สังคม
'สนธิ' ท้าชน 'ทนายตั้ม' เตรียมแฉปมฉ้อโกงเงิน 71 ล้าน เพจดังจี้ 'เศรษฐีนี' แจงข้อเท็จจริง
โดย paweena_c
24 ต.ค. 2567
2.6K views
ทนายตั้ม ลั่นไม่ใช่ทนายสายโจร ทนายสีเทา เปิดเส้นทางการเงินครั้งแรก ยืนยันรวยมาจากลูกความให้เงิน 71 ล้านบาท สนธิฝากถึงทนายตั้ม “ผมเกี่ยวอะไรด้วย” ย้ำข่าวเปิดโปงคดีฉ้อโกง 71 ล้าน เป็นการทำหน้าที่สื่อมวลชน ด้านเพจดังจี้ 'เศรษฐีนี' แจงปมให้เงิน 71 ล้าน
เมื่อวานนี้รายการโหนกระแส ได้เชิญ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขามูลนิธิทีมงานทนายประชาชนมาร่วมรายการ
โดยในช่วงหนึ่งของรายการ พี่หนุ่มได้ถาม ทนายตั้ม ษิทรา ว่าการเป็นทนายก็อาจจะได้เงินไม่ได้มากอะไรจะมีเงินขนาดบินเฟิร์สคลาสจนทำให้ถูกเรียกว่าเป็นทนายสายโจรทนายสีเทาใส่แบรนด์เนมอวดชีวิตร่ำรวยเป็นอย่างนั้นหรือไม่
ทนายตั้ม กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ที่ว่าตนเองเป็นทนายสีเทา ที่ผ่านมาตอนทำออฟฟิศ ษิทรา ลอว์เฟิร์ม รายได้ผม 1 ปี ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งผมก็แจงภาษีครบหมด ส่วนที่เห็นผมไปต่างประเทศบ่อยผมไปกับลูกความซึ่งลูกความเป็นมหาเศรษฐีอยู่ต่างประเทศเป็นคนไทยอยู่ต่างประเทศมีเงินเยอะมาก แต่ไม่ขอลงรายละเอียดเงินที่จ่ายให้ตนเป็นเงินเล็กๆน้อยๆสำหรับเขา
ช่วงปีที่ผ่านมาเขาให้ผมดูแลธุรกิจของเขาในประเทศไทยทุกอย่าง และดูแลสิ่งที่มีปัญหาในต่างประเทศด้วย และให้เงินเดือนผม 3 แสนบาท ต่อมาเราเริ่มสนิทกัน เขาให้ทุน โดยให้เงินผมมาก้อนหนึ่ง เคยให้มา 2 ล้านยูโร หรือประมาณ 70 ล้านบาทซึ่งเป็นเรื่องปกติของเขา เพราะเขารวยมาก
เขาเคยให้เงินล่าม 1 ปี 1 ล้านยูโร ทำบุญทีเป็น 10 ล้าน เขาก็โอนเงินมาให้ผมโดยตรง ซึ่งปกติโอนเงินจากต่างประเทศ จะต้องหักไป 40% แต่เขาทำโปรเจคขึ้นมา เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษี 40% โดยเงินก้อนนี้เป็นเงินที่เขามีโชคได้มา
โดยเส้นทางการเงินสามารถตรวจสอบได้ เป็นการให้โดยเสน่หา ตอนที่ถ่ายรูปลูกจะไปเรียนต่างประเทศ เพราะเขาซับพอร์ตให้ เวลาไปหาเขาก็ไปทั้งครอบครัว เขาเอ็นดูลูกผม
จากกรณีดังกล่าว นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก 'คุยทุกเรื่องกับสนธิ' ถึงประเด็นทนายตั้ม อมเงิน 71 ล้าน หลอกลูกความให้ลงทุนแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ เจ้าตัวอ้างให้โดยเสน่หา ระบุข้อความ
"นักธุรกิจสาวอดีตลูกความ "ทนายตั้ม-ษิทรา" แจ้งความทนายดัง "ฉ้อโกง" ฮุบเงิน 71 ล้าน! เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม "หวยออนไลน์" เจ้าตัวร้อนตัวรีบชิงออกสื่ออ้างได้มาโดยเสน่หา
