สังคม
แม่อัดคลิปร้องเรียนลูกป่วยพาเข้ารพ.รัฐ รอนานเช้ายันบ่าย 3 ไม่ได้รักษาอาการไข้
โดย taweelap_b
11 ก.ย. 2566
436 views
เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปวิดีโอ ความยาวประมาณ 4 นาที ระบายความอึดอั้นตันใจ หลังจากที่พาลูกน้อยเดินทางไปขอใช้บริการ รักษาอาการป่วยของลูก ที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง ใน จ.ขอนแก่น ซึ่งเธออ้างว่า นอกจากลูกที่มีอาการป่วยเป็นไข้ ไม่ได้รับการตรวจรักษาจากโรงพยาบาล หลังจากต้องรอเป็นเวลานาน 5 ชม. แล้ว เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลยังแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และพูดจาไม่ดีอีกด้วย
โดยโพสต์ดังกล่าว ยังระบุข้อความด้วยว่า “ขออนุญาตนะคะ ไม่ได้ต้องการหรือติดใจอะไรเลย นอกจากอยากให้ปรับปรุงการบริการคนไข้ เพราะมันไม่ใช่แค่ครั้งแรก แต่เป็นทุกครั้งที่ไป บางคำพูดบางประโยคในคลิปอาจจะไม่เป๊ะ แต่จำได้ว่าคำพูดจะเป็นประมานนี้ วันนี้แทบจะทุกคนที่ไปห้องฉุกเฉินพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คือเว้าบ่แซ่บแท้ ถ้าเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยหมอพยาบาลมาเห็น ปรับปรุงด้วยนะคะ” หลังจากคลิปถูกเผยแพร่ออกไป มีผู้คนเข้ามาแชร์และแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก
ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับหญิงคนดังกล่าว อายุ 25 ปี ชาว จ.ขอนแก่น เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่ตนจะตัดสินใจถ่ายคลิปวิดีโอ โพสต์ระบายความอึดอั้นตันใจลงในเฟซบุ๊ก เนื่องจากในช่วงช่วงเช้า เวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา ตนได้พาลูกชายวัย 2 ขวบ ที่มีอาการป่วยเป็นไข้หวัด เดินทางไปใช้บริการที่โรงพยาบาลของภาครัฐแห่งหนึ่ง จ.ขอนแก่น เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่แผนกห้องฉุกเฉินก็ได้ทำการวัดไข้ และซักประวัติ ซึ่งจากการวัดไข้พบว่าลูกชายไข้สูงถึง 39 องศาเซลเซียส จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้บอกให้ตนพาลูกไปอาบน้ำล้างตัว ตนก็ปฏิบัติตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ หลังจากอาบน้ำให้ลูกเสร็จเจ้าหน้าที่ก็บอกให้นั่งรอเพื่อเข้าตรวจ กระทั่งเวลาเลยไปถึงช่วงเที่ยงก็ยังไม่มีการเรียกชื่อลูกตนเข้าตรวจ
ขณะเดียวกันกลับพบว่า มีผู้มาใช้บริการที่มาทีหลังตน ได้เข้าตรวจก่อน ทั้งที่ไม่ได้มีอาการหนักแต่อย่างใด เมื่อเห็นว่ารอนานแล้ว ตนจึงเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉิน แล้วสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า ชื่อลูกของตนตกหล่นหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่กับทำสีหน้าไม่พอใจ พร้อมกับชี้นิ้วไปที่ป้ายที่บอกรายละเอียดขั้นตอนการรอ แล้วบอกว่า “อ่านป้ายนะคะ เราเรียกเข้าตรวจตามลำดับความฉุกเฉิน” ทำให้ตอนนั้นตนเริ่มรู้สึกไม่ดีกับการแสดงออกของเจ้าหน้าที่ จึงตัดสินใจเดินกลับมานั่งรอที่เดิม กระทั่งถึงเวลา 12.30 น. ก็มีเสียงประชาสัมพันธ์แจ้งว่า หมอจะพักเที่ยง ให้คนไข้มาใหม่ในเวลา 13.30 น. ตนจึงขี่รถจักรยานยนต์พาลูกกลับมาทานข้าวที่บ้าน โดยที่ช่วงเช้าที่ไปนั่งรอไม่ได้เข้าตรวจเลย
