ยายพยุงตัดใจขายทอง พร้อมไปอยู่บ้านพักคนชรา หลังถูกไล่ออกจากบ้าน - หลานขอคืนเงิน 3 ล้าน ให้เรื่องจบ

ยายพยุงขายทรัพย์สินติดตัวเตรียมพร้อมไปอยู่บ้านพักคนชรา ด้านหลานสาวให้ทนายติดต่อยื่นข้อเสนอขอคืนเงิน 3 ล้านบาท แล้วจบเรื่องทั้งหมด แต่ยายไม่ตกลง ยืนยันจะขอคืนเงินทั้งหมดที่เคยให้

กรณีคุณยายพยุง อายุ 90 ปี ถูกหลานสาว (ลูกของน้องสาว) และหลานเขย หิ้วปีกไล่ออกจากบ้านอย่างไร้เยื่อใย เพราะถูกหลานหลอกว่าเงินเก็บในบัญชีธนาคารของยายที่มี 3 ล้าน 5 แสนบาท มันเยอะ เก็บไว้ในธนาคารบัญชีเดียวมันไม่ดี เดี๋ยวธนาคารจะล้ม ให้ยายถอนเงินออกมาแปะไว้ที่บัญชีเหลนชายเหลนสาว

ซึ่งยายเองก็เป็นคนโสด ไม่มีสามี ไม่มีลูก มีพี่น้อง 9 คน เสียชีวิตไปหมดแล้ว เหลือยายเพียงคนเดียว แต่เดิมเป็นชาวนาที่ฉะเชิงเทรา ต่อมาก็ย้ายมาอยู่กับลูกของน้องสาว คือ หลานสาวและหลานเขย ก็ช่วยเลี้ยงเหลนสาวและเหลนเขย ซึ่งเป็นลูกของทั้งคู่ ยายรักมากตั้งใจจะให้เงินคนละ 1 ล้านบาทอยู่แล้ว โดยจะเหลือใส่บัญชีตัวเอง 1 ล้าน 5 แสนบาท เพื่อใช้ในยามบั้นปลาย

จึงตัดสินใจถอนเงินใส่บัญชีเหลน ตามที่หลานสาวแนะนำ แต่สุดท้ายยายกลับพบว่า สมุดบัญชีของยายไม่มียอดเงิน 1 ล้าน 5 แสนบาท แต่กลับไปอยู่ในบัญชีของเหลนสาว 2 ล้าน 5 แสนบาท และบัญชีเหลนชาย 1 แสนบาท เมื่อถามหลานสาวเรื่องเงินในบัญชี รวมถึงเรื่องทองที่ยายฝากหลานไว้ กลับไม่ได้รับคำตอบ แถมหลานสาวยังไม่พอใจ หาเรื่องไล่ยายออกจากบ้าน กระทั่งเมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา หลานสาวและหลานเขยได้หิ้วปีกยายออกมาจากบ้าน และสั่งว่าห้ามกลับเข้ามาที่บ้านหลังนี้อีก ไม่เช่นนั้นจะแจ้งตำรวจให้มาจับ

ยายเคว้งคว้างมาก ไม่รู้จะไปไหน ก่อนจะนึกถึงเพื่อนบ้านเก่าที่ชื่อ ยายสุ จึงเรียกรถแท็กซี่ให้มาส่งที่บ้านยายสุ ที่ย่านไทรม้า อำเภอเมืองนนทบุรี โดยมีทรัพย์สินเหลือติดตัวมา คือ สร้อยคอทองคำหลายเส้น รวมน้ำหนัก 8 บาท เข็มขัดนากหนัก 10 บาท และชุดสร้อยทองประดับพลอย สร้อยข้อมือประดับ พลอยแหวนเพชรประดับพลอย ส่วนเสื้อผ้ารวมทั้งยาประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นยาความดัน เบาหวาน และเงินสดอีก 100,000 บาท ที่อยู่ในบ้านหลานสาวกับหลานเขย ยายไม่ได้นำออกมาด้วย

สุดท้ายยายพยุงเกรงใจยายสุ เพราะอยู่บ้านเขามาหลายวันแล้ว ไม่อยากทำให้เขาเดือดร้อน จึงติดต่อผู้สื่อข่าวให้ช่วยหาบ้านพักคนชราให้ พร้อมยืนยันว่า หัวเด็ดตีนขาด ก็จะไม่ไปอยู่กับหลานสาวแล้ว เพราะเขาไล่ยายออกมา ทำให้ยายเสียใจมาก

เมื่อวานนี้ยายสุ และป้านี ที่ช่วยดูแลคุณยายพยุง ได้เรียกผู้สื่อข่าวไปช่วยเป็นพยาน นับทรัพย์สินที่ติดตัวยายมาจำนวนหนึ่ง โดยในสมุดเก็บนามบัตร มีช่องพลาสติก คุณยายได้เก็บแบงค์พันใหม่ ๆ ไว้ช่องละ 20,000 บาท มี 4 ช่อง รวมเป็นเงิน 80,000 บาท ขณะที่ในกระเป๋าหิ้วใบเล็ก ๆ สีแดง มีแบงค์พันใหม่เอี่ยม อีก 3 ปึก ๆ ละ 100,000 บาท รวม 380,000 บาท ซึ่งคุณยายได้ขอให้ผู้สื่อข่าวช่วยนำเงินจำนวนนี้ไปเข้าธนาคารให้

ล่าสุดเช้าวันนี้ ยายพยุงได้ติดต่อขอให้ผู้สื่อข่าว พาไปขายทองรูปพรรณที่มีติดตัวทั้งหมด ทั้งสร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือ และเข็มขัดนาก เพราะคิดว่าตัวเองอายุมากแล้ว คงไม่มีความจำเป็นที่ต้องเก็บไว้ ผู้สื่อข่าวและป้านี จึงช่วยกันประคองยายพยุง ไปร้านรับซื้อทอง ที่ท่าน้ำปากเกร็ด เมื่อเจ้าของตรวจสอบแล้ว ได้รับซื้อทั้งหมดไว้เป็นเงิน 651,754 บาท คุณยายได้ตัดสินใจขาย พร้อมนำเงินทั้งหมดฝากธนาคาร ทำให้ตอนนี้คุณยายมีเงินในบัญชีประมาณ 1 ล้านบาท

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปสอบถามความจริงอีกด้าน จากหลานสาวและหลานเขยของยายพยุง จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อไป เมื่อไปหาที่บ้านพบว่า ทั้งคู่ไม่อยู่บ้าน

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา มีผู้ชายคนหนึ่ง อ้างตัวเป็นทนายความของหลานสาวและหลานเขยยายพยุง โทรติดต่อมาหาผู้สื่อข่าว พร้อมบอกว่า หลานสาวและหลานเขยจะขอคืนเงิน 3 ล้านบาทให้กับคุณยาย เพื่อขอให้จบเรื่องทั้งหมด ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามยายพยุงว่า จะรับข้อเสนอนี้หรือไม่ คุณยายพยุงไม่ยอมรับ โดยบอกว่า อยากได้เงินคืนทั้งหมด 5 ล้านบาท เป็นเงินที่โดนหลอกไป 3 ล้าน 5 แสนบาท ส่วนอีก 1 ล้าน 5 แสนบาท เป็นเงินที่ยายช่วยออกค่าดาวน์คอนโดมิเนียมให้ ตอนนี้ยายเจ็บช้ำมาก ไม่อยากให้อะไรอีกแล้ว

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/zxUHwggSIrQ