แหล่งข่าวเชื่อถือได้เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า เมื่อเร็วๆ นี้นางสาวจตุพร อุบลเลิศ นักธุรกิจสาวที่มีกิจการในต่างประเทศและในไทยในฐานะผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรปากช่องจังหวัดนครราชสีมา โดยแจ้งข้อกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดังฉ้อโกง
ทั้งนี้ ทนายความผู้เสียหายได้ให้ปากคำถึงพฤติการณ์ของทนายตั้ม โดยเริ่มจากผู้เสียหายได้ว่าจ้าง บริษัทษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้มเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยทำสัญญาตกลงว่าจ้างกันเดือนละ 300,000 บาท
หลังจากที่ว่าจ้างกันแล้วก็ไปมาหาสู่ดูแลกันฉันมิตรจนเกิดความไว้วางใจและเชื่อใจต่อตัวทนายตั้มและภรรยา ผู้เสียหายได้ดูแลการเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับท่องเที่ยวของทนายตั้มและครอบครัวหลายต่อหลายครั้ง
นายษิทรายังเคยพาผู้เสียหายไปเจอกับนักการเมืองระดับประเทศที่ฮ่องกง และ เคยบอกว่า สามารถเอาโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลมาลงทุนเพื่อแสวงหากำไรได้รวมถึงสัมปทานกับหน่วยงานราชการอื่นๆ โดยนายษิทรากล่าวอ้างว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่หรือนักการเมืองหลายคน
ต่อมาเมื่อปลายปี 2565 ต่อเนื่องต้นปี 2566 นายษิทรามาบอกกับผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งมาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ซึ่งทนายตั้ม อ้างว่า รับปากกับผู้ใหญ่ไว้แล้วสามารถทำได้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีเงินลงทุนจึงมาปรึกษาผู้เสียหายว่าหากตัวเขาได้ทำธุรกิจนี้จะทำให้สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้
นักธุรกิจสาว เห็นว่า การขายสลากออนไลน์เป็นโอกาสจึงซักถามถึงวิธีการและขอทราบรายละเอียดอื่นๆ
ทนายษิทราได้อธิบายว่า หากจะทำจะต้องมี แอปพลิเคชั่น และ รายละเอียดอื่นๆ เช่น โปรแกรม และ ระบบ โดยตัวเองรู้จักผู้เชี่ยวชาญที่พัฒนาเว็บไซต์และระบบโปรแกรม
ผู้เสียหายหลังจากได้ปรึกษาครอบครัวเห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็ตรงกับความตั้งใจของผู้เสียหายที่จะลงทุนอะไรสักอย่างไว้เอาไว้ให้บุตรชายจึงตอบตกลงจะทำหวยออนไลน์และให้ทนายตั้มไปติดต่อว่าจ้างโปรแกรมเมอร์และให้ทำรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรมาซึ่งทนายตั้มตอบตกลง
ต่อมาก็ได้นำสัญญาใบเสนอราคามาให้ผู้เสียหายดู และผู้เสียหายได้ลงนามในสัญญาเรียบร้อย ทนายตั้มก็รับปากว่าจะดำเนินการตามสัญญา
ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าจ้างเขียนแบบโปรแกรมให้กับคู่สัญญาแต่ในวันดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการโอนเงินได้เนื่องจากเป็นเวลาที่ธนาคารปิดทำการแล้วจึงนัดทนายตั้มให้มาดูแลจัดการโอนชำระเงิน แต่นายษิทราก็ไม่ได้บอกกล่าวรายละเอียดกับผู้เสียหายว่าต้องโอนชำระให้คู่สัญญาภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จึงนัดมาดำเนินการโอนเงินในวันรุ่งขึ้นคือ 16 กุมภาพันธ์ 2566
ต่อมาในวันดังกล่าวเมื่อทนายตั้มเดินทางมาถึงธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัส ปากช่อง ได้บอกกับผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่ตัวเองก่อนเขาจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง พร้อมกับเจรจาตกลงกับคู่สัญญาถึงปัญหาดังกล่าวเอง
โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่อง ในชื่อนายษิทธา เบี้ยบังเกิด ขึ้นมาเพื่อโอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหายไปยังบัญชีของทนายตั้ม เป็นจำนวน 71 ล้านบาทเศษ
หลังจากที่จ่ายเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมไปแล้วผู้เสียหายก็ได้ติดตามความคืบหน้าการซื้อระบบโปรแกรมสลากออนไลน์จากทนายตั้มเรื่อยมา แต่ได้รับคำตอบว่ายังทำไม่แล้วเสร็จ จึงเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้ในเวลาต่อมาผู้เสียหายได้ยกเลิกสัญญาจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม เป็นที่ปรึกษา โดยมีหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างที่ปรึกษา ลงวันที่ 25 มกราคม 2567
จนกระทั่งวันที่ 1 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดการส่งมอบงานตามสัญญา ฝ่ายผู้เสียหายยังไม่ได้รับการตอบรับหรือรับมอบระบบโปรแกรมตามสัญญา ดังนั้นในวันที่ 8 กันยายน 2567 ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ทนายติดตามทวงเงินจำนวน 71 ล้านบาทคืนจากทนายตั้ม
ทนายตั้มได้รับหนังสือดังกล่าวแต่เมื่อถึงกำหนดเวลาให้คืนเงินตามหนังสือทวงหนี้ทนายตั้มก็ไม่ได้คืนเงินให้กับผู้เสียหายและไม่ได้ติดต่อกลับมา จึงมอบอำนาจให้ทนายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาอย่างถึงที่สุด
ขณะเดียวกัน เจ้าของผู้พัฒนาระบบหวยออนไลน์ที่มีชื่อเรียกว่า "นาคี" ซึ่งเป็นลูกความว่าจ้างบริษัทษิทราฯ เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และ เป็นคู่สัญญากับผู้เสียหายหรือนักธุรกิจสาว ให้การเป็นพยานยืนยันว่า บริษัทตนเองพัฒนาโปรแกรม "นาคี" เพื่อเสนอขายระบบให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไป โดยตั้งราคาขายไว้ที่ 20 ล้านบาท ซึ่งราคานี้รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องสแกนล็อตเตอรี่เข้าระบบตู้เซฟที่เก็บลอตเตอรี่รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เมื่อซื้อไปแล้วสามารถใช้งานได้ทันที
