สังคม

ยิ่งกว่าละคร! ผัวเมียร้องถูกญาติแจ้งความ กลั่นแกล้งให้ติดคุก ก่อนสวมชื่อซื้อประกัน วางแผนฆ่าจัดฉากหวังฮุบ 120 ล้าน

โดย panisa_p

8 พ.ค. 2568

699 views

สองสามีภรรยาร้อง เพจต้นอ้อเป็นหนึ่งว่า ถูกญาติของตัวเองแจ้งความกลั่นแกล้งให้ติดคุกและสวมชื่อไปซื้อประกันชีวิต ก่อนวางแผนฆ่าและจัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุ หวังฮุบเงินประกัน 120 ล้านบาท



ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ได้พูดคุยกับสองสามีภรรยาคู่นี้ โดยฝั่งภรรยา คือนางสาวพัชรวรินทร์ หรือคุณอุ๊ เล่าให้ฟังว่า เธอเองทำธุรกิจปล่อยเงินกู้ร่วมกับลูกพี่ลูกน้องชื่อ พิมพ์พันธุ์และฐากร ตั้งแต่ปี 2550 ต่อมา 2559 ธุรกิจเกิดมีปัญหา เธอไม่สามารถเก็บเงินจากลูกหนี้ได้ เธอและสามีจึงถูกลูกพี่ลูกน้องแจ้งความฐานร่วมกันฉ้อโกง ทั้งที่ตัวสามีไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำธุรกิจตรงนี้ แต่สุดท้ายมีการไกล่เกลี่ยและทำสัญญายอม ซึ่งเธอและสามีไม่ทราบว่าการทำสัญญายอม ก็คือการยอมรับสารภาพ รับโทษทางอาญา กระทั่ง 29 เมษายน 2563 ศาลจังหวัดพิมายได้พิพากษา จำคุกเธอและสามี 24 เดือน เธอและสามีจึงต้องติดคุกที่เรือนจำกลางนครราชสีมาตั้งแต่นั้นและพ้นโทษเมื่อ 4 มกราคม 2564



หลังพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน เธอก็โดนหมายจับของ สภ.บ้านฉาง จังหวัดระยอง อีกรอบ โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยและยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าไปทำความผิดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอและสามีจึงต่อสู้มาตลอด จนทราบว่า หมายจับครั้งนี้ออกมาในระหว่างที่เธอยังรับโทษอยู่ในเรือนจำ ซึ่งเธอและสามีไม่ได้ก่อเหตุอะไรเลย ทางอัยการตรวจสำนวนและพบความผิดปกติจึงสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบทำสำนวนใหม่อีกรอบแล้วสุดท้ายสั่งไม่ฟ้องในคดีดังกล่าว



ในระหว่างที่เธอและสามีต่อสู้คดีต่างๆกับ พิมพ์พันธุ์และฐากร มีตัวละครอีก 1 คนชื่อ "วัชรี" ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันกับเธอและพิมพ์พันธุ์ด้วย ซึ่งเธอและวัชรีก็ร่วมทำธุรกิจปล่อยเงินกู้ด้วยกันอีกวงและเกิดปัญหาให้ลักษณะเดียวกัน ซึ่งวัชรีโกรธเธอมาก แต่ไม่ฟ้องร้องเธอ แต่กลับมาทำดีด้วย จนเธอและสามีพ้นโทษออกมา วัชรี ก็อาสายื่นมือมาช่วยให้เธอและสามีมีงานทำ มีรายได้ จึงชักชวนเธอและสามีให้ทำธุรกิจรับจำนำรถ เธอและสามีตอบตกลง



ทางวัชรีจึงบอกให้สามีของเธอไปหาบ้านที่มีที่ดินสำหรับจอดรถที่ลูกค้ามาจำนำ ซึ่งเธอและสามีก็ทำตาม ขับรถตระเวนหาบ้านเช่า จนได้บ้านเช่าหลังหนึ่งในจังหวัด ศรีสะเกษ ต่อมาวัชรีบอกว่าจะให้นายบอย และนางสาวแตง เป็นคนประสานงานต่อเรื่องการเช่าบ้าน หลังจากนั้นมีการนัดแนะกับนายบอยเพื่อไปดูบ้านหลังจริง ซึ่งในวันดังกล่าว เธอต้องให้นมลูกที่เพิ่งคลอดมาได้เดือนเศษจึงไม่ได้ไปกับสามีด้วย



