การกำหนดกติกาการปลูกจำกัดเฉพาะพวกที่มีใบอนุญาต


และใบอนุญาตนี้ จะออกโดยผู้เชี่ยวชาญ และกลไกผู้เชี่ยวชาญนี่แหละคือเครื่องมือในการควบคุมแบบชอบธรรม หากยังมองภาพไม่ออก ให้นึกถึงธุรกิจเบียร์ เมื่อเขาควบคุมการผลิตให้เหลือน้อยราย เขาก็จะผูกขาด แล้วเปิดตลาดให้คนมาบริโภค


อยากเรียนไปยังประชาชนทุกท่านว่า ข่าวที่ใช้กัญชาแล้วคลั่งนั้นมีข้อสงสัย เพราะคนที่แสดงตัวว่าใช้กัญชามานับสิบปี และใช้ทุกวัน แต่ทำไมไม่เกิดอาการคลั่ง แต่ข่าวที่ใช้กัญชาแล้วคลั่งหลายเหตุการณ์ พบว่า มีการใช้กัญชามานานแล้ว หรือใช้แค่บางครั้ง แต่ทำไมถึงเกิดอาการคลั่ง เพราะในความเป็นจริงพวกเขาอาจใช้ยาเสพติดชนิดอื่น แต่ต้องซัดใส่กัญชา เพราะถ้าอ้างกัญชาจะไม่ถูกจับ หรือไม่ก็นำกัญชาไปใช้ร่วมกับยาเสพติดชนิดอื่น


แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว กัญชาไม่ได้ทำให้ใครคลั่ง และเราขอเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขพิสูจน์ความจริงเรื่องนี้โดยไว โดยมีคนใช้กัญชานับสิบปีจำนวนหลายคนสามารถเป็นกรณีศึกษาได้


เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยยืนยันในหลักการเดิมว่า ขอให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำข้อมูลวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบ แล้วนำข้อเท็จจริงนั้นมากำหนดว่า สิ่งใดควรเป็นยาเสพติด


และหากรัฐบาลยังไม่ใช้ข้อมูลในการกำหนด เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยจะรวมตัวยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ภายใน 7 วันนี้


และหากรัฐบาลยังดึงดันไม่ใช้ข้อเท็จจริงกำหนดสถานะของกัญชา เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยจะประกาศการชุมนุม เพื่อให้รัฐบาลกำหนดกติกาการใช้กัญชาจากข้อเท็จจริง


เขียนอนาคตกัญชาไทย

9 พ.ค.2567

---------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/usekcosM06k


แท็กที่เกี่ยวข้อง  เศรษฐา ทวีสิน ,พรรคภูมิใจไทย ,อนุทิน ชาญวีรกูล ,กระทรวงสาธารณสุข ,ปลดล็อกกัญชา ,สมศักดิ์ เทพสุทิน ,ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ,สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ,เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ,นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ,การถือครองยาบ้า 1 เม็ด ก็ถือว่าผิดกฎหมาย ,กระทรวงมหาดไทย ,กัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ ,สมาคมสหอุตสาหกรรมพืชกัญชงและกัญชา

คุณอาจสนใจ

Related News