สังคม

แม่ร้องสื่อ ลูกชายนายสิบ ตร. โดนสั่งวิ่ง 10 กม.จนเป็นลม ครูฝึกสั่งเพื่อนหิ้วปีกวิ่งต่อ สุดท้ายเสียชีวิตสลด

โดย petchpawee_k

12 ต.ค. 2566

13.9K views

แม่ร้องทุกข์สื่อ ลูกชายสอบเข้า นสต.ตชด. ได้ โดนครูฝึกสั่งวิ่ง 10 กม. หลังวิ่งได้ 6 กม. เป็นลมหมดสติ ครูฝึกสั่งหิ้วปีกวิ่งให้ครบ 10 กม. สุดท้ายเสียชีวิตไร้การเหลียวแล 

เมื่อวานนี้ (11 ต.ค.66) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก นางสาวณัฐริกา หรือ พลอย อายุ 26 ปี ว่า แฟนหนุ่มของตนเองชื่อนายปกรณ์  สามารถสอบติดนายสิบตำรวจ ตชด.ได้ และเข้ารับการฝึกที่ค่ายท่านมุก หรือ กองกำกับการ 9 กองบังคับการฝึกพิเศษ ค่ายท่านมุก ตำบลเขามีเกียรติ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ก่อนจะเสียชีวิตในเช้าวันที่ 10 ตุลาคม 2566 


สาเหตุจากเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 ครูฝึกได้มีการสั่งให้กลุ่ม นสต.ตชด. วิ่ง 10 กิโลเมตร โดยมี นายปกรณ์  อยู่ด้วย   ซึ่งระหว่างที่นายปกรณ์วิ่งไปได้ 6 กิโลเมตร ก็เป็นลมหมดสติไป จากนั้นครูฝึกได้สั่งให้เพื่อนหิ้วปีกขึ้นมาทั้ง 2 ข้าง แล้ววิ่งลากขาไปให้ครบ 10 กิโลเมตร ก่อนที่นายปกรณ์จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา


หลังทราบข่าวทางญาติได้นำศพนายปกรณ์ มาบำเพ็ญกุศลศพที่วัดสระเกษ ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา แต่ยังไม่มีผู้บังคับบัญชาออกมาแสดงความรับผิดชอบ จึงได้ร้องทุกข์กับสื่อ


ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ศาลา 3 วัดสระเกษ ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ได้พบกับนางเสาวนีย์  แม่ผู้เสียชีวิต  , นางสาวปวิตรา พี่สาวผู้เสียชีวิตและนางสาวณัฐริกา แฟนสาวของผู้เสียชีวิต  ซึ่งกำลังเตรียมงานจัดงานศพให้นายปกรณ์  ซึ่งทางครอบครัวได้มอบหลักฐานต่างๆ ให้กับผู้สื่อข่าว เช่น เอกสารการรักษาตัวของนายปกรณ์ ซึ่งมีโรคประจำตัวและได้รักษาโรคประจำตัวจนหายขาดแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน  รวมทั้งคลิปนายปกรณ์ ที่ได้ไลฟ์สดขายของก่อนจะสอบติด นสต.ตชด. และคลิปครูฝึก นสต.ตชด. ซึ่งได้มีการโพสต์คลิปกำลังฝึก นสต.ตชด. ลงใน TikTok ก่อนจะมีการลบคลิปต่างๆ ใน TikTok หลังทราบข่าวว่า นายปกรณ์ เสียชีวิต


เบื้องต้นทราบชื่อครูฝึก คือ ส.ต.ท.ปัญญาวุฒิ ครูฝึกนักเรียน ตชด. ค่ายท่านมุก เพิ่งจบหลักสูตรครูฝึกมาใหม่ และเป็นครูฝึกที่สั่งให้กลุ่ม นสต.ตชด. วิ่ง 10 กิโลเมตร แต่ทางญาติสามารถโหลดคลิปเก็บไว้ได้ทัน


