กฟภ.ตรังเผยปชช.ร้อยละ 15 ค้างค่าไฟรวมหนี้กว่า 23 ล้าน

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 65 ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานตรัง ซึ่งรับผิดชอบผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ 7 อำเภอของจังหวัดตรัง ประกอบด้วย อำเภอเมือง, อำเภอกันตัง, อำเภอสิเกา, อำเภอนาโยง, อำเภอย่านตาขาว, อำเภอปะเหลียน และอำเภอหาดสำราญ ยกเว้นใน 3 อำเภอที่เหลือ คือ อำเภอห้วยยอด, อำเภอรัษฎา และอำเภอวังวิเศษ ซึ่งขึ้นอยู่กับการไฟฟ้าอำเภอห้วยยอด พบว่ามีประชาชนจำนวนมาก ทยอยเดินทางมาจ่ายเงินค่าไฟ ซึ่งบางรายเดินทางมาจ่ายตามกำหนดรอบบิลปกติของเดือนสิงหาคม-กันยายน 2565 ไม่มีการค้างจ่าย แต่บางส่วนซึ่งไม่ได้ดำเนินการขอผ่อนชำระ ยอมรับว่าเดินทางมาจ่ายค่าไฟของเก่าที่ยังค้างอยู่ตั้งแต่ 2-4 บิลเดือน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการงดจ่ายกระแสไฟฟ้า หรือยกมิเตอร์ไฟฟ้ากลับ และต้องเสียค่าธรรมเนียมในการติดตั้งใหม่เป็นเงิน 107 บาท โดยทุก ๆ รายที่เดินทางมาจ่ายค่าไฟ ต่างก็บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าค่าไฟแพงขึ้นมาก และกังวลในรอบบิลเดือนกันยายน เกรงว่ายอดค่าไฟฟ้าน่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

นายชำนิ จำปา รองผู้จัดการฝ่ายบริหาร การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานตรัง กล่าวว่า ผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่รับผิดชอบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานตรัง รวมจำนวนกว่า 90,000 ราย ครอบคลุมพื้นที่ 7 อำเภอของจังหวัดตรัง พบว่ากว่า 15,000 ราย หรือประมาณ 15% ค้างจ่ายค่าไฟ ยอดหนี้รวมกว่า 23 ล้านบาท ทั้งประเภทบ้านพักอาศัย ธุรกิจ ร้านค้าต่าง ๆ ในจำนวนนี้ประมาณ 50% พบผิดนัดการผ่อนชำระ ระบบงานเลยต้องสั่งงดใช้ไฟ หรือมีการยกมิเตอร์ไฟฟ้ากลับไปเก็บไว้ที่สำนักงาน และพบบางรายค้างนานสุดรวมกว่า 20 บิลเดือน หรือประมาณ 2 ปี รวมยอดนับแสนบาท และมียอดรวมถูกฟ้องร้องจำนวนหลายล้านบาท ซึ่งสถานการณ์การติดค้างชำระค่าไฟฟ้านั้น ไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่จังหวัดตรัง แต่เป็นเหมือนกันหมดทั่วประเทศ นับตั้งแต่ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ทางการไฟฟ้าได้ออกแผนการจัดการหนี้ดังกล่าว ด้วยการให้ประชาชนผ่อนชำระกับการไฟฟ้าตามกำลังความสามารถของแต่ละราย โดยประชาชนต้องเดินทางเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งการผ่อนชำระค่าไฟค้างเก่าตามกำลังความสามารถของแต่ละราย และเซ็นหนังสือรับสภาพหนี้ โดยต้องจ่ายค่าไฟเดือนใหม่ตามเวลาที่กำหนด เพื่อให้หนี้เก่าหมดไป และหนี้ใหม่ก็จะไม่เกิด และให้จ่ายผ่านบัญชีธนาคารเพื่อความสะดวก ซึ่งในการงดจ่ายไฟของลูกค้าแต่ละราย ทางการไฟฟ้าให้โอกาสประชาชนหลายครั้ง แต่ขอให้เดินทางเข้าพบและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ เพื่อขอผ่อนผันได้

อย่างไรก็ตาม หากไม่ดำเนินการตามข้อตกลงผ่อนผัน ก็จำเป็นในการงดจ่ายไฟ และอนาคตหากคิดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร เชื่อว่าจะมียอดหนี้ค่าไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้นอีกมาก ด้านการไฟฟ้าเองก็มีภาระเพิ่มมากขึ้น ทั้งค่าใช้จ่ายในส่วนของจ้างผู้รับจ้างในการแจ้งเตือนแต่ละครั้ง ในการทำเอกสารประกอบการงดจ่ายไฟ และในการทำเอกสารประกอบการฟ้องร้อง ซึ่งมีรายใหญ่ ๆ ที่เป็นยอดเงินสูงจำนวนหลายล้านบาท และอยู่ในระหว่างบังคับคดีก็หลายราย