ไฟไหม้บ้านกลางชุมชนเกาะคา ยายลุยเพลิงเข้าไปช่วยหลานสองคน ถูกไฟลวกแขน เร่งนำส่งรพ.

เกิดเหตุเพลิงไหม้กลางชุมชนตำบลบางปลากด อำเภอองครักษ์ วอด 7 หลัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บโดนไฟลวก 2 คน เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงสามารถดับไฟสงบได้ ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายกลงพื้นที่ตั้งโรงครัวเลี้ยงเจ้าหน้าที่และชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ



เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 เกิดเหตุเพลิงไหม้ชุมชน บ้านเกาะ หมู่ 8 ตำบลบางปลากด อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ตั้งอยู่หลังวัดประสิทธิเวช เจ้าหน้าที่อบต.ในพื้นที่และประสาน อบต.ข้างเคียงรถดับเพลิงรถน้ำกว่า 10 คัน มายังชุมชนที่เกิดเหตุ ระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงที่กำลังรุกไหม้บ้านเรือนที่อยู่กลางชุมชน โดยการฉีดน้ำให้อยู่ในวงจำกัดไม่ให้ขยายวงกว้างและอีกส่วนหนึ่งก็ทำหน้าที่ฉีดไฟที่กำลังรุกไหม้โดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเศษ

ขณะที่เพลิงกำลังไหม้อยู่นั้นส่วนใหญ่ไม่มีใครอยู่ในบ้านเนื่องจากออกไปทำงานกันหมด มีเพียง บ้าน 2 หลัง โดยหลังแรกเป็นของนางนพรัตน์ ผู้เป็นยายอาศัยอยู่กับหลาน 2 คน โชคดีนางนพรัตน์ ตั้งสติวิ่งเข้าไปอุ้มหลานคนแรกออกมาได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่จะรีบวิ่งเข้าไปช่วยหลานคนที่สองที่นอนหลับอยู่ ซึ่งขณะนั้นเพลิงได้รุกไหม้มากแล้วนางนพรัตน์ ได้ฝ่าไฟเข้าไปอุ้มหลานออกมาได้ แต่ตนเองถูกไฟลวกที่แขนทั้งสองข้าง เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปรักษาแผลที่โรงพยาบาล มศว.องครักษ์ ส่วนอีกหลังเป็นบ้านของนางสาวสาสุณี อายุ 49 ปี โดยมีแม่ชราเดินไม่ได้ตอนนั้นอยู่คนเดียวเพื่อนบ้านได้ช่วยอุ้มออกมาแต่ได้รับบาดเจ็บถูกไฟลวกเล็กน้อยไม่ประสงค์ไปโรงพยาบาล

โดยนายสาวสาสุรี บอกว่า ตอนเกิดเหตุไม่ได้อยู่บ้าน แต่ต้นเพลิงมาจากบ้านอีกหลังจากที่มีคนบอกเล่าทราบว่าตอนเกิดเหตุได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นมาก่อน1 ครั้งจากนั้นควันก็โชยขึ้นมา โดยไฟได้ไหม้บ้านไป 6 หลัง หนึ่งในนั้นเป็นบ้านของตนเองโดนไปแถบหนึ่งแต่บ้านตนมีแม่วัยชราที่เดินไม่ได้โชคดีมีคนช่วยอุ้มออกมาได้ทันปลอดภัย อีกทั้งตอนเกิดเหตุไม่มีใครอาศัยอยู่ในบ้านทั้ง 6 หลังเพราะออกไปทำงานจะกลับมาอีกทีก็ตอนเย็น




ด้านชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า เกิดเหตุประมาณ 16.30 น. ตอนนั้นได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น ตอนนั้นมีแต่เด็กอยู่ในบ้าน 2 คน หลังที่เกิดไฟไหม้ ยายของเด็กจึงรีบวิ่งเข้าไปเอาหลานคนแรกออกมาจากบ้าน จากนั้นได้วิ่งเข้าไปอีกรอบเพื่อเอาหลานอีกคนออกมา จึงถูกไฟลวก



เบื้องต้นจากการสอบถามชาวบ้านและเจ้าหน้าที่พบว่ามีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 7 หลังคาเรือน ด้านนายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ได้ลงพื้นที่ด้วยตนเองเพื่อตรวจสอบ ก่อนสั่งการให้จัดตั้งโรงครัวให้กับเจ้าหน้าที่ที่มาดับเพลิงรวมถึงชาวบ้านเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเบื้องต้น

ส่วนสาเหตุนั้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจะเข้ามาทำการตรวจสอบอีกครั้ง