เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบปั๊มน้ำมัน บอกจะปรับมาตรวัดให้พอดี-ติดสติ๊กเกอร์รับรองมาตรฐาน

วันที่ 22 ธันวาคม 2566 จากกรณีที่บัญชีติ๊กต็อกของคุณฤทธิเดช โพสต์คลิปวิดีโอ ซึ่งกลายเป็นดราม่า โดยคุณฤทธิเดช ได้นำถังตวงวัดเพื่อตรวจสอบน้ำมัน มาเติมที่ปั๊มแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี พร้อมเขียนแคปชั่นระบุว่า “ไม่เจอกับตัวเองไม่รู้หรอกครับ ฝากเตือนทุกคนด้วยนะครับ แก่งคอยหวานเจี๊ยบ

ซึ่งในวิดีโอหนุ่มที่ยกถังตรวจสอบน้ำมันมาทำการเติมน้ำมัน ครั้งแรก 5 ลิตร ปรากฏว่าในครั้งแรกได้ไม่ถึง 5 ลิตรตามที่ซื้อ ขาดไป 28 ml. ทำให้คุณฤทธิเดช ถามพนักงานว่าเกิดจากอะไร ซึ่งพนักงานก็ให้คำตอบว่า เขาขายตามกฏหมาย ก่อนจะอ้างว่าเขามีประกาศกฏกระทรวงออกมาเลยว่าสามารถขายได้ คือบวกลบได้ไม่เกิน 50 ml. ขณะที่ผู้โพสต์บอกว่า อย่างงี้ลูกค้าก็ขาดทุนตลอดสิ แล้วทำไมไม่ตั้งให้มัน 5 ลิตรเต็ม

ด้านพนังงานปั๊มบอกว่า ก็ไม่ตลอด บางทีก็อาจจะเป็นจังหวะเบรกอะเวย์ ก่อนจะบอกว่าเดี๋ยวให้ลองอีกรอบก็ได้ ซึ่งทางผู้โพสต์ได้พูดเชิงต่อว่า ว่า แบบนี้ทางปั๊มก็ได้กำไรมากอะสิ แล้วคนที่มาซื้อเขาก็อยากได้ปริมาณที่เต็มจำนวน ถ้าเต็มเยอะ ๆ หลายลิตร มันก็รวมกันเยอะนะ ขณะที่ครั้งที่ 2 ปรากฏว่าก็ไม่ถึง 5 ลิตรตามที่ซื้อ ขาดไป 25 ml. ซึ่งทางพนักงานปั๊มก็ยังพยายามอธิบายว่า เขาขายตามกฏหมาย ที่สามารถบวกลบได้ไม่เกิน 50 ml. ก่อนจะอ้างว่ามีมาตรฐานขององค์การมหาชน ที่กำหนดโดย OR 

ซึ่งหลังจากได้มีคลิปเผยแพร่ไปนั้น โซเชียลได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกันต่าง ๆ นา ๆ เป็นจำนวนมาก และมีผู้แชร์เผยแผ่ออกไปอีกเป็นจำนวนมาก จนทางต้นสังกัดพีทีที สเตชั่น ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงว่า กรณีมีการเผยแพร่คลิปทางโซเชียลมีเดียว่า มีลูกค้ามาเติมน้ำมันดีเซล จำนวน 1,000 บาท ที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และรู้สึกว่าเกจวัดน้ำมันรถขึ้นไม่เป็นปกติ จึงแจ้งขอให้ทางสถานีบริการตรวจสอบนั้น

จากการตรวจสอบพบว่า สถานีบริการที่เกิดเหตุคือ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น สระบุรี โดยลูกค้าได้เข้ามาเติมน้ำมันเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา และรู้สึกว่าเกจน้ำมันขึ้นไม่เป็นปกติ จึงขอให้ทางสถานีบริการดำเนินการตรวจสอบตามคลิปที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย โดยเมื่อบีบหัวจ่าย 5 ลิตร 2 ครั้ง ได้ปริมาตรน้ำมันขาดไปประมาณ 25-30 มิลลิลิตร ซึ่งพนักงานได้ชี้แจงว่ายังเป็นไปตามเกณฑ์ใน “คู่มือการตรวจสอบและให้คำรับรองมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิง” ของสำนักงานชั่งตวงวัด ที่กำหนดให้มี “อัตราเพื่อเหลือเผื่อขาด” หรือค่าความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้ได้สูงสุดของมาตรวัดนั้น ๆ ในการตรวจสอบระหว่างใช้งาน สำหรับเชื้อเพลิงปริมาณ 5 ลิตรให้มีความคลาดเคลื่อนบวกลบได้ไม่เกิน 50 มิลลิลิตร หรือ 0.050 ลิตรต่อน้ำมันที่ทดสอบ 5 ลิตร

