สังคม

พ่อทำปืนลั่นใส่ลูกชายวัย 9 ขวบเจ็บ แถมโยนความผิดให้ลูก อ้างเก็บปืนได้แล้วทำลั่นใส่ตัวเอง สุดท้ายยอมรับ “ทำปืนลั่นใส่ลูก”

โดย gamonthip_s

20 เม.ย. 2567

918 views

เมื่อวันที่ 19 เม.ย.67 พ.ต.ต.จรูญ ดวงเวียงคำ สว.สอบสวน สภ.หนองปรือ ได้รับแจ้งว่ามีเด็กชายถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่สะโพก รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบางละมุง โดยทางญาติเป็นผู้พามาส่งรักษาตัว เหตุเกิดที่ห้องเช่า ใกล้กับจุดกลับรถปลายสะพานหนองปรือ หมู่ 3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ



เมื่อไปถึงโรงพยาบาล พบว่าแพทย์และพยาบาลกำลังทำแผลให้กับ ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 9 ปี ซึ่งป่วยเป็นเด็กมีพัฒนาการทางสมองช้า ถูกอาวุธปืนขนาด .380 ยิงเข้าสะโพกซ้ายกระสุนทะลุ โดยมีผู้เป็นพ่อ ทราบชื่อ นายธีระพล อายุ 41 ปี คอยดูลูกชายอยู่ไม่ห่าง เบื้องต้นนายธีระพล ผู้เป็นพ่อ ให้การกับตำรวจว่า ลูกชายไปเก็บอาวุธปืนมาจากป่าข้างถนน แล้วถือเข้ามาในบ้าน ระหว่างถือปืนเกิดลั่นใส่สะโพกตัวเอง จนได้รับบาดเจ็บ จึงรีบพาลูกชายส่งโรงพยาบาล



ต่อมา พ.ต.ท.อภิชาติ บุญเกิด สว.สส.สภ.หนองปรือ ได้พาตัวพ่อของเด็กไปดูอาวุธปืน ที่จุดเกิดเหตุ พบอาวุธปืนสั้นแบลงก์กัน ดัดแปลงเป็นอาวุธปืนจริง ขนาด .380 แบบกึ่งออโตโนมัติ จำนวน 1 กระบอก มีกระสุนขนาด .380 คาอยู่ในแมกกาซีน 1 นัด วางอยู่บนหัวนอน ใกล้กันพบปลอกกระสุนปืน .380 ตกอยู่ 1 ปลอก ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน อีกทั้งตำรวจยังพบว่า ภายในห้องยังมีอาวุธปืนบีบีกันอีก 1 กระบอก และอาวุธมีดดาบ 2 เล่ม



ขณะเดียวกัน ระหว่างที่ตำรวจชุดสืบสวน พาพ่อของ ด.ช.เอ ไปเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ พบข้อพิรุธหลายอย่าง ประกอบกับเพราะว่าน้องผู้บาดเจ็บมีอาการป่วยพัฒนาการทางสมองช้า จึงยากต่อการจะเหนี่ยวไกลปืนหรือถืออาวุธปืนเล่น จึงเชิญนายธีระพล ผู้เป็นพ่อ มาสอบปากคำ เพื่อเค้นความจริงที่เกิดขึ้น ใช้เวลานานเกือบ 2 ชม. ผู้เป็นพ่อจึงยอมรับสารภาพว่าเป็นคนทำปืนลั่นใส่ลูกชายตัวเอง



นายธีระพล ยอมรับกับตำรวจว่า เมื่อประมาณเดือนมกราคม ตนเองได้ไปเก็บอาวุธปืนแบลงก์กันดัดแปลงเป็นอาวุธปืนจริงมาได้จากร้านค้าใกล้ ๆ บ้าน จากนั้นก็นำมาเก็บไว้ที่บ้าน โดยก่อนจะเกิดเหตุกำลังจะนำเอาอาวุธปืนดังกล่าวซึ่งวางไว้ใต้หมอนบนที่นอน เพื่อจะย้ายไปอีกจุดหนึ่ง แต่ปรากฏว่าอาวุธปืนเกิดลั่น กระสุนถูกลูกชายจนได้รับบาดเจ็บ



เบื้องต้นตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา "มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปีนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต" ก่อนส่งตัวให้ พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมาย

คุณอาจสนใจ

Related News