 จากการสอบถาม นางสาวปวิตรา พี่สาวผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนไปส่งน้องเข้าค่ายวันที่ 1 ต.ค. 66 พอส่งเสร็จ ก็ไปทำงานต่อ พอมาเมื่อวันที่ 10 ต.ค. เห็นในไลน์กลุ่ม บอกว่าขอเบอร์ผู้ปกครอง  พอให้ไป ครูฝึกก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่โทรไปหาแม่ มีโทรมาหาแม่ ว่าน้องชายเข้าโรงพยาบาล และครอบครัวมารู้ทีหลังว่า  ครูฝึกให้วิ่ง 10 กิโลเมตร   น้องตนวิ่งได้ 6 กิโลเมตร หลังจากนั้นก็ล้มลง ครูฝึกยังให้เพื่อน 2 คน หิ้วปีก-ลากขา ไปให้ครบถึง 10 กิโลเมตร


“เราสงสัยว่า ทำไมเขาไม่คิดสงสัย หรือตรวจเช็คร่างกายน้องเราหรือเปล่าว่า หายใจปกติไหม เขามีความรู้มากแค่ไหนว่าออกกำลังกายหนัก มันจะทำให้กล้ามเนื้อสลาย เป็นภาวะไตวาย ในเมื่อเป็นครูฝึก แต่ทำไมไม่มีความรู้เรื่องนี้ แล้วที่สำคัญค่ายที่หนูไปเจอมา ไม่เห็นว่าจะเตรียมความพร้อมจะรับมือยังไง หากเด็กเป็นลมหมดสติ และเมื่อเขาฝึกมาทุกปี ในเมื่อเด็กอาการหนักขนาดนั้น ทำไมถึงไปผูกกับ รพ.สะเดา ที่อยู่ห่างไกล ทั้งๆที่ รพ.มอ.อยู่ใกล้นิดเดียว ที่สำคัญไม่ใช่ส่งตัวกับรถ ambulance แต่ส่งกับรถตำรวจ ก่อนจะไปส่งที่ค่าย” นางสาวปวิตรา พี่สาวผู้เสียชีวิตกล่าว


นางสาวปวิตรากล่าวอีกว่า เราอยู่บ้านหลังคาเดียวกัน น้องนั่งสอบนั่งติวจนดึก เราก็อยู่กับน้องตลอด ตลอด 24 ชม.  ก่อนเสียชีวิต เรามีสัญญากันในเรื่องการทำคอนเท้นต์  เพราะน้องนั่งไลฟ์ขายขนมในติ๊กต๊อก คนดูเยอะมาก ก็ต้องมาหยุดไลฟ์ เพื่อจะได้ตั้งใจอ่านหนังสือสอบ จะไปเป็น ตชด.  ซึ่งใจพี่สาวไม่ได้อยากให้น้องไปเป็น ตชด. เพราะเห็นว่าน้องทำตรงนี้ก็ดีอยู่แล้ว แต่ด้วยเขารักเขาชอบ เราก็ไม่ได้ห้าม ส่งเสริมแต่สิ่งที่เขาชอบ สุดท้ายอยากให้ทางหน่วยฝึกออกมาชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่มาโยนความผิดให้คนตาย


 ด้านนางสาวณัฐริกา แฟนผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนได้ฟังเพื่อน เล่าว่า แรกเริ่ม แฟนมีไข้ประมาณ 3 วัน มีการกินยาพาราเพื่อบรรเทาอาการ แต่ทางครูฝึกก็ไม่ได้พาไป รพ.  ช่วง 6 โมงเช้า-7 โมงเช้า  มีการสั่งให้วิ่ง 6-10 กิโลเมตร พอแฟนล้มลง มีเพื่อนๆ ช่วยหิ้วปีกและลากพากันวิ่งให้ถึงจุดหมาย


พอช่วง 8 โมงครึ่ง ก็มีครูฝึกทักมาในไลน์ ขอเบอร์ผู้ปกครอง เราจึงให้ไป ตอนนั้นมีเบอร์ นศท.เพื่อนของแฟน โทรมาในเฟซบุ๊ก แต่คนพูดสายไม่ใช่ นศท.  แต่เป็นครูฝึก ถามเราว่าเป็นอะไรกับผู้ป่วย  เลยตอบไปว่าเป็นแฟน จากนั้นเขาหัวเราะ และพูดว่าไม่เป็นไร กำลังใจดีอยู่แบบนี้ หนูจึงรีบมา รพ.ไปจับเท้าแฟนดู พบว่าแข็งไปหมดแล้ว