แต่ช่วงที่พัฒนาแล้วเสร็จปรากฏว่า บรรดาแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ อาทิ มังกรฟ้า สลากพลัส ถูกทางการตรวจสอบ จึงทำให้ไม่กล้าทำการตลาดหรือเปิดตัวแนะนำ จึงนำเรื่องมาปรึกษาทนายตั๊ม ได้รับคำตอบว่า รอให้เรื่องเงียบค่อยทำการตลาดเพื่อเปิดตัวนาคี จากเหตุการณ์นี้ทำให้ทนายตั้มรู้ว่าบริษัทฯ มีระบบโปรแกรมนาคีอยู่ในครอบครอง
ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ทนายตั้มได้นัดให้บริษัทผู้พัฒนานาคีไปที่ร้านอาหารในห้างสยามพารากอนและทนายตั้มได้บอกว่าหานายทุนที่จะมาซื้อระบบโปรแกรมนาคีได้แล้วจึงให้ไปเตรียมสัญญาจ้างเขียนและพัฒนาโปรแกรมเอาไว้ 2 ชุดโดยทนายตั้มบอกว่า จะทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ซื้อด้วยตนเองเพราะต้องลงชื่อและสั่งกำชับไม่ให้ติดต่อกับนายทุนผู้ซื้อโดยตรง
ต่อมาทนายตั้มบอกให้นำสัญญาที่ลงลายมือชื่อเอามามอบให้เขาโดยที่เขาจะส่งมอบสัญญาและให้อีกฝ่ายลงชื่อ แต่หลังจากที่มอบสัญญาให้ทนายตั้ม ทนายคนดังก็ไม่เคยส่งคู่ฉบับสัญญากลับคืนและไม่มีความคืบหน้าใดๆ ของโครงการเกิดขึ้น
จนเมื่อถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการชำระเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมตามสัญญา บริษัทก็ไม่ได้รับการชำระเงินจากคู่สัญญาแต่อย่างใด จึงโทรหาทนายตั้มเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายษิทราตอบกลับมาว่า ลูกค้ายกเลิกโครงการแล้วโดยที่ไม่บอกกล่าวให้เจ้าของแพลตฟอร์มนาคีให้ทราบมาก่อน
ดังนั้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 จึงพากันเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแก่งคอย บันทึกรายงานประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าบริษัทไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขตามสัญญา
ในตอนแรก บริษัทเจ้าของ "นาคี" ไม่ทราบว่านายทุนได้ชำระเงินแล้วต่อมาได้ทราบว่า นักธุรกิจสาวได้จ่ายเงินค่าจ้างตามสัญญาให้กับทนายตั๊ม 71 ล้านบาทแต่นายษิทราไม่ได้นำเงินมาจ่ายให้กับบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมดังกล่าว"
ทนายตั้ม โฟนอินในรายการ เจาะลึกทั่วไทย อินไซต์ไทยแลนด์ พร้อมย้ำว่า เศรษฐนีโอนเงินให้ 71 ล้านบาทจริง
