สังคม

สาวสองแสบ ปลอมสลิปหลอกซื้อบิ๊กไบก์ พบประวัติโชกโชน

โดย onjira_n

13 พ.ย. 2565

141 views

 จากกรณีที่เพจสายไหมต้องรอดโพสต์เหตุการณ์ ที่มีผู้เสียหายเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือ ว่าถูกสาวข้ามเพศ หลอกว่าจะซื้อรถบิ๊กไบก์ ก่อนขอลองแล้วขับขี่หลบหนีไป ทีมข่าวลงพื้นที่ไปพูดคุยกับ นางพรชนก  ผู้เสียหายในคดีนี้ โดยนางพรชนก ระบุว่า เมื่อวันพุธที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ตนเองได้ประกาศ ขายรถจักรยานยนต์ บิ๊กไบก์ ในกลุ่มขายรถในเฟซบุ๊กต่างๆ โดย ตั้งขายในราคา 235,655 บาท ซึ่งเป็นยอดเงินที่คงค้างตามสัญญา ผ่อนกับทางไฟแนนซ์ ซึ่งเหตุผลที่ขายเพราะต้องการลดภาระหนี้สิน โดยมีการติดต่อมาจากชายรายหนึ่งสอบถามข้อมูลต่างๆผ่านทางแชตไลน์ ที่มีการแอดผ่านเบอร์โทรศัพท์ของตนเอง ซึ่งชายรายนี้อ้างว่าจะให้ สาวข้ามเพศที่เป็นแฟนตนเอง เข้าไปดูในช่วงเย็นวันเดียวกัน และเมื่อสาวสองมาดูรถก็ขอดูเอกสารต่างๆ และถ่ายบัตรประชาชนของสามี ที่มีขื่อตามสัญญาไป และทำทีกดโอนเงินผ่านแอป ก่อนจะโชว์สลิปการโอนเงินให้ตนเองดูและอ้างว่าจะส่งให้อีกครั้ง ก่อนจะขอยืมหมวกกันน็อก และทำทีขอลองรถ เมื่อสบโอกาส สาวสองรายนี่ก็สตาร์ทเครื่องและขี่ออกไปโดยไม่กลับมาอีก


เมื่อตนเองเห็นว่าหายออกไปนาน จึงเริ่มรู้สึกเอะใจ จึงติดต่อไปที่ไฟแนนซ์ ว่ามียอดโอนผิดสัญญาจริงหรือไม่ แต่ปรากฏว่าไฟแนนซ์ แจ้งว่าไม่ทีการโอนยอดเงินใดๆเข้ามาทั้งสิ้น ตนเองจึงแน่ใจว่าถูกหลอก และพยายามติดต่อผ่านไลน์ไปที่คนที่ติดต่อมาตอนแรก ซึ่งชายคนในแชตไลน์ได้พยายามบ่ายเบี่ยงต่างๆนาๆ ในช่วงเช้าวันต่อมาตนเองจึงเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ราษฏร์บูรณะ ซึ่งตำรวจได้ให้ตนเองและสามีรวบรวมเอกสารหลักฐานรวมถึงกล้องวงจรปิดต่างๆ นำส่งเพื่อในการดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้ ในส่วนของไฟแนนซ์รับรู้เรื่องแล้วแต่ยังไม่ได้แจ้งข้อมูลใดๆ เพียงแต่แจ้งว่าจะส่งหนังสือมอบอำนาจที่ต้องใช้ในการดำเนินคดีมาให้คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์


ขณะที่คุณเชิดชาย ผู้เสียหายอีกราย ที่เคยโดนสาวสองรายเดียวกัน ก่อเหตุ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวช่อง 3 ว่า ตนเองเคยถูกก่อเหตุจากสาวสองรายนี้ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่ไปโพสต์ในกลุ่มZ900 และมีคนติดต่อมาหลายคน จนมาถึงผู้ก่อเหตุ ได้ติดต่อมาและเกินทางมาดูรถ ในช่วง 7.30 น. ของวันที่ 12 ตุลาคม ซึ่งเมื่อมาถึงได้มีการเจรจาสอบถามยอดปิดไฟแนนซ์ของตนเอง ซึ่งตนเองได้ให้ดูยอดปิด และทางคนร้ายได้บอกว่าจะติดต่อไปหาพี่ที่ทำงานไฟแนนซ์ดังกล่าวเพื่อเช็กยอด ก่อนที่จะมีการโอนเงินและนำสลิปมาให้ตนเองดู ตนเองยังได้ถ่ายสลิปจากมือของคนร้ายและถ่ายคนร้ายที่ยืนคู่รถเอาไว้ด้วย ก่อนที่คนร้ายจะแจ้งว่าต้องรีบไปทำงานและช่วงเที่ยงจะหลับเข้ามาเอาเอกสารใหม่อีกครั้ง