พีทีที สเตชั่น ขอชี้แจงว่า มาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงที่สถานีบริการน้ำมันทุกแห่ง ต้องผ่านการตรวจสอบ และได้รับการรับรองจากสำนักงานชั่งตวงวัด กระทรวงพาณิชย์ โดยที่ผู้ค้าน้ำมันไม่สามารถปรับแต่งมาตรวัดเองได้ และสถานีบริการน้ำมันจะต้องดำเนินการตรวจวัดปริมาตรน้ำมัน และนำส่งสำนักงานกลางชั่งตวงวัดเป็นประจำทุกเดือน โดยผลการตรวจวัดปริมาตรน้ำมันของ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น สระบุรี ล่าสุดยังคงเป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานชั่งตวงวัดกำหนด ทั้งนี้ พีทีที สเตชั่น ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเรื่องดังกล่าว โดยในวันนี้ (22 ธ.ค.66) จะประสานงานให้สำนักงานชั่งตวงวัดเข้ามาตรวจสอบและยืนยันว่ามาตรวัดของ พีทีที สเตชั่น เป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคต่อไป

ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังปั๊มน้ำมัน พีทีทีสเตชั่น สาขาสระบุรี กม.6-7 ถ.มิตรภาพ ต.ตลิ่งชัน อ.เมือง จ.สระบุรี ได้มีเจ้าหน้าที่จากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เข้ามาตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมันภายในปั๊ม โดยนายนพพร ชูพล นักวิชาการชั่งตวงวัดชำนาญการพิเศษสำนักชั่งตวงวัด เข้ามาตรวจสอบเผยว่าวันนี้ได้เข้ามาตรวจสอบให้คำรับรองมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่หมดทั้งสถานี ซึ่งมีทั้งหมด 48 เครื่อง และจะปรับปริมาตรให้พอดี ไม้ให้ขาดเลยทั้งหมดทุกเครื่อง และจะมีสติ๊กเกอร์ตรวจสอบประจำปี และสติ๊กเกอร์ตรวจสอบให้คำรับรอง ในตู้จ่ายก็จะมีซีน ตราครุฑ (เรียกว่าเครื่องหมายคำรับรอง คือซีนไม่ให้ปรับปริมาตรหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้รับรองไว้แล้ว) ซึ่งจะมีอายุอยู่ 2 ปี ก็คือว่าถ้าใน 2 ปีนี้ไม่มีปัญหาอะไร ก็ใช้ได้ไปจนครบ 2 ปี และจะทำการตรวจรับรองใหม่อีกรอบ นายนพพร ได้กล่าวเสริมว่า จากที่เห็นคลิปในสื่อโซเชียล ก็ได้ประสานกับปั๊มน้ำมัน ทางผู้จัดการเขตของ ปตท. และทางปตท.ได้ติดต่อไปยัง สนง.ชั่งตวงวัดสระบุรี ว่าจะขอตรวจรับรองใหม่หมดทั้งปั๊ม และจะปรับปริมาตรให้มามาตรฐานที่ 5 ลิตร 20 ลิตร พอดีหมด จะไม่ให้มีหัวจ่ายที่เครื่องไหนติดลบ

ซึ่งจากการตรวจสอบในวันนี้ ยังคงพบว่ายังมีหัวจ่ายที่บวกลบ อยู่บ้าง แต่ก็อยู่ตามมาตรฐาน ตามที่กฎหมายกำหนด แต่ในการตรวจรับรอง ถ้าเกิดพบว่าตัวไหนที่มีค่าบวกลบ ก็จะปรับมาให้อยู่ที่ใกล้เคียงศูนย์มากที่สุด ก็คือจะให้ตรง 5 ลิตรพอดีหรือ 20 ลิตรพอดี ซึ่งก็อาจจะมีคลาดเคลื่อนบ้าง แต่ว่าจะน้อยที่สุด เพราะการตรวจรับรองสามารถที่จะปรับตรงตัวมิตเตอร์ได้เลย ส่วนในการตรวจสอบใช้งาน ก็จะให้ผลผิดเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว ซึ่งในตอนที่ตรวจรับรองถ้าปรับไว้พอดีแล้วโอกาสที่จะคลาดเคลื่อนมันก็จะน้อยมาก ซึ่งจะมีอายุการใช้งานไปถึง 2 ปี และเมื่อครบรอบตรวจรับรองใหม่ก็จะมาตรวจอีกครั้ง ก็จะปรับปริมาตรให้อีกครั้ง ซึ่งถ้าในระหว่างใช้งานถ้าบวกลบ ไม่เกิน 50 มิลลิลิตร ก็ถือว่าถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งในขณะที่ตรวจในตอนนี้ ยังไม่พบว่ามีปริมาตรที่เกิน และยังถูกต้องใช้ได้อยู่