กรณีดังกล่าว ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขามูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ได้โฟนอิน ในรายการเจาะลึกทั่วไทย ทางช่อง 9 MCOT ของคุณดนัย หรือหมาแก่ โดยทนายตั้ม กล่าวว่า สำหรับเงิน 2 ล้านยูโร ลูกความที่ร่ำรวยจากโชค ซึ่งถูกลอตเตอรี่ต่างประเทศได้เงินเกือบ 1 หมื่นล้านบาท โดยถูกแบบดับเบิ้ล พร้อมอธิบายว่าลูกความคนนี้เป็นหญิงไทยที่แต่งงานกับชาวต่างชาติอยู่ฝรั่งเศส ซึ่งจะเข้ามาทำธุรกิจในไทย โดยก่อนหน้านี้ได้จ่ายเงินให้ตนเดือนละ 3 แสนบาท ให้ดูแลเรื่องสัญญาต่างๆ ในกิจการที่จะทำ ตนจะดูแลให้หมดทำสัญญาซื้อขายกันเป็นหลัก 100 ล้านบาท
ภายหลังตนกับเลขาฯของลูกความ มีความไม่เข้าใจกัน ตนกับลูกความได้มีโอกาสคุยกันเมื่อต้นปี ซึ่งเขาบอกเราเหมือนพี่น้องกันเขาไม่อยากให้เงินเดือนตนแล้ว ตนจึงขอเงิน 1 ก้อน เพื่อดูแลครอบครัวและทำธุรกิจ ซึ่งตนยังคงดูแลเรื่องต่างๆ ให้ ซึ่งตนขอเงิน 2 ล้านยูโร เพื่อมาทำธุรกิจ ลูกความก็ตกลงให้ง่าย ๆ เขาบอกว่าไม่เยอะ ก็โอนมาให้ง่าย ๆ
ทนายตั้ม บอกอีกว่า ถ้าเขาโอนมาให้จากต่างประเทศ จะต้องเสียภาษี 40% เพราะเป็นเงินถูกลอตเตอรี่ ตนจึงให้จ่ายเงินผ่านโปรเจคที่จะทำและให้เขานำเอกสารไปให้ทางฝรั่งเศส และปี 2566 ก็โอนเงินมาให้ตน
ขณะที่คุณดนัย หรือฉายาหมาแก่ ก็ถามว่า ได้บอกลูกความหรือไม่ว่าเงินที่ได้มาจะเอาไปทำแพลตฟอร์มขายหวยออนไลน์ ทนายตั้มบอกว่า ทำหลายอย่าง หนึ่งในนั้นที่จะทำคือขายหวยออนไลน์ ซึ่งเป็นการให้เงินเพื่อให้ผมทำธุรกิจของผม ไม่ใช่มาร่วมลงทุน และสัญญาก็เป็นสัญญาที่ให้ฝรั่งเศส ดูเพื่อไม่ต้องเสียภาษี 40% ซึ่งเป็นสัญญาว่าจ้างพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์
จากนั้น ทนายตั้ม ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ "พี่สนธิลงข่าวว่าผมฉ้อโกงเงิน 71 ล้าน พนันกันไหมใครหน้าแหก ดื่มเยี่ยว 71 แก้ว"
สนธิฝากถึงทนายตั้ม “ผมเกี่ยวอะไรด้วย” ย้ำข่าวเปิดโปงคดีฉ้อโกง 71 ล.ทำหน้าที่สื่อมวลชน
“สนธิ” ถาม “ทนายตั้ม” ผมเกี่ยวอะไร กรณีสื่อเครือผู้จัดการนำเสนอข่าวนักธุรกิจสาวแจ้งความฉ้อโกง 71 ล้าน ยันไม่ได้เป็นคู่กรณีทั้งสิ้น เผยเคยบอกลูกน้องไปแล้ว ให้รอคดีมาถึงส่วนกลางก่อนค่อยลง
กระทั่งวันจันทร์โทร.มาพยายามขอเข้าพบ ก่อนไปออกโหนกระแสแล้วอาละวาด ย้ำทำหน้าที่สื่อเจ้าเดียวที่กล้าพูด ปรับคิวรายการใหม่จัดข้อมูลชุดใหญ่ศุกร์นี้ (25 ต.ค.)
