สังคม

เปิดใจญาติ 2 ฝ่าย ตบสนั่นหน้ารพ. หลังหนุ่ม 18 ทำสาว 15 ท้อง วันคลอดยังเคลียร์ไม่จบ

โดย panwilai_c

24 ธ.ค. 2567

50 views

โลกโซเชียลมีการแชร์คลิปเหตุการณ์ที่ผู้หญิง 2 คน ตบกันนัว บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ อำเภอเมืองนครสวรรค์ โดยมีข้อมูลระบุว่า ฝ่ายหนึ่งเป็นแม่ของสาววัย 15 ปี และอีกฝ่ายเป็นพี่สาวของหนุ่มวัย 18 ปี ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มาเยี่ยมสาว 15 ที่มาคลอดลูกที่โรงพยาบาลดังกล่าว แล้วเกิดมีปากเสียงกระทบกระทั่งกัน จนมีบุรุษพยาบาลมาเห็นเหตุการณ์ และเข้าห้ามปราม ก่อนจะประสานให้ตำรวจมารับตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเหตุการณ์ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.10 น. ของวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อมูล ก่อนจะทราบตัวหญิงสาวที่ปรากฏอยู่ในคลิปทั้ง 2 ราย โดยฝ่ายเสื้อแดงมุมขวา คือ น.ส.อรอนงค์ อายุ 28 ปี ส่วนฝ่ายเสื้อขาว คือ น.ส.พัชรี  อายุ 42 ปี ทั้งคู่เป็นชาว อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จึงได้มีการติดต่อพูดคุยกับ น.ส.พัชรี ฝ่ายเสื้อขาว เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ได้รับการเปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุ ตนได้ไปเยี่ยมและอยู่เฝ้าลูกสาวคนเล็ก วัย 15 ปี ที่ต้องพักฟื้นหลังจากคลอดลูกอยู่ในโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ส่วนหญิงฝ่ายคู่กรณี ก็ได้มาเยี่ยมลูกสาวตนด้วยเช่นกัน แต่เขามาในฐานะเป็นพี่สาวของฝ่ายชาย ที่มาทำลูกสาวคนเล็กของตนท้อง

"จุดเริ่มต้น มันเกิดจากการที่ฉันจะเอาเรื่องดำเนินคดีกับฝ่ายน้องชายของคู่กรณี ในข้อหาพรากลูกสาวคนเล็กก่อนวัยสมควร แต่ฝ่ายหญิงคู่กรณีก็ได้มีการมาขอร้องว่าอย่าเอาเรื่องน้องชายเขา พร้อมกับขอยื้อด้วยการขอเวลาในการเก็บเงินเก็บทอง เพื่อมาทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือกันเป็นเรื่องเป็นราวอย่างจริงจัง แต่ในห้วงเวลานี้ ฉันก็เริ่มมีเรื่องกระทบกระทั่งกับฝ่ายหญิงคู่กรณีมาตลอด

ซึ่งส่วนใหญ่ จะโดนพูดจากระแนะกระแหน แต่ที่รับไม่ได้สุดๆ คือการมาผลัดวันประกันพรุ่ง ขอเลื่อนนัดให้น้องชายมาทำพิธีผูกข้อมือลูกสาวตามประเพณี โดยอ้างว่า เงินยังไม่พร้อม จะขอทำงานรับจ้างอีกสักระยะหนึ่งก่อน จนกระทั่ง ลูกสาวของฉันถึงกำหนดคลอด ก็จะมาเจรจาขอเอาเด็กไปเลี้ยงดู แต่ไม่ยอม จนสุดท้ายมาเกิดเหตุการณ์ตบตีกันขึ้นที่โรงพยาบาล แต่ขอยืนยันว่า ฉันเป็นฝ่ายเสียหายที่ถูกกระทำ"

น.ส.พัชรี ได้โชว์รอยบาดแผลฟกช้ำตามร่างกายหลายแห่ง และเปิดรอยแผลแตกที่ศีรษะให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกับระบุว่า ขณะนั้น เป็นช่วงหมดเวลาเยี่ยมลูกสาว ตนจึงเดินทางกลับบ้านพร้อมกับลูกสาวคนโต แต่เมื่อลงจากตึกมาถึงที่ด้านหน้าโรงพยาบาล จู่ๆ ก็มาพบกับหญิงฝ่ายคู่กรณีที่มาดักรอตน ซึ่งได้มีความพยายามจะให้ตนออกไปหาข้างนอกโรงพยาบาล เพื่อพูดคุยเจรจาในเรื่องขอเด็กของลูกสาวไปเลี้ยงดูอยู่ที่บ้านของเขา แต่ตนรู้สึกกลัวจะไม่ปลอดภัย เพราะทางฝ่ายนั้น มีการพาเพื่อนมาด้วย 3 คน

จึงพยายามบ่ายเบี่ยงไม่พูดคุย จนเกิดการยื้อยุดแล้วถูกฝ่ายคู่กรณีลงมือทำร้ายตามที่ปรากฏในคลิป โดยมีลูกสาวคนโตบันทึกคลิปเหตุการณ์เอาไว้เป็นหลักฐานก่อนมีการไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ และทางตำรวจจะมีการเรียกคู่กรณีให้มาพบกับพนักงานสอบสวนในวันจันทร์ที่จะถึงนี้

ซึ่งตนจะใช้โอกาสดังกล่าว ไปแจ้งความผิดกับน้องชายของเขา ในข้อหาพรากผู้เยาว์ด้วยอีกคดี เพราะในช่วงที่ถูกตบชุลมุน ทางฝ่ายนั้น ได้มีการพูดท้าทายให้ไปแจ้งความ พร้อมกับบอกว่า จะไม่มีการผูกข้อไม้ข้อมือเนื่องจากได้ให้น้องชายของเขาหลบหนีไปอยู่ที่อื่นแล้ว

