ผบ.ตร.เผยเปิดศูนย์ฯ มา 4 วัน รับเรื่องร้องเรียนแล้ว 69 เรื่อง พร้อมแบ่งงานกับสำนักพุทธฯ ตรวจสอบพระสงฆ์

เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (17 ก.ค.68) มีการประชุมร่วมกัน เพื่อกำหนดแนวทางป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดที่ส่งผลกระทบต่อพระพุทธศาสนา ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยมีพลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นาย อินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และนายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช./ป.ป.ท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม นานกว่า 2 ชั่วโมง

จากนั้นนายอินทพร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เดินออกมาขึ้นรถตู้ แต่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ บอกเพียงว่าการประชุมครั้งนี้เรียบร้อยดี ยอมรับว่ามีปัญหาจริง ตอนนี้หลายหน่วยงานพยายามแก้ปัญหาอยู่ ไม่เคยหมกเม็ด และกับตำรวจก็ไม่มีความขัดแย้งกันอย่างแน่นอน ส่วนรายละเอียดให้ ผบ.ตร. ชี้แจง



จากนั้นพลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ เดินลงมาให้แถลงข่าว บอกว่าการแก้ไขปัญหานี้ต้องให้หลายหน่วยงานทำงานบูรณาการร่วมกัน เพราะมีพระหลายรูปเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาฯ ขึ้นมาเป็นการเฉพาะกิจ พอเปิดศูนย์มาได้ 3-4 วัน มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาแล้ว 69 เรื่อง หลังจากนี้จะยกระดับให้เป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดตั้งทีมงานให้ชัดเจน เพื่อส่งเสริมและทำนุบำรุงศาสนา เพราะเป็น 1 ใน 3 เสาหลักของประเทศ



ในการทำงานต้องแบ่งหน้าที่กันให้ชัดเจน สำนักพุทธตรวจสอบว่าวัดไหนบุคคลใดไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และแนวทางที่วางไว้ ก็จะผิดเรื่องวินัยสงฆ์ หากพบผิดทางอาญาตำรวจจะดำเนินคดี หรือหากต้องตรวจสอบเรื่องเงินก็จะเป็นหน้าที่ของ ปปง. ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท.



นักข่าวถามว่า กรณีที่พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ บิ๊กเต่า เคยให้สัมภาษณ์ว่า ทำงานกับสำนักงานพระพุทธศาสนา ทำให้งานล้มเหลวตลอด ทำให้ตำรวจเหนื่อย แบบนี้ถือว่า เจ้าหน้าที่ พศ.เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะไม่จริงจังในการเอาผิดกับพระที่ทำผิดวินัยสงฆ์หรือไม่



ผบ.ตร. บอกว่า ถ้าจะกล่าวหาเจ้าหน้าที่ พศ. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ต้องมีหลักฐาน ไปกล่าวหาลอยๆ ไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังไม่พบ และในเรื่องนี้ไม่มีใครผิดพลาด สาเหตุที่เกิดขึ้นเพราะพระสงฆ์บางรูปที่ประพฤติไม่เหมาะสม ทำให้คนคิดว่าเจ้าหน้าที่รัฐให้การช่วยเหลือช่วยเหลือ ซึ่งไม่จริง



ผบ.ตร.บอกด้วยว่า การประชุมในครั้งนี้ได้ย้ำกับบิ๊กเต่าในเรื่องของการพูด การให้ข้อมูล การสื่อสารแล้ว เพราะอาจจะกระทบกับบุคคลที่ 3 ทั้งหน่วยงาน พระ เจ้าหน้าที่ หากพูดแรงจะทำให้เสียกำลังใจในการทำงาน แต่ก็เข้าใจได้ เพราะบิ๊กเต่าเป็นคนที่ตั้งใจทำงาน ซึ่งเจ้าตัวก็เข้าใจ และยังเดินหน้าทำงานต่อ



พร้อมยืนยันหากพบพระกระทำผิดไม่มีละเว้นแน่นอน หากพบผิดทางอาญาจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด ไม่มีช่วยเหลือ หลังจากนี้ก็ยังมีการตรวจสอบพระชั้นผู้ใหญ่รูปอื่นอีก แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนที่เรียกร้องว่าให้พระแสดงบัญชีทรัพย์สิน เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ต้องพิจารณา เพราะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/E_uh7aD93FA