ซึ่งวันนั้นสามีไปกับนายบอย 2 คน จนกระทั่งช่วงหัวค่ำได้รับแจ้งว่า สามีประสบอุบัติเหตุถูกรถชน ซึ่งในเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นมีข้อพิรุธหลายอย่าง ที่ทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นการจัดฉากเพื่อให้ดูว่าเป็นอุบัติเหตุ และหลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้นสามีเธอรอดตายปาฏิหาริย์ เธอและสามีจึงมาคุยกันว่าจะทำประกันชีวิต และทำประกันอุบัติเหตุต่างๆไว้ให้กับลูก ปรากฏว่าโทรศัพท์ไปสอบถามที่บริษัทประกันแห่งหนึ่ง ( AIA ) ขอเจ้าหน้าที่ คีย์เลขบัตรประชาชน 13 หลักของสามีเธอ ปรากฎพบว่ามีชื่อสามีการทำประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุไว้แล้ว หลายฉบับ วงเงินหลายสิบล้านบาท



เธอก็ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่าสามีเธอไม่ได้เป็นคนทำประกันชีวิตดังกล่าว เพราะ ในระหว่างที่มีการทำประกันชีวิตนี้เธอ และสามีติดคุกอยู่ในเรือนจำ ซึ่งตอนนั้นเธอยังไม่ สงสัยว่า วัชรีเป็นคนเอาชื่อสามีไปทำประกันชีวิต



จนกระทั่งมีการนัดไปวัดแห่งหนึ่งเพื่อทำบุญและวัชรีวางกระเป๋าไว้ในรถซึ่งในกระเป๋ามีสมุดบัญชีธนาคารจำนวนหลายเล่มเธอเข้าใจว่าวัชรีน่าจะนำสมุดธนาคารมาทำพิธีให้พระเจิมเพื่อความเป็นสิริมงคล แต่เธอเหลือบไปเห็นเอกสารบางอย่างในกระเป๋าเป็นเอกสารของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และพอเธอหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่า เป็นใบเสร็จรับเงินเป็นการตรวจสุขภาพของสามีที่โรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว ซึ่งสามีเธอไม่เคยไปตรวจที่โรงพยาบาลแห่งนี้เลย แต่เธอก็เก็บความสงสัยยังไม่กล้าถาม วัชรี จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมานาน



และเธอมาเจอหลักฐานการแชทสนทนาระหว่างวัชรีกับแฟนหนุ่ม ซึ่งวัชรีแคปหน้าจอส่งมาให้เธอเพื่อจะบอกว่า ทะเลาะกับแฟนหนุ่ม แต่วัชรีลืมอ่านข้อความบางอย่างไปซึ่งเป็นประโยคที่แฟนหนุ่มของวัชรีบอกว่า "คงเป็นเวรกรรมที่มึงสั่งฆ่าไอ้โต้ง "ซึ่งไอ้โต้งที่ว่านี้ก็คือสามีของเธอ



หลังจากนั้นเธอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องและ โทรศัพท์ไปสอบถามบริษัทประกันภัยเกือบทุกบริษัท ปรากฎว่ามีชื่อของเธอและสามีทำประกันไว้ รวมกัน 2 คนไม่ต่ำกว่า 50 ฉบับ ส่วนใหญ่เป็นประกันอุบัติเหตุและทุนประกันรวมกว่า 120 ล้านบาท



ซึ่งเธอมั่นใจว่าทั้ง 50 ฉบับเธอและสามีไม่ได้เป็นคนทำ เพราะขณะนั้นเธอและสามียังรับโทษอยู่ในเรือนจำ และที่น่าตกใจกว่านั้น บางบริษัทที่มีการทำประกัน ตัวแทนคนที่ขายประกันก็คือ พิมพ์พันธุ์และสามี ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเธอและเป็นโจทก์ฟ้องเธอในตอนแรกด้วย ทำให้เธอคิดว่าทั้งหมดนี้อาจจะเป็นการวางแผนฆ่าเธอและสามี แต่จัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุเพื่อหวังเงินประกัน



