เหยื่อเปิดใจ โกรธ ‘7 ตำรวจ’ มากกว่าเก๋งแดงแหกด่าน แหล่งข่าวเผย บางรายไม่มีชื่อในด่าน

เปิดใจเหยื่อถูก 7 ตำรวจรุมกระทืบ ยอมรับโกรธตำรวจมากกว่าคนขับเก๋งแดงขับแหกด่าน ไม่ติดใจเพราะเป็นคนละกรณีกัน แต่ขอว่าอย่าเมาแล้วขับหรือทำผิดกฎหมายอีก ด้านแหล่งข่าวใน บก.จร. เผยตำรวจยศ ร.ต.อ. ไม่มีชื่อตั้งด่านแต่แรก

วันนี้ทีมข่าวอาชญากรรมได้โทรศัพท์พูดคุยกับนาย ธนานพ เกิดศรี ผู้บาดเจ็บ ถึงกรณีที่ชายที่ขับรถฝ่าด่านตรวจจะเข้ามาขอโทษ เขาบอกว่า ขอบคุณที่จะเข้ามา แต่ในข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันไม่เกี่ยวกัน การที่ นายธนายุทธ เข้ามารับผิดในคดีฝ่าด่านตรวจ ก็เป็นส่วนคนละคดีกับที่เขาโดนตำรวจทำร้าย และส่วนตัวเชื่อว่าถ้าคืนนั้นตำรวจตามจับ นายธนายุทธ ได้ก็น่าจะโดนทำร้ายเช่นเดียวกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใครและกรณีใดก็ตาม ตำรวจก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปทำร้ายประชาชน ควรจะจับกุมหรือปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

สำหรับอาการบาดเจ็บยังคงเจ็บที่หน้าอกและซี่โครง ดวงตายังคงมีสีแดงแต่เริ่มมีสีขาวแทรกเข้ามาบ้าง ส่วนเรื่องการมองเห็นเริ่มชัดเจนขึ้น แต่ยังคงมองเห็นเป็นจุดซ้อนอยู่ อาการโดยภาพรวมดีขึ้นมากตามลำดับ

ขณะที่พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี พ่อของผู้บาดเจ็บ บอกว่า ไม่ได้ติดใจอะไรขอรับคำขอโทษผ่านสื่อ และขอฝากเป็นอุทาหรณ์ไม่ว่าจะเป็นคนขับรถแหกด่านคนดังกล่าวและประชาชนทั่วไปว่า ในสังคมปัจจุบัน ทุกคนรู้หมดว่าใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร หากรู้ว่าผิดก็ควรรับผิด ไม่ควรหนี เพราะมิเช่นนั้นจะถูกพิพากษาจากสังคมได้และไม่มีทางหนีทั้งกฎหมายกับสังคมได้พ้น กรณีเมาแล้วขับก็ขอเตือนเป็นอุทาหรณ์ว่า หากดื่มไม่ควรขับรถ

ส่วนที่เพจดาวแปดแฉกลงภาพเอกสารบันทึกข้อความ ส่งตัวข้าราชการตำรวจกลับต้นสังกัด รายของ ร้อยตำรวจเอก ทวีพงษ์ ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ผู้ต้องหาที่ร่วมกันทำร้าย นายธนานพ ในหนังสือบันทึกข้อความระบุว่า ร้อยตำรวจเอก เข้ารับการอบรมหลักสูตรสารวัตรรุ่นที่ 258 ประจำปีงบประมาณ 2568 ระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ถึง 24 มกราคม 2568 แต่เนื่องจากถูกแจ้งความร้องทุกข์ฐานร่วมกันทำร้ายประชาชนจึงส่งตัวกลับต้นสังกัด วันที่ 6 ธันวาคม 2567

พันตำรวจโท ธนชัย ตั้งข้อสังเกตว่า ตามระเบียบแล้วตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ถึง 24 มกราคม 2568 ร้อยตำรวจเอก ทวีพงษ์ ต้องไปเข้ารับการอบรมหลักสูตรสารวัตร ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในสังกัดกองบังคับการตำรวจจราจรอีก และต้องย้ายไปสังกัดกองบัญชาการศึกษา แต่ทำไมยังมาตั้งด่านได้ ซึ่งการจะออกมาปฏิบัติหน้าที่อื่นใด ต้องได้รับอนุญาตจากกองบัญชาการศึกษาก่อนหรือไม่ และใครมีคำสั่งให้ออกมาตั้งด่าน

