เดือดรายวัน! 'ชูวิทย์' ฟ้อง 'สันธนะ' 100 ล้าน - 'สันธนะ' โต้กลับ เอาหลักฐานอะไรมาฟ้องเท็จ

'ชูวิทย์' ยื่นฟ้อง 'สันธนะ' เรียก 100 ล้าน แจ้งความเท็จ กล่าวหาโรงแรมเดวิสมั่วสุมเสพยาเสพติด ท้าสันธนะ ให้กล้าเปิดหน้าสู้กันในศาล / เตรียมยื่นหลักฐานให้ ‘เสรีพิศุทธิ์’ ที่สภา 23 พ.ย.

ทางฝั่งสันธนะบุกศาล คล้อยหลังชูวิทย์ ไม่ถึง 10 นาที ขอคัดสำนวน โต้ชูวิทย์เอาหลักฐานอะไรมาฟ้องเท็จ พร้อมยื่นหลักฐานเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ให้ ยธ. เผยมีนักการเมืองชื่อดังเกี่ยวข้อง ปัดตอบคำถามเป็นการตัดหางปล่อยวัดหรือไม่

วานนี้ (22 พ.ย. 65) เวลา 09.00 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พร้อมด้วยทนายอนันต์ชัย ไชยเดช เดินทางมาที่ ศาลอาญา รัชดาภิเษก เพื่อยื่นฟ้อง นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ในข้อหาแจ้งความเท็จ / สร้างพยานหลักฐานเท็จ / และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยฟ้องเป็นคดีอาญาและคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท

จากกรณีที่ นายสันธนะ ได้ไปแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ ว่า โรงแรมเดวิส ของบริษัท ต้นตระกูล จำกัด หรือนายชูวิทย์ มีการมั่วสุมยาเสพติดและเปิดเกินเวลา 

ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ ได้เปิดเผยเรื่องของมาเฟียจีนสีเทา จนนำไปสู่การจับกุมดำเนินคดี ซึ่งคู่วิวาทะโดยตรงไม่ใช่นายสันธนะ แต่อยู่ๆ นายสันธนะ ก็ไปประกันตัวคนจีน และยังไปแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ พร้อมภาพคลิปวิดีโอที่บอกว่า น่าจะมีการมั่วสุมยาเสพติดในโรงแรมเดวิสของนายชูวิทย์ จนตำรวจและกองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจค้น

แต่เมื่อตรวจค้นแล้วไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย นายสันธนะก็ยังไม่จบ ยังมีการกล่าวใส่ร้ายโรงแรมของนายชูวิทย์ผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งการกระทำนี้ก่อให้เกิดความเสียหายกับบริษัท ต้นตระกูล จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม รวมถึงนายชูวิทย์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น ถือเป็นการหมิ่นประมาท และมองว่าเป็นการตอบโต้แทน ทั้งที่บุคคลที่โดนแฉก็ยังไม่เห็นตอบโต้อะไร

ตนยังได้นำพระองคุลิมาล มามอบให้กับนายชูวิทย์ด้วย เพราะมองว่ามีความคล้ายกันกับนายชูวิทย์ ที่กลับตัวกลับใจลาวงการ มาเปิดเผยข้อมูลทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ตีแผ่ธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ตนตัดสินใจมาทำคดีให้นายชูวิทย์

ขณะที่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนออกมาพูดก่อนหน้านี้ สาระสำคัญ คือ เรื่องมาเฟียจีนสีเทา แต่อยู่ๆ นายสันธนะ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจที่ถูกไล่ออกจากราชการ ก็เข้ามาที่โรงแรมของตน และมาให้ร้ายป้ายสี ไปแจ้งความให้ตรวจสอบ

อีกทั้งช่วง 2-3 วันนี้ ก็ยังออกมาพูดเรื่องสถานบริการอาบอบนวด ที่ตนได้ขายไปหมดแล้วตั้งแต่ช่วงปี 2546-2547 แต่นายสันธนะก็ยังเอามาพูดว่าตนไม่เสียภาษี ทั้งที่ไม่ได้รู้ความจริง ว่าทุกสถานบริการ ไม่ได้มีที่ดินที่ตนเป็นเจ้าของเองเลย แต่ตนเช่าที่ และได้ขายหุ้นไปหมดแล้ว

ทั้งนี้ เรื่องที่นายสันธนะเอาออกมาพูด ตนไม่อยากตอบโต้มาก แต่ตนจะสู้ด้วยการใช้กฎหมาย และขอให้นายสันธนะเปิดหน้าสู้ อย่าใส่กระโปรงสู้ ก่อนหน้านี้ตนจะสู้แบบนักเลง นายสันธนะก็ไม่กล้า กวักมือเรียกก็ถอย จึงต้องมาสู้ในศาล หวังว่านายสันธนะจะไม่หนี และอย่าทำเหมือนว่าตัวเองใหญ่โต ทั้งที่จริงๆ ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย อยู่ใกล้ต้องฉีดยา แม้แต่ตำรวจด้วยกันก็ไม่เอา

และหากตนสามารถฟ้องร้องคดีนี้จนได้ค่าเสียหาย 100 ล้าน ตนจะนำเงินทั้งหมดไปทำบุญมอบให้กับโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร ไม่เก็บไว้เองแม้แต่บาทเดียว