นายธนาญวัฒน์ หรือ นายโต้ง สามีของอุ๊ บอกว่า ตามที่ตกลงกันกับ วัชรี ว่าหลังจากทำธุรกิจรับจำนำรถร่วมกัน ตนจะมีหน้าที่คอยเฝ้าบ้านเช่าและรถยนต์ของลูกค้าที่มาจำนำ , ตนและนายบอย จึงมีการเดินทางไปดูบ้านเช่าดังกล่าวในจังหวัด ศรีสะเกษ และถ่ายรูปรายงานให้กับวัชรีทราบเพื่อยืนยันและเตรียมที่ทำสัญญาเช่าซื้อกัน โดยในวันดังกล่าว ตนและนายบอยอยู่ด้วยกันจนถึงเย็น จึงชวนกันไปทานข้าวที่ร้านอาหารระเบียงไม้เพราะบอยบอกว่าต้องรอเพื่อนอีกคนนึง



ซึ่งตนเริ่มผิดสังเกต เพราะเวลาบอยสั่งอาหารหรือ เบียร์มาทานจะจ่ายเงินทันที ซึ่งปกติ เวลาคนไปทานอาหารที่ร้านก็จะทานให้เสร็จก่อนค่อยจ่ายทีเดียว แต่นายบอยกลับสั่งและจ่ายเลย เหมือนเตรียมพร้อมที่จะกลับหรือวางแผนอะไรบางอย่าง แต่ตนไม่ได้ทักท้วง กระทั่งบอยบอกว่า เพื่อนไม่มาแล้วรออยู่โรงแรม ตนและนายบอยจึงแยกย้ายกันกลับ ระหว่างที่กลับ ตนพบความผิดปกติอีก เพราะสังเกตเห็นว่ามีรถกระบะ 4 ประตูสีดำ จอดสตาร์ทเครื่องไว้ ซึ่งรู้สึกแปลกๆ แต่ตนก็คิดว่าอาจจะรอรับใครหรือเปล่า จึงไม่ได้สนใจ ตนขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ซึ่ง LINE บอกภรรยาไว้ก่อนแล้วว่าไม่เกิน 30 นาทีถึงบ้าน



แต่พอขับมาได้สักพัก ตนสังเกตเห็นรถกระบะ สีดำคันดังกล่าว ขับตามตนมาอย่างเร็ว และ ชนเข้ากับรถของตนอย่างจัง ทำให้ตนหมดสติมาฟื้นอีกทีคือชาวบ้านมามุงให้ความช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาล ตนต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 3 วัน



หลังจากนั้นก็ผิดสังเกต เพราะหลังจากเกิดอุบัติเหตุ บอยขาดการติดต่อกับตนไปเลยตั้งแต่วันนั้น กระทั่ง 2 อาทิตย์ต่อมาตนกลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน ก็มีผู้ชายคนหนึ่ง ท่าทางแปลกๆทำตัวลึกลับ สวมชุดวอร์ม ใส่หมวก ใส่แมส เดินวนเวียนอยู่แถวบ้านของตน ตนจึงตามไปดูใกล้ๆ พอชายคนดังกล่าวเห็นตนก็ทำท่าตกใจ ซึ่งตนจำได้ดีทั้งลักษณะการเดินแววตา ว่านั่น คือ นายบอย ซึ่งตนไม่ทราบเหตุผลว่านายบอย มาทำอะไรแถวบ้านตนในท่าทางลับๆล่อๆ



แต่เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นทำให้ตนจับเรื่องราวปะติดปะต่อหาพยานหลักฐานต่างๆจนทำให้เชื่อได้ว่า มีการวางแผนร่วมกันเป็นขบวนการเพื่อที่จะฆาตกรรมตนและภรรยา แต่จัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุเพื่อหวังเงินประกัน ซึ่งมีชื่อวัชรีเป็นผู้รับผลประโยชน์ โดยเขียนความสัมพันธุ์ว่า เป็นภรรยาของตนด้วย ซึ่งเท่าที่ตนสืบหาข้อมูลมาได้เฉพาะ บริษัทประกันชั้นนำ และเฉพาะของตนมีไม่ต่ำกว่า 27 ฉบับ ตนยืนยันว่า ตนไม่เคยทำประกันชีวิตหลักล้านเพราะไม่มีปัญญาหาเงินมาส่งเบี้ยและประกันแต่ละตัว ส่วนของภรรยาไปค้นเจอ 19 ฉบับ ซึ่งภรรยาก็ไม่เคยทำประกันชีวิตดังกล่าวนี้เลย




รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/4HmH0ghLoPo

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ฮุบเงินประกัน ,จัดฉากฆ่า

คุณอาจสนใจ

Related News