น.ส.วัชรพร เล่าต่อว่า จากนั้นเวลาประมาณ 13.40 น. ตนก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์พาลูกกลับไปที่โรงพยาบาลดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งตอนนั้นก็คิดเผื่อใจไว้บ้างแล้วว่า ลำดับเข้าตรวจของลูกอาจจะถูกข้ามไปแล้ว แต่ด้วยความเป็นห่วงลูกและต้องการรักษาลูก เมื่อไปถึงโรงพยาบาลตนจึงเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ว่า ช่วยตรวจสอบให้หน่อยว่าลำดับคิวเข้าตรวจของลูกชาย ข้ามไปหรือยัง ซึ่งเจ้าหน้าที่คนนี้ก็มองตนด้วยหางตา พร้อมกับพูดในทำนองกระแทกแดกดันว่า เดี๋ยวไปเช็กให้นะคะ แล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ตนก็ยืนรอกว่า 10 นาที แต่เจ้าหน้าที่ที่ตนสอบถามก็ไม่เดินออกมา จนเจ้าหน้าที่ที่ตนสอบถามในช่วงเช้าเดินออกมา ตนจึงสอบถามกับเจ้าหน้าที่คนนี้ว่า ช่วยตรวจสอบให้อีกครั้งได้ไหมว่าชื่อลูกของตนถูกเรียกไปหรือยัง ซึ่งเจ้าหน้าที่คนนี้ก็ตอบโดยใช้น้ำเสียงไม่พอใจว่า ชื่อถูกเรียกไปแล้ว เรียกไปตั้งนานแล้ว เรียกไปตั้งแต่ 11.00 น.แล้ว เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้น ทำให้ตนเริ่มมีอารมณ์โมโห จึงตอบเจ้าหน้าที่ไปว่า จะเรียกตั้งแต่ 11.00 น. ได้อย่างไร เพราะตนนั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน จนถึงเวลา 12.30 น. ก็ไม่ได้มีการเรียกชื่อลูกเข้าตรวจแม้แต่ครั้งเดียว สรุปแล้ววันนี้ลูกชายจะได้เข้าตรวจหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า ได้ตรวจ ให้รอก่อน ในระหว่างที่ตนเองกับเจ้าหน้าที่หน้าห้องฉุกเฉินพูดคุยกัน คนไข้และญาติ ๆ ที่มารอเข้าใช้บริการ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงพูดจาไม่ดีเลย จากนั้นตนก็นั่งรอคิวไปเรื่อย ๆ กระทั่งเวลา 15.00 น. ก็ยังไม่มีการเรียกชื่อลูกหรือมีเจ้าหน้าที่มาแจ้งอะไรกับตนเลย และตอนนั้นก็มีบุคคลคนหนึ่งเดินเข้ามาสอบถามตนเองว่ามารอตั้งแต่กี่โมง ตนเองก็ตอบไปว่า มารอตั้งแต่ 10.00 น. จนถึงตอนนี้รวมกว่า 5 ชม. ก็ยังไม่ได้เข้าตรวจ บุคคลคนดังกล่าวจึงบอกให้ตนเขียนจดหมายร้องเรียน หลังเขียดเสร็จตนก็นำจดหมายใส่กล่องในโรงพยาบาล แล้วพาลูกชายขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน ด้วยความอึดอั้นตันใจและรู้สึกไม่พอใจถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงได้อัดคลิประบายความในใจในครั้งนี้
น.ส.วัชรพร กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ตนอยากวอนไปถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งผู้บริหารของโรงพยาบาลแห่งนี้และทุก ๆ แห่ง ช่วยปรับปรุงระบบการให้บริการ หากเป็นไปได้ขอให้แยกกลุ่มผู้ป่วยฉุกเฉินเป็น 2 กลุ่ม คือ เด็ก และ ผู้ใหญ่ รวมทั้งการดูแลเรื่องอื่น ๆ โดยเฉพาะการดูแลพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ ตนเข้าใจดีว่า แพทย์พยาบาลต่างก็ทำงานเหนื่อย แต่ก็อยากให้ให้บริการคนไข้ดีกว่านี้ อาจไม่ต้องถึงขั้นคลานเข่าเข้ามาดูแล หรือ ให้บริการแบบ VIP แต่ขอเพียงแค่แนะนำคนไข้ด้วยความสุภาพก็พอ เพราะผู้ป่วยบางคนเป็นผู้สูงวัย อ่านเขียนหนังสือไม่ออกก็มี และที่สำคัญไม่มีใครอยากมาที่โรงพยาบาล หากไม่เจ็บไข้ได้ป่วยจริง ๆ