วันนี้ (24 ต.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ Sondhitalk กล่าวถึงกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ปรากฎเป็นข่าวบนสื่อในเครือผู้จัดการ ทั้งเว็บไซต์และหนังสือพิมพ์ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ถูกนักธุรกิจสาวซึ่งเป็นอดีตลูกความรายหนึ่ง มอบหมายให้ทนายความแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ในข้อหาฉ้อโกง หลังจากให้ลงทุนแพลตฟอร์มลอตเตอรี่ออนไลน์ แต่ไม่ส่งมอบงานตามสัญญา และทราบภายหลังว่านายษิทราไม่ได้นำเงินมาจ่ายให้กับบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรม เสียหายเป็นจำนวนเงิน 71 ล้านบาท หลังการนำเสนอข่าว ถูกนายษิทราโพสต์ข้อความว่า “พี่สนธิลงข่าวว่าผมฉ้อโกงเงิน 71 ล้าน พนันกันไหมใครหน้าแหก ดื่มเยี่ยว 71 แก้ว”
นายสนธิ กล่าวว่า "เป็นเรื่องด่วน วันสองวันที่ผ่านมา ผมถูกพาดพิงโดยคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่เขาเรียกว่าทนายตั้ม ทนายแบรนด์เนม หรือผู้ชมในรายการโหนกระแส ของนายกรรชัย กำเนิดพลอย คอมเมนต์ว่า ทนาย 888 แปลว่าอะไรผมก็ไม่รู้ เรื่องทั้งหมดนี้ผมกำลังงงอยู่ ผมไม่ได้เป็นคู่กรณีเลยแม้แต่นิดเดียว ข่าวที่ลงไปเป็นข่าวที่ทีมงานเขามีข้อมูลอยู่แล้ว แล้วผมก็มีข้อมูลตั้งนานแล้ว ผมไม่ได้สนใจด้วยเรื่องนี้ งานที่ผมจะทำเพื่อชาติบ้านเมืองมีเยอะแยะไปหมด
แต่นายตั้มมาพาดพิงผม ผมก็เลยเอ๊ะ มันเกิดอะไรขึ้น ก็ในเมื่อเขาเรียกร้องให้ผมจัดให้เขา ผมก็จะจัดให้เขาวันศุกร์นี้ (25 ต.ค.) ท่านผูัชมครับ อย่าพลาดที่จะมาดู เพราะว่าคนสติแตกเนี่ย ทำอะไรผิดพลาดไปหมด ท่านผู้ชมหลับตาวาดภาพดูซิ ผมไปเกี่ยวอะไรด้วย ผมทำหน้าที่ ลูกน้องผมทำหน้าที่เป็นสื่อมวลชน แล้วก็สื่อมวลชนเจ้าเดียวที่กล้าพูด เดิมทีก็ไม่มีเรื่องราวที่จะลงกัน ไม่ใช่ว่าไม่มี มี แต่เขาไม่ลงกัน เพราะเขาจะรอให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปถึงจุดๆ หนึ่งก่อน ตอนนี้ตำรวจรับแจ้งความไปแล้ว ผมก็รีบไปบอกเขาเลยว่า เฮ้ย ใจเย็นๆ เดี๋ยวรอ ได้ข่าวว่าเขาจะขอย้ายคดีมาส่วนกลาง เมื่อส่วนกลางเขารับคดีแล้วค่อยลงก็ได้
ปรากฎว่านายตั้มพยายามโทร.หาผมเมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) ขอพบด่วนวันพุธ (23 ต.ค.) เขาพูดอย่างนี้ครับ เขาบอกว่า พี่สนธิกับผมเนี่ยมีอะไรเข้าใจผิดกัน ผมก็เฮ้ย เรื่องอะไร พี่ไม่เคยเข้าใจผิด พี่เข้าใจตั้มถูกมาตลอดว่าตั้มเนี่ยเป็นคนของโจ๊ก (พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.) ตั้มทำทุกอย่างเพื่อปกป้องโจ๊ก แต่ว่าผมเผอิญช่วงนี้ผมเป็นประธานกฐินทุกอาทิตย์ ผมยุ่งไม่มีเวลา เอาเป็นว่าวันพุธนี้เจอไม่ได้หรอก คือเมื่อวานนี้ แต่ผมจะบอกเวลาให้ก็แล้วกัน ถ้าผมพร้อมจะเจอ วงเล็บนะ ผมย้ำนะถ้าผมพร้อมจะเจอ แค่นั้นเอง แล้วหลังจากนั้นเลย เขาติดต่อผมไม่ได้ปั๊บ เกิดอะไรขึ้นไหม วันพุธเขาไปออกโหนกระแส เขาก็พูดเรื่องนี้ทันทีเลย แล้วหลังจากนั้นเขาก็ออกมาอาละวาดใส่ผม แม้กระทั่งเขาแคปลงไปในคอมเมนต์ เขาเรียกผมไอ้ลิ้ม จากพี่สนธิเป็นไอ้ลิ้ม ไม่เป็นไรฮะ เรียกผมไอ้เหี้ยลิ้มก็ได้ ผมไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น