คาดว่าแฟนน่าจะเสียชีวิตมาตั้งแต่บนรถก่อนนำส่ง รพ.แล้ว แค่ยังมีชีพจร แต่ก้านสมองอาจจะตายไปแล้ว ตรงนี้เราฟังมาจากหมอพูด ตนอยากให้ออกมาชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างขณะนั้น มีการช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นไหม และนำตัวไปส่ง รพ.สะเดากี่โมง บนรถมีใครไปเป็นเพื่อนบ้าง ทั้งนี้อยากให้ออกมารับผิดชอบให้เต็มที่ อุปกรณ์ต่างๆในการฝึก ก็ควรมีความพร้อม เช่นออกซิเจนไว้ตรงจุดเกิดเหตุ


ด้านนางเสาวนีย์  แม่ของผู้เสียชีวิต  เล่าว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ตื่นมา 9 โมง นั่งคิดไปเรื่อยๆ ว่าลูกไปฝึกได้หลายวันแล้ว สักพักก็มีโทรศัพท์เข้ามาว่า น้องไม่สบายอยู่สะเดา เดี๋ยวเจอกันที่ควนลัง แต่พอเราแต่งตัวเสร็จ เขาบอกว่าไม่ต้องไปแล้วควนลัง ให้มาหาดใหญ่เลย เจอน้องล่าสุดประมาณตอน 12.00 น. ไปจับเท้าเขาก็แข็ง เขากำลังปั๊มหัวใจอยู่ เราก็ภาวนาให้น้องฟื้นขึ้นมา คนที่มาด้วยเขาบอกว่า น้องเป็นลม วันนั้นคนที่มาด้วยบอกว่าน้องเป็นลม เราเลยถามว่าเป็นยังไงเขาบอกก็เป็นลมไปเลย โดยหลังหมดสติก็มีการวัดตรวจและพามา รพ.สะเดา


แต่ก่อนจะถึงแยกไฟแดง น้องมีอาการมือเกร็งจิกตาเหลือก หลังจากที่ไป รพ.สะเดา ภาพแรกที่เราเห็น  น้องนอนตาปลิ้น เท้าแข็ง เขาก็บอกว่าน้องขาดน้ำอย่างรุนแรง เลือดแห้งไปเลี้ยงสมองไม่พอ และมีอาการกล้ามเนื้อสลาย รวมถึงเลือดเป็นกรด ซึ่งหลายอย่างมาก แม่ออกมาจากห้องในรพ.ออกมาถึงกับเป็นลม


ตอนนี้ยังไม่ได้ร้องไปยังหน่วยฝึก เขาให้คำตอบเรามาว่า เดี๋ยวโทรกลับ ทางเราก็ไม่ได้รอที่จะให้เขาโทรกลับ เพราะรอนานมาก ขนาดเอาศพลูกชายมาตั้งที่วัดแล้ว ก็ไม่มีการโทรหามาเรา มีเจ้าหน้าที่บางรายเดินทางมาบ้าง แต่คนที่บอกจะโทรกลับไม่ได้เดินทางมา


“แม่อยากเรียกร้องความเป็นธรรม เพราะเราถามคนที่มา รพ.กับน้อง ตอนเกิดเหตุเขามีจัดการอะไรบ้าง เขาก็บอกว่าก็มีเพียงวัดค่าต่างๆ ของร่างกายและนำตัวส่ง รพ. แล้วก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้ เราจึงแจ้งไปว่าทำไมไม่พาน้องไป รพ.หาดใหญ่เลย เขาก็แจ้งมาว่ามันเป็นไปตามระบบ เหมือนเขาจากไปแบบนี้ จากที่เราจะไปเยี่ยมลูกกลายเป็นรับศพแทน แม่อยากให้ทางหน่วยฝึกของค่ายท่านมุกเอาใจใส่คนฝึกให้มากกว่านี้ เตรียมพร้อมที่จะรับฝึกแล้วเป็มลมอย่างทันท่วงที ไม่ใช่ลากปีกมาเป็นระยะทางไกลโดยที่ไม่ดูแล”



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/cdoF6lEePhE

คุณอาจสนใจ