ซึ่งตนเองไม่ยอมและแจ้งว่ารอให้ยอดเข้าไฟแนนซ์ก่อนแต่คนร้ายยังยืนยันว่ามีธุระเร่งด่วน ก่อนจะพูดหว่านล้อม จนตนเองหลงเชื่อ เมื่อคนร้ายขับขี่ออกไปตนเองยังบอกกับภรรยาว่าน่าจะถูกหลอกแล้ว จึงมีการแจ้งไปที่ไฟแนนซ์ก็พบว่า ในเวลาเดียวกับที่ปรากฏในสลิปที่ตนเองถ่ายจากมือถือคนร้ายมามียอดเงินโอนเข้าบัญชีไฟแนนซ์จริงแต่เป็นเงินจำนวน 10 บาท ไม่ใช่ สองแสนสองหมื่นกว่าบาท ตามยอดที่ควรจะเป็นจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สภ.สาขลา เพื่อดำเนินคดี ซึ่งวันนี้ตำรวจแจ้งว่าให้เข้ามาสอบปากคำอีกครั้งในวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้ ตนเองมองว่าคนร้ายอาจจะมีเครือข่ายที่อยู่ในหน่วยงานต่างๆที่สามารถเช็กยอดเงินคงค้างในไฟแนนซ์ของตนเองได้เพราะระยะเวลาที่คนร้ายขอดูเลขปิดบัญชีจนถึงมีการโชว์สลิปใช้เวลาไม่นานเชื่อว่าไม่สามารถดำเนินการปลอมสลิปได้ทันแต่อาจจะมีการปลอมสลิปเตรียมเอาไว้หรือไม่


ซึ่งเมื่อตรวจสอบกับทางไฟแนนซ์ก็พบว่า สลิปน่าจะเป็นของจริงแต่ยอดเงินมีการปลอมแปลงจาก 10 บาทเป็น 200,000 บาท ซึ่งในส่วนของไฟแนนซ์เองจนถึงขณะนี้ตนเองยังไม่ได้มีการติดต่อสอบถามถึงขั้นตอนการดำเนินการเพราะเข้าใจว่าตนเองเค้าทำผิดกับทางไฟแนนซ์ที่มีการนำรถมาขายแต่จุดประสงค์คือเพื่อต้องการปิดยอดไฟแนนซ์เพราะคนร้ายอ้างว่าจะทำการปิดยอดให้ซึ่งตนเองต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายจึงตกลง สุดท้ายอยากขอฝากถึงคนที่กำลังจะขายรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์มือสองในลักษณะที่ยังมียอดคงค้างกับไฟแนนซ์เช่นตนเองขอให้ทำการรับโอนเงินจากทางผู้ซื้อมาที่บัญชีส่วนตัวและทำการตรวจสอบยอดเงินให้ถูกต้องก่อนจะมีการปล่อยรถออกไปลองเพราะหากปล่อยให้มีการโอนไปที่บัญชีบุคคลที่สามเราจะไม่สามารถตรวจสอบในเรื่องของยอดเงินได้ทันทีซึ่งจะเป็นช่องว่างให้คนร้ายใช้ก่อเหตุฉ้อโกงเราได้


ขณะที่ทีมข่าวได้ตรวจสอบข้อมูลตามหลักฐานที่ผู้เสียหายมีเช่นบัตรประชาชนของคนร้ายที่ผู้เสียหายขอถ่ายไว้รวมถึงใบหน้าของคนร้ายก็พบว่าคนร้ายรายนี้คือ นายธนภัทร  อายุ 25 ปี ซึ่งคนร้ายรายนี้เคยก่อเหตุมาอย่างโชกโชนและเมื่อปี 2562 เคยถูกตำรวจสน. บึงกุ่ม จับกุมตัวและติดคุกไป ก่อนจะออกมาก่อเหตุซ้ำอีกจนเป็นข่าวล่าสุดนี้



คุณอาจสนใจ