พร้อมยอมรับว่ากังวลว่านี่จะเป็นข้อต่อสู้ที่ทำให้ร้อยตำรวจเอกคนนี้ หลุดพ้นจากข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 หรือไม่ อาจจะทำให้สำนวนคดีอ่อนลงและเกรงว่าจะไม่เกิดความเป็นธรรม

นอกจากนี้ พันตำรวจโท ธนชัย ตั้งข้อสังเกตว่า หัวหน้าด่านที่แท้จริงในวันเกิดเหตุ เป็นนายตำรวจยศ พันตำรวจโท ชื่อเล่นว่า แม็ค ทำไมในการตั้งคณะกรรมการสอบสวนของ บก.จร. จึงไม่ปรากฏชื่อของสารวัตรแม็คถูกสอบสวนด้วย เพราะเป็นหัวหน้าด่าน ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้

ทีมข่าวอาชญากรรม ช่อง 3 ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ในกองบังคับการตำรวจจราจรหรือ บก.จร. ระบุว่า จากกรณีที่ร้อยตำรวจเอกซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายลูกตำรวจ ถูกส่งไปอบรมสารวัตรตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ทว่ามาทำงานที่ด่านต้นเรื่องในช่วงระหว่างอบรม ยืนยันว่าร้อยตำรวจเอกคนดังกล่าวนั้นขาดจากต้นสังกัดเดิมแล้วตามคำสั่งหนังสือส่งตัวไปอบรมและไม่ปรากฏชื่อเป็นนายตำรวจที่อยู่ในด่านแต่อย่างใด รวมทั้งไม่มีอำนาจหน้าที่เป็นรองหัวหน้าด่านด้วย

ส่วนที่ปรากฏตัวที่ด่านในคืนเกิดเหตุนั้น เป็นเพราะร้อยตำรวจเอกคนนี้มาที่ด่านด้วยตนเอง เพื่อมาช่วยติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ภายในด่าน จึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นตำรวจผู้รับผิดชอบในด่านแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าร้อยตำรวจเอกคนนี้จะไม่มีอำนาจหน้าที่ในด่านตามแผนการตั้งด่าน แต่การที่ร้อยตำรวจเอกคนนี้ได้ออกไปติดตามจับกุมคนที่แหกด่านจนนำมาสู่เหตุการณ์ดังกล่าว ถือว่าเป็นอำนาจหน้าที่โดยปกติของเจ้าพนักงานตำรวจทุกฝ่ายที่มีหน้าที่ต้องสกัดจับกุมคนร้ายตามกฎหมาย ไม่ว่าจะอยู่ในเวรหรือไม่ก็ตาม ดังนั้น เรื่องดังกล่าวจึงไม่กระทบกับการตั้งข้อหาร้อยตำรวจเอกคนนี้ตามมาตรา 157 แต่อย่างใด

ส่วนประเด็นข้อสงสัยว่า ทำไมไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยพันตำรวจโทหรือสารวัตรที่เป็นหัวหน้าด่านนั้น แหล่งข่าวระบุว่า เนื่องจากโดยหลักแล้วจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบวินัยนายตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดทางอาญาก่อน นั่นก็คือนายตำรวจทั้ง 7 นาย ซึ่งหลังจากนี้หากสอบสวนแล้ว พบว่าสารวัตรหัวหน้าด่านอาจเข้าข่ายเพิกเฉยหรือมีส่วนสั่งการให้ใช้ความรุนแรง ก็จะดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยต่อไปยังสารวัตรหัวหน้าด่าน ซึ่งเรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการกำชับลงมาแล้ว แต่ถ้าหากพบว่าการกระทำของนายตำรวจทั้ง 7 นาย เป็นการกระทำส่วนบุคคล ก็ไม่เกี่ยวข้องกับนายตำรวจหัวหน้าด่านแต่อย่างใด

สำหรับเรื่องกล้อง Body cam ที่เป็นประเด็นว่ายังไม่ส่งมอบให้กับทางพนักงานสอบสวน สน.บางเขน นั้น แหล่งข่าวระบุว่า อยู่ในระหว่างการรวบรวมภาพกล้องดังกล่าวอยู่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ได้ภายในสัปดาห์หน้า

https://youtu.be/EDKjAOXRBYs