ดรามาหมู่บ้านหนวกหู 'เสียงนกหวีดหน้ารร.' นิติแจงมีลูกบ้านร้องเพียง 1 หลัง เข้าพูดคุยไม่ติดใจแล้ว

ปมดรามาในโลกออนไลน์ โรงเรียนย่านคลองสามวา ถูกหมู่บ้านชื่อดังร้อง เป่านกหวีดเสียงดัง เสียสุขภาพจิต ขอให้ใช้ไฟสัญญาณแทน แต่ศิษย์เก่าโต้ โรงเรียนอยู่มาก่อน 30 ปี ทำไมตอนซื้อไม่คิด ล่าสุดทางนิติบุคคลหมู่บ้านแจงแล้ว ไร้ปัญหา ให้เป่านกหวีดได้ตามปกติ ทำหนังสือถึงเพียงขอความร่วมมือ

จากโพสต์ ที่ประธานนักเรียนรุ่น 17 ระบุ ในเฟซบุ๊ก ส่วนตัว ถึงปัญหาชุมชนกับโรงเรียน ย่านคลองสามวา ว่า "โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนา มานานกว่า 30 ปี ผลิตเด็กให้มีความรู้ความสามารถ เป็นผู้ใหญ่ในอนาคตนับไม่ถ้วน ช่วยดูแลอย่างดี"

ปมปัญหาคือ คุณครู "เป่านกหวีด" จัดการจราจร เพื่อป้องกันเกิดอุบัติเหตุ ในช่วงเช้าและเย็น ให้รถหยุดและไป ซึ่งผู้โพสต์บอกว่า เป็นสิ่งที่โรงเรียนทำดีและทำถูกต้อง แต่กลับโดนหมู่บ้านร้องเรียน การใช้นกหวีด เสียงดัง ทำให้เสียสุขภาพจิต ให้เปลี่ยนไปใช้สัญญาณไฟแทน

ผู้โพสต์ระบุว่า ก่อนจะซื้อบ้าน ก็น่าจะทราบดีว่าอยู่ติดกับโรงเรียน ซึ่งจะมีเสียงรบกวน ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นในช่วงเปิดเทอม ทั้งนี้ ได้โพสต์ภาพโรงเรียน ที่อยู่ท่ามกลางทุ่งนา

ส่วนโพสต์ เป็นศิษย์เก่าอีกราย ที่โพสต์ภาพ เปรียบเทียบให้เห็นว่า โรงเรียนเมื่อปี 2561 ยังไม่มีหมู่บ้าน พอมาปีนี้ 2566 มีหมู่บ้านเดี่ยวมาอยู่ติดกับโรงเรียน พร้อมข้อความว่า โรงเรียนตั้งมาก่อนหมู่บ้านเกือบ 30 ปี ..อย่าลืมว่า มันคือ เขตโรงเรียน ความปลอดภัยหน้าโรงเรียนต้องมาเป็นอันดับแรก ยังไงก็ขอให้หาพื้นที่ตรงกลางให้ได้ จะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ในโพสต์นี้ มีคุณครูมาเสนอแนะว่า เสียงนกหวีดจะหายไป โดยให้ปิดถนนข้างโรงเรียน กลับไปใช้เส้นทางเดิม เหมือนเมื่อก่อน วนขวาไป ไม่มีถนนตรงนี้ เราก็อยู่ได้ นักเรียนข้ามถนนได้ปลอดภัย ครูไม่ต้องเป่านกหวีด เพื่อลดแรงกระแทกของผู้พักอาศัยเพียงคนเดียว แต่เขาต้องตอบสังคมให้ได้ ว่าต้องการเช่นนั้นไหม

คุณครูท่านนี้ ยังระบุด้วยว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีการก่อสร้างโรงเรียนได้รับผลกระทบ เรื่องรถบรรทุกที่เข้ามาถมดิน ในโครงการ โรงเรียนไม่เคยร้องเรียน เลือกที่จะเงียบและปรับตัวเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลง

ทีมข่าวลงพื้นที่โรงเรียน พบว่า รั้วโรงเรียนอยู่ห่างกับรั้วของหมู่บ้าน ประมาณ 8 เมตรเท่านั้น สอบถามเบื้องต้นกับคุณครูเวรประจำโรงเรียน ให้ข้อมูลว่า วันนี้ผู้อำนวยการโรงเรียนไม่อยู่ ติดภารกิจภายนอก และไม่ได้มอบหมายให้ใครให้ข้อมูลในเรื่องนี้

ส่วนวันนี้ที่โรงเรียนเป็นช่วงสอบกลางภาค แบ่งสอบกับหยุดอ่านหนังสือ ในแต่ละชั้นเรียน จึงหยุดเป่านกหวีดในช่วงนี้ คุณครูบอกว่า ข่าวที่เป็นประเด็นดรามาในโลกออนไลน์นั้น ในความจริงแล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน โรงเรียนกับหมู่บ้านอยู่กันด้วยดีตลอดมา การทำหนังสือของหมู่บ้านเป็นเพียงการขอความร่วมมือจากลูกบ้านเพียง 1 หลังเท่านั้น

เดิมโรงเรียนจะเป่าหนกหวีด ช่วงเวลาจราจรหนาแน่น รถเยอะ เช้าเวลา 6 ถึง 7 โมงครึ่ง และเย็น 2 โมงครึ่ง ถึง 3 โมง แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ลดเสียงการเป่าลง

ทีมข่าวได้โทรศัพท์สอบถาม นิติบุคคลของหมู่บ้าน บอกตรงกันว่า หมู่บ้านกับโรงเรียนไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน อยู่กันด้วยดีตลอดมา การขอความร่วมมือให้โรงเรียนลดการใช้นกหวีดลง เป็นเพียงความต้องการ ของลูกบ้านเพียงหลังเดียว การมีข่าวดรามาออกไป ทำให้ลูกบ้านคนอื่นๆ กลายเป็นจำเลยของสังคม ถูกโจมตีไปด้วย ดังนั้นจึงอยากให้สังคมเข้าใจ และจบดรามาเรื่องนี้ว่า ลูกบ้านหลังอื่น ๆ ไม่ได้มีปัญหา และบ้าน 1 หลัง นั้น ล่าสุด ก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว ซึ่งโครงการได้ทำความเข้าใจกับลูกบ้านหลังนี้แล้ว

ล่าสุดทางโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงการใช้นกหวีดว่า จุดที่เป่านกหวีด เป็นทางสามแยกและนักเรียนมาจากหลายทิศทาง ต้องข้ามถนนและสุ่มเสี่ยงอันตราย ทั้งนี้ การอยู่ร่วมกันของโรงเรียนและชุมชนโดยปราศจากความขัแย้งเป็นสิ่งสำคัญ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบ ใช้สัญญาณมือหรือธงสีในการอำนวยความสะดวกจราจร และใช้นกหวีดเท่าที่จำเป็น เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียน

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/bPQ9JSf0DqA