สังคม
เจออีก! 'อดีตพระคม' ซุกเงินทองกว่า 100 ล้าน - ถอดยศทหาร 'พันเอก' ประพฤติชั่วร้ายแรง นามสกุลเดียวกับน้องสาวอดีตพระคม
โดย thichaphat_d
10 พ.ค. 2566
1.4K views
จับพระลูกวัด-คนขับรถตู้อดีตพระคม ได้เพิ่มอีก 6 คน พร้อมตามยึดทรัพย์สินทั้งเงินสด 76 ล้าน -ทองคำมูลค่ารวมกว่า 100 ล้าน พบพฤติการณ์อดีตพระคม ตั้งตัวเป็นใหญ่สั่งพระลูกวัดให้อยู่ภายใต้อาณัติ โทรศัพท์บอกให้ย้ายทรัพย์สินระหว่างถูกจับ
จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหา คือ ...
- นายคม คงแก้ว หรือ 'อดีตพระอาจารย์คม อภิวโร' อายุ 39 ปี
- นายวุฒิมา หรือพระหมอ เถาว์หมอ อายุ 38 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
- น.ส.จุฑาทิพย์ ภูบดีวโรชุพันธุ์ อายุ 35 ปี น้องสาวของนายคม
ที่ก่อเหตุร่วมกันยักยอกเงินวัดไปกว่า 180 ล้านบาท ก่อนจะถูกนำตัวฝากขังศาล ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวานนี้ (9 พ.ค. 66) มีรายงานว่าคืนวันที่ 9 พ.ค.พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุมพระลูกวัดของวัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จำนวน 5 รูป และพนักงานขับรถของวัดอีก 1 คน ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริต ประกอบด้วย
1) นายบุญส่ง หรืออดีตพระบุญส่ง
2) นายบุญเหลือ หรืออดีตพระบุญเหลือ
3) นายธนกฤษ หรืออดีตพระธนกฤษ
4) นายบัณฑิต หรืออดีตพระบัณฑิต
5) นายณัฐพัชร์ หรืออดีตพระณัฐพัชร์
6) นายบุญศักดิ์ (คนขับรถของวัด)
โดยทั้ง 6 คน ถูกแจ้งข้อหาในความผิดฐาน 'เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต / เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ / ร่วมกันรับของโจร” ก่อนจะนำตัวไปลาสิกขา เพื่อควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป
เบื้องต้น สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ให้การภาคเสธ ยอมรับเพียงว่า ร่วมกันนำทรัพย์สินมีค่าต่างๆ ของวัดไปซุกซ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ รอบวัดจริง แต่เป็นการทำตามคำสั่งของ อดีตพระคม ซึ่งก็ไม่ทราบว่าอดีตพระคมมีเจตนาใดอีกด้วย
สำหรับของกลางตรวจยึดในคดีได้เพิ่มเติมรวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ประกอบด้วย
1. เงินสด รวม 76,021,813 บาท
2. ทองคำรูปพรรณ 920 รายการ นำหนักประมาณ 100 บาท มูลค่าประมาณ 2.8 ล้านบาท / ทองคำแท่ง 46 รายการ น้ำหนักประมาณ 500 บาท มูลค่าประมาณ 16 ล้านบาท / ทองคำแผ่น 540 รายการ น้ำหนักประมาณ 100 บาท มูลค่าประมาณ 3.2 ล้านบาท รวมมูลค่าประมาณ 22 ล้านบาท
3. สมุดบัญชี จำนวน 30 เล่ม
4. หนังสือเดินทาง จำนวน 3 เล่ม
5. รถยนต์ตู้จำนวน 1 คัน
6.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 11 เครื่อง
------------
ขณะที่ วานนี้ (9 พ.ค. 66) เวลา 14.30 น. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการกองปราบปราม แถลงว่า สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม นายคม หรือพระอาจารย์คม อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรีพร้อมกับพวก ที่ได้ก่อเหตุยักยอกเงินบริจาควัดป่าฯ มูลค่ากว่า 180 ล้านบาท
ภายหลังการจับกุม กองบังคับการปราบปรามได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม จนทราบข้อมูลสำคัญจากนายวุฒิมาหนึ่งในผู้ต้องหาคดียักยอกเงินวัด ให้การว่า ตนได้นำเงินของวัดจำนวน 9 ล้านบาท ไปซื้อทองคำตามคำสั่งนายคมมาเก็บรักษาไว้ในตู้เซฟภายในกุฏิของนายวุฒิมา
ต่อมา เมื่อวันที่ 7 พ.ค.66 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินวัดป่าธรรมคีรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบภายในกุฏิของนายวุฒิมา พบว่าทองคำตามที่นายวุฒิมาให้การไว้ข้างต้นได้หายไป
จนกระทั่ง ทราบว่า มีขบวนการช่วยเหลืออดีตพระอาจารย์คม เป็นพระสงฆ์ จำนวน 5 รูป และ นายบุญศักดิ์ (คนขับรถของวัด) ช่วยกันขนย้ายทองคำแท่งและทรัพย์สินต่างๆ ขนใส่รถตู้ก่อนจะนำทรัพย์สินไปซุกซ่อนที่ภายนอกวัด
เมื่อทราบข้อมูลดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางแผนให้กลุ่มผู้ช่วยเหลืออดีตพระอาจารย์คม นำเอาทองคำ และทรัพย์สินกลับเข้ามาในวัดอีกครั้ง ก่อนจะทำการตรวจยึดทรัพย์สินต่างๆ ไว้เป็นของกลาง รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึด คิดเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