ขณะเดียวกันขณะที่ทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบปริมาตรน้ำมัน และหัวจ่ายน้ำมันอยู่นั้น ได้มีนายฤทธิเดช อายุ 40 ปี ผู้โพสต์คลิปลงในสื่อโซเชียล ได้เข้ามาดู การทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย โดยนายฤทธิเดช เผยว่า สาเหตุที่ตนถ่ายคลิปลงในสื่อโซเชียล เนื่องจากว่าตนได้เข้ามาเติมน้ำมันดีเซล แล้วพบว่ามีความผิดปกติ ซึ่งตนเองเป็นผู้ใช้รถทุกวัน ก็จะรู้ว่า เติมขนาดไหน แล้วได้น้ำมันเท่าไร ในวันนั้นตนเองเติมไปแล้ว แต่ไม่ครบตามจำนวนที่เคยเติม ตนจึงสงสัย และได้เรียกพนักงานมาขอตรวจวัด ซึ่งในวันนั้นตนเองได้เติมน้ำมันไป 1,000 บาท ก็เลยขอพนักงานตวงวัดปริมาตร จนรู้ว่าน้ำมันที่เติมไปได้ไม่เต็มลิตร ตนจึงได้ขอพนักงานถ่ายคลิปไว้ ซึ่งตนเองก็รู้ว่าค่ามาตรฐานของน้ำมันมีค่าบวกลบไม่เกิน 50 มิลลิลิตร แต่ก็ไม่สมควรที่จะอยู่ในค่าลบ ตนเองในนามผู้บริโภคคนหนึ่ง ก็รับไม่ได้เหมือนกัน และตามความรู้สึกของประชาชนทั่วไปเขาก็รับไม่ได้

ส่วนที่ตนเองลงคลิปไปนั้นเพื่อต้องการให้ทางหน่วยงาน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาปรับปรุงแก้ไข ให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมให้ได้รับน้ำมันที่เต็มลิตร เต็มหน่วย ซึ่งทางปั๊มได้มีการปรับปรุงแก้ไขให้ตนเองรู้สึกพอใจ ซึ่งตนเองก็อยากจะรู้ว่าหลังจากการแก้ไขไปแล้วจะเป็นอย่างไรอีก และจะขอเข้ามาติดตามอีกครั้ง ว่าแก้ไขไปแล้วน้ำมันยังจะอยู่ในระดับเดิมหรือว่าดีขึ้น ซึ่งตนเองคิดว่าถ้าปริมาณน้ำมันที่เติมไปมีค่าที่ต่ำ ประชาชนทั่วไปก็ไม่สามารถรับได้ ในนามผู้บริโภคจะรับไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งตนในนามผู้บริโภคก็จะตรวจสอบทุกปั๊มที่ตนเองเข้าไปเติมน้ำมัน ตนต้องการให้ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรม และได้รับความยุติธรรมจากหน่วยงานต่าง ๆ

นายฤทธิเดช กล่าวต่อว่า ในส่วนคลิปที่มีปัญหาอยู่นั้น ที่ตนเองได้ลงไปนั้นก็จะทำการขอลบคลิป เพื่อความยุติธรรม ของทุกฝ่าย ตนเองคิดว่าเป็นตัวแทนของประชาชนทั่วประเทศ ในนามผู้บริโภคทั่วประเทศ ตนเองก็จะขอตรวจสอบ แบบนี้ทุก ๆ ปั๊ม ที่ตนเองเข้าใช้บริการ และถ้าพบว่าผิดปกติตนเองก็จะขอลงคลิปตามที่เคยลงไว้เหมือนเดิม