มนต์รักปาท่องโก๋! แฉ 2 พระสงฆ์กอดฉาวรับวาเลนไทน์ วัดดังแจงแค่มาช่วยงาน ไม่ใช่พระลูกวัด

เจ้าอาวาส วัดเขาวงบอกพระปาท่องโก๋ แค่มาช่วยงานวัด ด้านเจ้าคณะอำเภอขอให้พระที่เป็นปัญหาสึกจะได้ไม่ทำให้ศาสนาเสียหาย ชาวบ้านแห่แฉยับ มนต์รักปาท่องโก๋ เปิดกุฏิดูถึงผงะ

วานนี้ (วันที่ 13 ก.พ.) เฟซบุ๊กเพจ "อีซ้อขยี้ข่าว2" ได้โพสต์ภาพของพระสงฆ์ 2 รูป โดยอ้างว่า เป็นพระวัดดังอยู่ใน จ.ลพบุรี ซึ่งในภาพกำลังนอนกอดกันอยู่ พร้อมแคปชั่นระบุว่า “มนต์รักปาท่องโก๋ ... อ้อมกอดที่อบอุ่นของพระสงฆ์ 2 รูป ภายใต้วงแขนที่ความหวานขัดใจชาวพุทธก่อนถึงวันวาเลนไทน์... ส่วนด้านพฤติกรรมเด็กอนุบาลก็รู้ว่าไม่ควรทำ!”

นอกจากนี้ ยังบอกด้วยว่าที่โพสต์ดึกๆคิดว่าคงหนีไม่ทันแน่ แต่ได้ข่าวว่าหนีแล้ว และหน่วยงานต้องไปไล่จี้ ไล่หากันเอง เอามาบอกมาเล่าให้ดูว่าสมควรไหม จะจัดการหรือปล่อยผ่าน จะทำไม่ทำแล้วแต่

ทั้งนี้ หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ เรื่องวุ่นๆ ของวัยรุ่นแครอต, รักเอยเตยหอม, สึกก่อนเนอะ แล้วค่อยว่ากัน555, วงการเดรสส้มไม่แผ่วเลย ฯลฯ.

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบ พระธวัชชัย สิริธโช เจ้าอาวาส วัดเขาวงพระจันทร์ เปิดเผยว่า ภาพที่ปรากฏในโซเชียลนั้น ไม่ใช่พระที่วัด และสถานที่ในภาพก็ไม่ใช่ที่วัดเขาวงพระจันทร์ ซึ่งพระรูปดังกล่าวเคยมาช่วยงานประเพณีขึ้นเขาวงพระจันทร์ เมื่อวันที่ 22 ม.ค. - 12 ก.พ.66 ที่ผ่านมา โดยลงชื่อว่าสังกัดอยู่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ

โดยพระรูปดังกล่าว เคยมาช่วยงานของวัดเมื่อปีที่ผ่านมา เห็นว่าเจตนาดี และก็มีพระหลายรูปจากหลายพื้นที่มาช่วยงานเช่นกัน ซึ่งหลังจากเสร็จงานก็ได้ให้ปัจจัยเพื่อเดินทางกลับ จนมาทราบวันนี้ว่ามีเรื่องอื้อฉาวโดยระบุชื่อวัดด้วย ซึ่งต้องขอปฏิเสธว่าทางวัดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรู้เห็นกับเรื่องดังกล่าว คงจะเป็นเรื่องส่วนตัวของพระรูปนั้นเอง และขอยืนยันว่าภาพในโซเชียลนั้นไม่ใช่ที่วัด เพราะวัดได้จัดเต็นท์ให้นอนรวมกับพระรูปอื่นๆกว่า 100 รูป

ด้านพระครูภัทรปัญญาวุฒิ เจ้าคณะอำเภอโคกสำโรง เปิดเผยว่า พระองค์ที่เป็นประเด็นอยู่นี้เคยเป็นพระนิสิตเรียนอยู่แต่ไม่รู้เรียนที่ไหน เคยอยู่วัดสะพานจันทร์ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรีแต่ได้ออกจากวัดไปแล้ว เนื่องจากมีปัญหากับพระในวัดด้วยกัน

และจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่าพระองค์ดังกล่าวอ้างว่าอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน กทม. ซึ่งตรวจสอบกับทางวัดทางวัดได้แจ้งว่าได้สิทธิ์ไปแล้วเส้นทาง เจ้าคณะอำเภอโคกสำโรงได้บอกว่าหากใครพบตัวพระองค์ดังกล่าวขอให้ท่านแจ้งให้ลาสิขาจากการเป็นพระด้วย เพื่อไม่ให้พระพุทธศาสนามัวหมองและเสื่อมเสียไปด้วย

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปอีกวัดในพื้นที่ ต.ห้วยโป่ง อ.โคกสำโรง หลังทราบว่าพระในรูปเคยจำวัดอยู่ที่นี่ โดยชาวบ้านระบุ พระรูปนี้เคยเป็นเลขานุการ เจ้าอาวาสวัดตั้งแต่ปี 2564 ตั้งแต่มาอยู่ที่วัด ปีแรกๆก็บูรณปฏิสังขรณ์วัด ปฏิบัติตามกิจของสงฆ์อยู่ได้สักระยะ

จากนั้นปรากฏว่า ได้มีการปลูกสร้างกุฎิคล้ายกับรีสอร์ตภายในบริเวณวัด ท่ามกลางการคัดค้านของชาวบ้าน แต่ไม่เป็นผล เนื่องจากมีลูกศิษย์และชาวบ้านบางกลุ่มสนับสนุน ใช้งบประมาณไป 4 แสนกว่าบาท ติดแอร์ 2 ตัว เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน จากนั้นมีพระอีกรูปอายุประมาณ 50 ปี มีรถหรูราคาแพงมาอยู่ด้วย อยู่ประมาณ 2 พรรษาก็ออกจากวัดไป

ตั้งแต่เจ้าอาวาสวัดรูปนี้มาอยู่ พระที่มาอยู่ด้วยไม่เคยปฏิบัติกิจของสงฆ์เช่นพระรูปอื่นๆ ไม่เคยออกบิณฑบาต ตื่นสาย มีหมามาเลี้ยง 3 ตัว วันๆ ขลุกอยู่แต่ในห้อง แต่ไม่มีใครกล้ายุ่ง จนมีผู้นำท้องถิ่นเข้าไปตักเตือน กลับถูกข่มขู่ มีเรื่องบาดหมางกับชาวบ้านเรื่อยมา เป็นที่เอือมระอา มีการนำสามเณรเข้ามาอยู่ด้วย ชื่อ "บาส" ครั้งนี้ชาวบ้านเริ่มเห็นพฤติกรรมความสนิทสนมของเจ้าอาวาสกับเณรบาส ที่มักแสดงบทหึงหวงซึ่งกันและกัน

โดยพระอายุ 50 ที่เคยมาอยู่ด้วยแล้วสึกออกไป กลับมาพร้อมกลุ่มชายฉกรรจ์ มีการขับรถไล่ชนเณรและขู่อาฆาตกันไว้ จนทั้งคู่อยู่วัดไม่ได้ หนีแอบไปสึกที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.บ้านหมี่ แต่ไม่ได้กล่าวคำสึก เพียงแต่เปลี่ยนจีวรเป็นชุดขาวแบบฆราวาส รวมระยะเวลา 1 ปีกับ 10 เดือน

ทั้งนี้จากการตรวจสอบภายในกุฏิ พบเสื้อผ้า ชุดชั้นในหวานแหวว รองเท้า อวัยวะสิ่งเทียม สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อีกทั้งยังพบภาพสะเทือนใจชาวพุทธ ที่เจ้าอาวาสได้บันทึกลับไว้ เป็นภาพกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับพระด้วยกัน

รวมถึงภาพสลัดผ้าเหลืองจากวัดไปเที่ยวชายทะเลกับคู่ขา ก่อนมีผู้พบเห็นเข้ามาป้วนเปี้ยนภายในวัดอยู่สักระยะ จนมาทราบอีกครั้งว่าแต่งกายเป็นพระไปช่วยวัดเขาวงพระจันทร์ ซึ่งไม่รู้ว่าขณะนี้เป็นพระจริงหรือพระปลอม ซึ่งสำนักพุทธศาสนาจังหวัดลพบุรีกำชับทุกวัดในเขตพื้นที่ ห้ามรับไว้ หรือผู้ใดพบเห็นให้แจ้งสำนักพุทธฯ หรือตำรวจพื้นที่

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/BKVc7iqRD70