ทั้งนี้ ในเวลาต่อมา ผู้เสื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของฝ่าย น.ส.อรอนงค์ ในพื้นที่หมู่ 4 ต.บ้านมะเกลือ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เพื่อสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน ซึ่งเธอก็ได้เปิดใจยอมรับว่า น้องชายของเธอไปพรากผู้เยาว์ลูกสาวของ น.ส.พัชรี จนท้องจริง แต่มันเกิดจากการสมัครใจคบหากันทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ไดมีการไปบังคับข่มชืน ส่วนการที่เธอต้องออกมาช่วยเหลือน้องชายไม่ให้ถูกดำเนินคดีนั้น น.ส.อรอนงค์ ระบุว่า รู้สึกสงสารและเป็นห่วงอนาคตของน้องชาย เพราะอายุเพิ่ง 18 ปี จึงไปพูดขอร้องกับอีกฝ่ายไม่ให้เอาเรื่องก่อนจะมีการเจรจากัน ในการทำพิธีผูกข้อมือตามประเพณี โดยฝ่ายหญิงคู่กรณี ได้มีการเรียกเงิน 1 แสน พร้อมกับทองอีก 2 บาท

น.ส.พัชรี ยังเปิดเผยด้วยว่า ครอบครัวตนก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร และยังมีลูกอีกคนที่ต้องเลี้ยงดู ซึ่งตนก็มีอาชีพรับจ้างทำการเกษตรทั่วไปเท่านั้น แต่ก็ยอมรับว่าเป็นห่วงน้องชาย จึงพยายามเก็บเงินเอาไว้ส่วนหนึ่ง ในการช่วยเหลือน้องชาย แต่สุดท้ายก็ไม่ไหว จนต้องมีการไปพูดคุยไกล่เกลี่ยกันอีกครั้งเพื่อขอเลื่อนพิธีออกไปก่อน ซึ่งทางฝ่ายคู่กรณี ได้มีการยื่นข้อเสนอแลกเปลี่ยน โดยขอให้ครอบครัวของฝ่ายคู่กรณี ที่มีทั้งสามี ลูกสาว 2 คน รวมถึงแฟนของลูกสาวคนโต ย้ายเข้าไปอาศัยรวมอยู่ในบ้านของตนด้วย ซึ่งตนก็ยินยอม แต่ปรากฏว่า ในช่วงที่ครอบครัวนี้มาอาศัยอยู่ที่บ้านไปวันๆ พวกเขาก็ไม่ช่วยทำงานทำการอะไรเลย มีแต่จ้องจะล้างผลาญ และขอเงินใช้อยู่เรื่อยๆ ซึ่งตนก็ทนไม่ไหวจริง เพราะนอกจากจะมีการขอเงินตนใช้แล้ว ยังอยู่ถลุงค่าไฟต่อเดือนกว่า 3 พันบาทด้วย มันจ่ายไม่ไหวจริงๆ จึงตัดสินใจอันเชิญให้ครอบครัวนี้ย้ายกลับไปอยู่บ้านของเขา

หลังจากนั้น ก็เกิดมีเรื่องกระทบกระทั่ง พูดจาถากถางเชือดเฉือนบาดอารมณ์กันเรื่อยมา แต่ที่ยอมรับไม่ได้และโกรธมากที่สุด ก็เพราะวันหนึ่ง ในขณะที่ตนพาลูกไปส่งโรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการไตวาย จู่ๆ ทางหญิงคู่กรณีก็ได้โทรศัพท์เข้ามา ซึ่งตนก็บอกไปแล้วว่า กำลังยุ่งต้องพาลูกไปโรงพยาบาล แต่กลับถูกอีกฝ่ายพูดจาปากคอเราะร้ายมาด่าแช่งลูกว่า "ไอ้เด็กจังไรแบบนี้ ปล่อยให้มันตายไปเถอะ" จึงทำให้รู้สึกโกรธสะสมเรื่อยมา จนกระทั่ง ถึงวันเกิดเหตุ ที่ตนเดินทางไปเยี่ยมลูกสาวของเขา ซึ่งก็พยายามจะขอเจรจาในการขอเด็กแรกเกิดมาเลี้ยงที่บ้าน เนื่องจากรู้สึกเป็นห่วงเรื่องที่อยู่อาศัย แต่อีกฝ่ายกลับไม่ขอเจรจาอะไร และจ้องแต่ขู่จะเอาเรื่องครอบครัวตนฝ่ายเดียว เลยกลายเป็นชนวนเหตุทำให้ต้องมีการไปดักเจอก่อนที่จะมีเหตุการณ์ทะเลาวิวาทกันเกิดขึ้น เพราะถูกอีกฝ่ายผลักอกก่อน แต่ก็ยอมรับโดยดีว่า รู้สึกผิดที่ไปมีเรื่องภายในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

เมื่อถามถึงน้องชาย น.ส.พัชรี กล่าวยอมรับว่า นอกชายได้เดินทางออกจากบ้านไปหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าไปไหน แต่ก่อนไปก็ได้มีการมาพูดบ่นกับครอบครัวว่ารู้สึกกังวลหากถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาพรากผู้เยาว์ ส่วนในวันพรุ่งนี้ ตนก็มีการเดินทางไปพบกับพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายต่อไป



https://youtu.be/z4yJ9-i9x5k

คุณอาจสนใจ

Related News