จากการสืบสวนทราบว่า ก่อนที่นายคม ,นายวุฒิมา และน้องสาวนายคม จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม ปรากฎว่านายคม และนายวุฒิมา ได้สั่งการให้ขบวนการนี้ขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากกุฏิของตนให้หมด ไปซุกซ่อนไว้ตามสถานที่ต่างๆ ภายในวัด
ต่อมาหลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม และถูกควบคุมอยู่ นายคม ได้ออกอุบายขอยืมโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าขอติดต่อญาติ ให้นำยารักษาโรคประจำตัวของของสาวมาให้ แต่นายคม ได้แอบใช้โทรศัพท์มาสั่งการให้กลุ่มขบวนการนี้ช่วยกันทำการขนย้ายเงินสด และทองคำ ไปซ่อนตามจุดต่างๆ ของทางวัดทั้งในป่า ฝังดิน รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างของทางวัดอีกหลายจุด เมื่อช่วง 3 นาฬิกา ของวันที่ 6 พฤษภาคม
ซึ่งมีทรัพย์สินบางส่วนที่ไม่สามารถขนย้ายได้ทัน จึงได้นำไปขุดฝังเอาไว้ที่ภูเขาด้านหลังวัด จากข้อมูลข้างต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับ เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา ที่ 1-6 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
------------
ด้าน พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ รองผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม เผยว่า การซุกซ่อนทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหากระจายไปในหลายจุดของพื้นที่วัดกว่า 37 ไร่ ตำรวจได้สอบสวน และสามารถตรวจยึดมาได้เกือบทั้งหมดแล้ว
เบื้องต้นยั งไม่พบว่ามีพระลูกวัดรูปอื่นเกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างการสืบสวนเพิ่มเติมว่าได้นำทรัพย์สินไปไว้ที่อื่นหรือไม่แต่พบเพียงว่ากำลังนำทรัพย์สินใส่รถตู้ไปไว้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใกล้เคียงกับวัด ซึ่งสามารถยึดมาได้ก่อน
สำหรับพระลูกวัดป่าธรรมคีรีแห่งนี้พบว่ามีทั้งหมด 22 รูป แต่สึกไปแล้ว 9 รูป ซึ่งวัดแห่งนี้สร้างโดยนายคม ส่วนใหญ่พระลูกวัดจะอยู่ภายในอาณัติของนายคม ไม่มีใครกล้ายุ่งเรื่องทรัพย์สินที่ได้รับบริจาค ยกเว้นพระลูกวัดที่อยู่ใกล้ชิด 5 รูปนี้ นายคมจึงนำเงินที่ได้รับบริจาคไปไว้ในจุดต่างๆ ของทางวัดโดยที่ไม่กังวลว่าจะสูญหาย ส่วนพระลูกวัดรูปอื่นยังไม่พบมีความผิด
ส่วนทรัพย์สินที่พบทั้งเงินสดและทองคำ จะไม่นำไปฝากธนาคาร เพราะตั้งใจจะปิดบังอำพรางเส้นทางการเงิน ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจากผู้ที่ศรัทธานำเงินมาถวาย เพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาทั้งหมด การตรวจสอบยังไม่พบว่าจะบุคคลใดนำเงินเหล่านี้มาถวายเพื่อจะฟอกเงิน จึงยังไม่พบว่าผู้ที่ถวายเงินจะมีความผิดร่วมด้วย
------------
โปรดเกล้าฯ ถอดยศพันเอก ฐานสร้างความวุ่นวายในราชสำนัก ประพฤติชั่วร้ายแรง
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปลด พันเอก ชัยเมธี ภูบดีวโรชุพันธุ์ ตำแหน่ง นายทหารปฏิบัติการประจำ สำนักงานรองผู้บัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 3 กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ออกจากราชการและถอดออกจากยศทหาร พร้อมเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นตรา โดยไม่มีบำเหน็จบำนาญ
เนื่องจาก ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กล่าวคือ มีพฤติการณ์เป็นข้าราชบริพารในพระองค์ชักชวนบุคคลอื่นที่ไม่ดีเข้ามาหลอกลวงในราชสำนัก ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย ส่งผลให้เสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้เสียหายต่อหน่วยราชการในพระองค์ กับเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และผิดต่อราชสวัสดิ์ เป็นนายทหารพ้นราชการ ประเภทที่ 2 สังกัด ส่วนราชการในพระองค์
------------
ขณะที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่า พันเอก ชัยเมธี ภูบดีวโรชุพันธุ์ ที่ถูกออกจากราชการและถอดออกจากยศทหารนั้น มีนามสกุลที่ไปตรงกับ น.ส.จุฑาทิพย์ ภูบดีวโรชุพันธุ์ อายุ 35 ปี 1 ใน 3 ผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมในข้อหายักยอกเงินวัด
ขณะที่ตำรวจได้ตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.จุฑาทิพย์ พบเงินสดจำนวน 51 ล้านบาท ถูกเก็บไว้ในลังโฟมและกระเป๋าเดินทาง รวมถึงพบเงินที่ถูกเก็บไว้ในบัญชีอีกกว่า 130 ล้านบาท ทำให้ตั้งข้อสังเกตุว่าการที่ พันเอก ชัยเมธี ถูกออกจากราชการและถอดออกจากยศทหารนั้นอาจจะมีความสอดคล้องกลับคดีการยักยอกเงินวัด
------------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/NKTr5XSkO5I