ผมก็เลยว่า เฮ้ย ไอ้เด็กคนนี้มันเด็กเมื่อวานซืน แล้วก็เป็นทนายที่ไม่มีราคาสำหรับผมเลยแม้แต่นิดเดียว เอ้า ในเมื่อมันเด็ก มันท้าตีท้าต่อยผมที่รู้เรื่องข้อมูลทุกอย่าง ผมก็เลยตัดสินใจ วันศุกร์นี้ (25 ต.ค.) จะเปิดให้หมดว่าข้อเท็จจริงมันเป็นยังไง ท่านผู้ชมอย่าลืมรอฟังนะ แล้วคุณษิทรา คุณก็อย่าลืมรอฟังล่ะ ในเมื่อคุณเรียกร้องให้ผมจัดให้คุณ ผมจะจัดให้คุณเอง เดิมทีผมไม่มีรายการนี้เลยนะ ในคิวของที่จะออกวันศุกร์นี้ ผมปรับคิวใหม่เลย แล้วผมเอาข้อมูลที่ผมมีอยู่ ตลอดจนข้อคิดของผมหลายอย่าง เอามาหงายให้ดู
ท่านผู้ชมครับ อย่าลืมนะฮะ คุณษิทรากรุณาดูด้วยนะ เพราะว่าคุณจะต้องมีคำตอบอีกเยอะนะ ผมจะถามคำถามคุณอีกมากเลยนะคราวนี้นะ เขาเรียกว่าคุณแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง ผมนั่งเฉยๆ ผมไม่ได้เป็นคู่กรณีคุณนะ ไม่เกี่ยวเลย แล้วจู่ๆ คุณมาด่าผมอย่างนู้น อย่างนี้ อย่างนั้น เอ๊ะ ผมไปทำอะไรคุณวะ ถ้าคุณคิดว่าข้อมูลไม่จริง คุณก็ฟ้องมาสิ หนังสือพิมพ์ ออนไลน์ คุณก็ฟ้องมาสิ แต่คุณมาใช้ปากของคุณ แล้วผมก็ดูคอมเมนต์ที่เขาคอมเมนต์เรื่องเกี่ยวกับคุณ รายการโหนกระแส ถ้าคุณษิทรารู้ตัวดี คุณษิทราต้องรู้ เนี่ย ประชาชนเขาดูถูกเหยียดหยามคุณมากนะ อย่างน้อยใน 100 คนเนี่ย มี 90 กว่าคนเขาไม่เชื่อสิ่งที่คุณพูดกับกรรชัยเป็นความจริง
วันศุกร์นี้พลาดไม่ได้นะครับ รับรองสนธิจะจัดใหญ่ไฟไหม้บ้านให้เลย ให้กับทนายแบรนด์เนม ษิทรา เบี้ยบังเกิด"
เพจดังยืนยันเดินหน้าสู้ทนายตั้ม โพสต์ปม 71 ล้านบาท พร้อมเรียกร้องให้คุณอ้อย ลูกความที่โอนเงินให้ทนายตั้ม 71 ล้านบาท ออกมาพูดข้อเท็จจริงทั้งหมด
ล่าสุดทีมข่าวเที่ยงวัน ทันเหตุการณ์ ได้พูดคุยกับ เจ้าของเพจออยศรีว่า ในส่วนของที่ลูกความของทนายตั้มมีการให้เงิน 71 ล้านตนยังไม่ทราบรายละเอียดและไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ตนได้เห็นแค่ใบแจ้งความบางส่วนเท่านั้น ไม่ได้เห็นข้อความทั้งหมด ซึ่งตนก็อยากฝากไปถึงทางคุณอ้อย (ลูกความทนายตั้ม) และเลขาฯของคุณอ้อย ให้ออกมายืนยันข้อเท็จจริงในส่วนนี้
ส่วนคดีความที่มีการฟ้องร้องกับทนายตั้มทางเพจออยศรีฯยืนยัน ว่าไม่มีการถอนแจ้งความและจะไม่มีการกลับไปคืนดีกับทนายตั้ม เหมือนคุณอัจฉริยะ แน่นอน
นอกจากนี้ตนและทนายความเตรียมที่จะดำเนินคดีกับโบว์ศรีที่ไปนั่งแถลงข่าวร่วมกับทนายตั้มเมื่อวานนี้ด้วยเนื่องจากมีการพูดพาดพิงทำให้ตนและเพจได้รับความเสียหาย
แท็กที่เกี่ยวข้อง ทนายตั้ม ,สนธิ ลิ้มทองกุล ,เปิดโปงคดีฉ้อโกง