สังคม

สุดทน! พ่อเลี้ยงกระทำอนาจารลูกเลี้ยงวัย 15 ปี จนเด็กทนไม่ไหวปรึกษาครูให้ติดตามหาพ่อแท้ๆ มารับไปอยู่ด้วย

18 มี.ค. 2567

1.6K views

นี่คือคลิปที่เด็กหญิงวัย 15 ปี ใช้มือถือแอบถ่ายอวัยวะเพศของพ่อเลี้ยงเอาไว้ได้ หลังถูกลวนลาม และกระทำอนาจารเธอติดต่อกันมานาน โดยเด็กหญิงพยายามบอกให้ผู้เป็นแม่ทราบหลายครั้ง แต่แม่ไม่เชื่อ แล้วสั่งให้ตนเองตั้งกล้องแอบถ่ายเอาไว้ พร้อมบอกว่าให้ตัวเธออยู่ห่างๆ พ่อเลี้ยงเอาไว้ แต่เวลานอนพ่อเลี้ยงก็จะมากอด และจับนั้นจับนี่ที่เป็นของสงวนของเธอ จนเด็กหญิงเริ่มทนต่อไปไม่ไหว จึงตัดสินใจไปปรึกษาครูที่โรงเรียน ซึ่งครูทั้งสองคนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามตามหาญาติทางฝั่งพ่อของเด็กหญิงวัย 15 ปี เพื่อให้มารับตัวเด็ก เพราะทราบว่าผู้เป็นพ่อเสียชีวิตไปแล้ว แต่ครูต้องมาตกใจอีกครั้งหลังติดต่อญาติของเด็กหญิงวัย 15 ปีได้ คนนั้นคือนายสุพจน์ อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของเด็กหญิงที่ยังไม่เสียชีวิต



โดยก่อนหน้านี้นางสุธารัตน์ อายุ 35 ปี ผู้เป็นแม่แท้ๆ ได้บอกกับลูกมาตลอดว่า พ่อแท้ๆ ตายไปแล้ว จึงต้องมาอยู่กับพ่อเลี้ยงแทน เมื่อคุณครูทราบความจริงแล้ว จึงได้ให้นายสุพจน์ มาติดต่อขอรับเด็กที่สถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยให้นางสุธารัตน์ ผู้เป็นแม่แท้ๆ มาเซ็นมอบลูกสาวให้ไปอยู่ในความดูแลของผู้เป็นพ่อ


แต่ทางด้าน นายณัฐวุฒิ พ่อเลี้ยง อายุ 43 ปี ได้ทราบข่าวว่าคุณครู และบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เข้ามาให้การช่วยเหลือและนำตัวลูกเลี้ยงไป จึงได้ข่มขู่เมียให้ไปนำตัวลูกสาวกลับมาให้ได้ แต่เมื่อนางสุธารัตน์ ได้บอกไปว่าได้เซ็นมอบอำนาจยินยอมให้ลูกสาวไปอยู่กับสามีเก่าแล้ว ยิ่งทำให้นายณัฐวุฒิเกิดความไม่พอใจ และแสดงอาการหวงลูกเลี้ยง โดยได้พยายามข่มขู่ครูที่โรงเรียน พร้อมทั้งยังได้โพสต์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์ของโรงเรียนว่า ตนเองจะยื่นถอนใบวิชาชีพครู เพราะสอนให้เด็กเกลียดแม่ และยังข่มขู่เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก หาว่ามาเอาเด็กหญิง 15 ปี ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของตนเองไปได้อย่างไร ในเมื่อตนเองก็สามารถเลี้ยงดูเองได้ ซึ่งนอกจากจะพยายามข่มขู่แล้ว ยังร้องเรียนไปยังตัวผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล ฉะเชิงเทราด้วย พร้อมกับข่มขู่อีกว่าจะร้องเรียนไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฉะเชิงเทราอีกทางหนึ่ง 



ทำให้วันนี้ 18 มีนาคม 2567 ว่าที่ ร.ต.ศิรพงศ์ โภคินวงศ์หิรัญ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ประสานกับนายสุพจน์ ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของเด็กหญิงวัย 15 ปี ขณะกำลังนำตัวลูกสาวมาขอลาออกจากโรงเรียนเดิมที่ฉะเชิงเทรา เพื่อย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนแถวบ้านที่พ่ออยู่ และยังได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายณัฐวุฒิ (พ่อเลี้ยง) ในข้อหากระทำอนาจาร เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย ไว้กับ ร.ต.อ.ธีรวัต พระประสิทธิ์ รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทราอีกด้วย



นอกจากนี้ในวันเดียวกัน ยังทราบอีกว่า ครูที่เข้ามาให้การช่วยเหลือเด็กหญิงวัย 15 ปี ถูกนายณัฐวุฒิข่มขู่ ยังได้เข้ามาแจ้งความกับ ร.ต.อ.ธีรวัตไว้ โดยมีพฤติกรรมโทรศัพท์มาข่มขู่ จะฟ้องร้องครูทั้ง 2 คน ในเรื่องที่สอนให้บุตรสาวมีอคติกับผู้เป็นแม่ และมีการโพสต์ข้อความกรณีดังกล่าวลงในสื่อออนไลน์ของโรงเรียน ทั้งที่ไม่ได้มีพฤติกรรมเช่นนั้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังได้รับการแจ้งเหตุแล้ว จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเชิญตัวนางสุธารัตน์ และนายณัฐวุฒิ เพื่อมาสอบปากคำเพื่อหาข้อมูล



แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงบ้านเช่าภายในซอยเทพคุณากร 8/2 ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ปรากฏว่านายณัฐวุฒิได้สั่งให้นางสุธารัตน์ ไม่ต้องเปิดประตูรั้วบ้าน และถ้าไม่มีหมายศาลก็ห้ามเข้ามา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกลับออกมา จนในช่วงบ่ายของวันนี้ทาง ว่าที่ ร.ต.ศิรพงศ์ โภคินวงศ์หิรัญ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เดินทางไปยังบ้านเช่าของนายณัฐวุฒิ อีกครั้ง หลังทราบว่าภายในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ในการก่อเหตุกระทำอนาจารกับลูกเลี้ยงวัย 15 ปี ยังคงมีเด็กอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวอีก 3 คน คือเด็กหญิงวัย 4 ขวบ กับ 3 ขวบ และเด็กชายวัย 5 เดือน ซึ่งเด็กทั้ง 3 คน เป็นบุตรสาว และบุตรชายของนายณัฐวุฒิกับนางสุธารัตน์ ทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กจึงได้เข้าไปทำการตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของเด็กทั้ง 3 คน ตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก



โดยเบื้องต้นพบว่าเด็กทั้ง 3 อยู่ในสภาพห้องที่ไม่มีความเหมาะสม และเด็กไม่เคยได้รับการยื่นขอใช้สิทธิ์ได้ๆ ของภาครัฐเลย เนื่องจากนายณัฐวุฒิไม่ยอมให้ใครออกนอกบ้าน นอกเสียจากจะไปกับตนเองเท่านั้น ทำให้เด็กทั้ง 3 ต้องเสียสิทธิ์โดยชอบธรรมตามกฎหมาย



นอกจากนี้ทางตำรวจยังได้ทำการตรวจสารเสพติดในร่างกายของนายณัฐวุฒิ ยังพบว่ามีปัสสาวะเป็นสีม่วง โดยให้การยอมรับสารภาพว่าเสพยาบ้าจริง ในขณะที่นางสุธารัตน์ และเด็กๆ ทั้ง 3 คน วันนี้ทางบ้านพักเด็กได้นำตัวมาเพื่อตรวจสอบประวัติเพิ่มเติม โดยพบว่าเด็ก 5 เดือน ยังไม่ได้มีการโอนเข้าบ้านของพ่อแม่เลย โดยยังมีชื่ออยู่ที่ทะเบียนบ้านกลางตั้งแต่เกิด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งช่วยกันประสานเพื่อโอนชื่อเข้าทะเบียนบ้านให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อที่จะได้รับสิทธิ์เด็กแรกเกิด



ในขณะที่วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันสอบปากคำ นาง สุธารัตน์ ถึงกรณีที่ลูกสาวแท้ๆ วัย 15 ปี ถูกนายณัฐวุฒิซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงกระทำอนาจาร ปรากฏว่านางสุธารัตน์ได้ให้การว่าลูกสาวได้มาฟ้องตนเอง ซึ่งตอนแรกตนเองก็ไม่เชื่อ จึงได้สั่งให้ลูกสาวตั้งกล้องแอบถ่ายมาให้ดู แต่เมื่อลูกสาวสามารถถ่ายคลิปมาได้ ผู้เป็นแม่ก็ได้แต่บอกให้ลูกสาวพยายามอยู่ให้ห่างๆ นายณัฐวุฒิเอาไว้ และเคยถามลูกสาวว่านายณัฐวุฒิเคยทำอะไรที่เกินเลยไปมากกว่าทำอนาจารหรือไม่ ลูกสาวก็บอกกับตนเองว่าไม่เคย แต่นายณัฐวุฒิได้บอกให้ตนเองไปเปลี่ยนนามสกุล มาใช้นามสกุลของนายณัฐวุฒิ เพื่อที่จะได้เป็นเมียอีกคน แต่นางสุธารัตน์ก็ได้ไปสอบถามนายณัฐวุฒิแล้ว แต่นายณัฐวุฒิก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ทำให้ตนเองก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก เนื่องจากนายณัฐวุฒิเป็นคนเดียวที่หาเงินเลี้ยงดูทุกคนในบ้าน ส่วนตัวเองก็ไม่ได้ทำงานอะไร เพราะต้องดูลูกทั้ง 3 คน และลูกสาววัย 15 ปี อีกคนด้วย ซึ่งที่ผ่านมา นาย ณัฐวุฒิ ก็จะเป็นคนพูดเสียงดัง อารมณ์รุนแรงเป็นบางครั้ง แต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายตนเองหรือลูกๆ



ด้าน ว่าที่ ร.ต.ศิรพงศ์ โภคินวงศ์หิรัญ หัวหน้าบ้านพักเด็ก และครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา เผยว่า วันนี้ทางบ้านพักเด็กได้เข้าไปทำการตรวจสอบและให้การช่วยเหลือเด็กๆ ทั้ง 3 คน เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ตามพ.ร.บ. ส่วนเรื่องคดีความที่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับนายณัฐวุฒิเอาไว้นั้น ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการต่อไป โดยหลังจากนี้จะเชิญตัวเด็กหญิงวัย 15 ปี มาสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพ อัยการ และส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News