ส่วนพระองคุลิมาลที่ทนายอนันต์ชัยมอบให้ ตนชื่นชอบ เพราะกลับตัวกลับใจแล้ว และขอถามกลับว่า สันขวานกลับใจหรือยัง ถ้ากลับใจแล้ว จะมอบพระให้อีกองค์

และในวันนี้ (23 พ.ย.) เวลา 08.30 น. ตนจะเดินทางไปที่รัฐสภา เพื่อมอบหลักฐานให้พลตำรวจเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ซึ่งขอให้รอดูหลักฐานที่ตนจะยื่นแล้วจะรู้สาเหตุว่า เพราะอะไรนายสันธนะถึงถูกไล่ออกจากราชการตำรวจ

ส่วนในวันนี้ (22 พ.ย.) หากนายสันธนะจะตามมาพบ ตนก็ขอให้มาได้เลย เพราะวันนั้นที่เจอกันที่ สน.ทองหล่อ ก็ทำเก่งทุกประตู แต่พอตนออกมาก็ไม่เห็นทำอะไร วันนี้ถ้าจะมาเจอในศาลก็ไม่เป็นอะไร ตนจะทำแบบนี้ให้ (ทำท่าตบหัว)

-----------------

เวลาประมาณ 10.00 น. นายสันธนะ ประยูรรัตน์ เดินทางมาที่ศาลอาญาพร้อมบอกว่า มาตรวจสอบว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นฟ้องตนจริงไหม และจะไปขอศาลคัดสำเนาคำฟ้อง หากพาดพิงถึงบุคคลอื่น เช่น นายทุนจีน หรือใคร จะเอาคำฟ้องนี้ส่งให้ผู้ที่ถูกพาดพิง เพื่อดำเนินคดีกลับ

สาเหตุที่ทำแบบนี้เพราะทนไม่ไหว กับการที่นายชูวิทย์ออกมาพูด เป็นการนำเสนอเพียงฝ่ายเดียว ส่วนที่มากล่าวหาว่าตนแจ้งความเท็จนั้น ซึ่งตอนนี้คดียังอยู่ที่ สน.ทองหล่อ คดียังไปไม่ถึงไหน จะมากล่าวหาว่าตนแจ้งความเท็จไม่ได้ เพราะยังไม่ได้มีการพิสูจน์ และยืนยันว่า คลิปวิดีโอไม่ได้มีการตัดต่อ

นายสันธนะ บอกด้วยว่า วันนี้ (23 พ.ย.) ก็จะเดินทางไปรัฐสภาเช่นกัน เพื่อพบพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ อยากจะถามว่าที่พูดในรายการ เรียกว่า "สันขวานไม่ใช่สันธนะใช่หรือไม่" ถ้าพูดกับปากว่าไม่ใช่ก็จะยอมรับ และจะไหว้ขอโทษ

ต่อมาประมาณบ่าย 2 โมง นายสันธนะ เดินทางไปที่กระทรวงยุติธรรม พบกับ ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติดดังกล่าว มีนักการเมืองชื่อดังซึ่งเคยปรากฏชื่อในข่าวด้วย หากเอ่ยชื่อออกมาทุกคนก็รู้จัก

โดยขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่นายสันธนะนำข้อมูลมายื่น ระบุว่า เป็นการรวบรวมข้อมูลมานานหลายปีแล้วด้วยตัวเอง ทั้งนี้ ข้อมูลที่มีอยู่ เชื่อว่ากระทรวงยุติธรรมจะสามารถดำเนินการทลายเครือข่ายดังกล่าวได้ไม่ยาก ที่ผ่านมาไม่ได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว เนื่องจากทราบว่ามีเจ้าหน้าที่และหลายภาคส่วน เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจำนวนมาก จึงไม่อยากให้คนอื่นไปแสวงหาผลประโยชน์

มื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การนำข้อมูลคดียาเสพติดมาให้เจ้าหน้าที่ เป็นการตัดหางปล่อยวัดนักการเมืองชื่อดังที่เกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทาหรือไม่ เจ้าตัวปัดตอบเลี่ยงไปถึงเรื่องการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาชาวจีน แต่บอกว่า เมื่อเช้าพบกับ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. โดยบังเอิญศาลอาญา รัชดา ได้เข้าไปสอบถามแล้วว่าการออกหมายจับดังกล่าวจะมีชื่อของตนหรือไม่ ซึ่งพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ปฏิเสธว่า ไม่มีชื่อของนายสันธนะ

ส่วนประเด็นที่ตอนนี้คู่เดือดอย่างชูวิทย์และสันธนะได้มายื่นหนังสือที่กระทรวงยุติธรรมจนมีความกังวลว่า อาจจะมีการเผชิญหน้าแบบที่ สน.ทองหล่อหรือไม่ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤตกล่าวว่า ไม่กังวลใจ เพราะพวกเขาก็ต่างมายื่นหนังสือเพื่อความเป็นธรรม ซึ่งทางกระทรวงก็ยินดีจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและพร้อมนำทุกข้อมูลมาตรวจสอบการกระทำผิดกฎหมาย หากพบว่าคนใดคนหนึ่งที่มาร้องเรียนมีส่วนเอี่ยวหรือทำผิดกฎหมาย ก็พร้อมดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น

-----------------

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/rhVcdKHTxPE