สังคม
ครูประจำชั้นเผย 'นายตั้ม' ลูกเฮียโต สมัยเรียนติดหรู หัวอ่อนไม่ทันคน วอนศิษย์ออกมาพูดความจริง
14 ก.พ. 2566
2.8K views
ครูประจำชั้น วอนลูกชายเฮียโต ออกมาพูดความจริง ขณะที่ ทนายเดชา ออกระบุ ว่าเรื่องนี้ระวังโอละพ่อ รอให้ลูกชายและลูกสะใภ้ออกมาชี้แจง
วานนี้ (14 ก.พ. 66) ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้น บ้านพ่อตา และแม่ยาย อยู่ในพื้นที่ตำบลบางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ที่เฮียโต หรือที่ก่อนหน้านี้ข่าวมีการนำเสนอในนามสมมุติว่า 'เฮียหมู' ผู้เสียหาย ระบุว่าเป็นจุดที่ถูกนำตัวมากักขังและเมียก็เสียชีวิตที่นี่ ซึ่งเป็นการกักขังรอบที่สอง หลังจากที่รอบแรกหลานสาวไปช่วยออกมาได้ ก็ถูกสะใภ้นำตัวมาขังไว้ที่นี่อีก
เมื่อตำรวจมาถึงก็แสดงหมายขอตรวจค้น พบว่า ภายในรั้วบ้านมีผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 1 คน ที่อยู่ด้านในและอ้างตัวว่า เป็นคนดูแลบ้าน ชาย 3 คน อ้างว่า เป็นวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ถูกจ้างมาคนละ 2,000 บาทให้มาเฝ้าบ้าน 9.00 น.-16.00 น. จ้างมาวันนี้เป็นวันแรก โดยสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามาในบ้าน และให้ลูกจ้างถ่ายภาพถ่ายคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกองพิสูจน์หลักฐาน นำกำลังเข้าไปตรวจค้นภายในบ้าน ลักษณะที่รั้วรอบขอบชิด ด้านหน้าเปิดเป็นร้านขายอุปกรณ์ช่าง ซึ่งวันนี้ปิด
โดยการตรวจค้นมีเฮียโต เข้าไปชี้จุดต่าง ๆ และให้ หญิงสาวอีกหนึ่งคนที่อ้างว่าเป็นคนดูแลบ้าน เป็นพยานการนำชี้ ขณะเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่ถามอะไรก็ไม่ค่อยตอบ ซึ่งทีมข่าวฯ มาทราบภายหลังว่า หญิงสาวคนนี้ เป็นน้องสาวแท้ๆของแม่ยาย และ เฮียโตบอกว่า รู้เห็นการกระทำทั้งหมดแต่ไม่ยอมช่วย ซึ่งภายหลังการตรวจค้น เจ้าหน้าที่คุมตัวหญิงสาวคนดังกล่าวไปสอบปากคำเพิ่มเติมด้วย
เมื่อเข้าไปด้านใน เฮียโต พาเจ้าหน้าที่ดูห้องที่ตัวเองและเมียถูกขัง เป็นลักษณะห้องสี่เหลี่ยม ประมาณ 4 คุณ 8 เมตร มีห้องน้ำในตัว 1 ห้อง ซึ่งตอนแรกทั้งคู่ถูกขังรวมกันในห้องนี้ ก่อนที่ช่วงหลัง เฮียโตถูกขังแยกอยู่ในห้องน้ำขนาดประมาณ 2 คุณ 2 เมตร
ซึ่งด้านบนจะมีหน้าต่างเล็กๆติดเหล็กดัดและมีช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่เฮียโต บอกว่า เป็นช่องส่งน้ำ ส่งอาหาร และ เฮียโตต้องกิน นอน ขับถ่าย อยู่ภายในห้องน้ำ แยกจากภรรยา จนถึงวันสุดท้ายที่ได้ยินเสียงภรรยาร้องขอความช่วยเหลือ แต่ตัวเองไม่สามารถพังประตูห้องน้ำออกไปช่วยได้และมารู้ตอนหลังว่า เมียเสียชีวิตด้วยการผูกคอตาย ซึ่งเฮียโตไม่เชื่อ และติดใจสาเหตุการตายจึงต้องการให้ตำรวจรื้อฟื้นคดี
ส่วนห้องที่เคยขังภรรยาอยู่นั้น เฮียโตบอกว่ามีสภาพเปลี่ยนไปจากเดิม เพราะปัจจุบันมีการนำอุปกรณ์ของต่างๆมาวางไว้เต็มห้อง, มีการถอดเหล็กดัดและสังกะสีออก แล้วตอนที่เฮียกับเมียถูกขังอยู่ ยังไม่มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ, จุดนี้ตำรวจ ขึ้นไปตรวจสอบและเก็บหลักฐานบนฝ้าเพดานด้วย เนื่องจากตอนที่เมียเฮียโตเสียชีวิต ลูกชายและลูกสะใภ้ แจ้งตำรวจว่า เป็นการผูกคอตาย ซึ่งเฮียโตบอกว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะก่อนเมียจะเสียชีวิต นอนไม่มีเรี่ยวแรงอยู่บนเตียง แค่ลำพังจะลุกยังไม่ไหว จะเอาแรงที่ไหน ปีนไปผูกคอตายบนฝ้าเพดาน
โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการเข้าเก็บหลักฐานและตรวจค้นภายในบ้าน หลังจากนั้นก็คุมตัวน้องสาวของแม่ยายไปสอบปากคำต่อที่โรงพัก
ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ คุณนฤชา กมุทโยธิน ได้พูดคุยกับ นายจ็อบ (นามสมมติ) อาจารย์ประจำชั้นของ นายตั้ม ลูกชายเฮียโต นายจ็อบ บอกว่า สมัยเรียนอยู่มัธยมปลายในตั้มเป็นคนซื่อ ๆ ดูไม่ค่อยทันคน เป็นผู้ตามมากกว่าผู้นำและชอบใช้ของแบรนด์เนม ราคาแพง เช่น แว่นตาราคาเป็นหมื่น ซึ่งเฮียโตผู้เป็นพ่อก็มักจะบ่นให้ฟังอยู่เป็นประจำ เรื่องการใช้เงินฟุ่มเฟือย
ส่วนแฟนสาวที่มาเป็นสะใภ้ของเฮียโต นายจ็อบบอกว่า เป็นเพื่อนเรียนรุ่นเดียวกันกับนายตั้ม แต่อยู่กันคนละห้อง ตอนเรียนทั้งคู่ยังไม่ได้คบหาเป็นแฟนกัน เพิ่งมาคบหาช่วงเรียนมหาวิทยาลัย และตกลงแต่งงานกัน
ซึ่ง ครั้งสุดท้ายที่ตัวเองได้เจอเฮียโตและภรรยาเมื่อประมาณ 2 ปี ก่อนยังดูปกติแข็งแรง หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งมาทราบจากข่าวเมื่อ 2-3 วันก่อน และเฮียโตมาหาที่บ้าน พร้อมกับเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ตัวเองมั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง เพราะเฮียโตเป็นคนที่รักลูกชายมากคงไม่แต่งเรื่องมาเพื่อทำร้ายลูกชายตัวเองอย่างแน่นอน
และก่อนหน้านี้ตัวเองเคยขอไปเยี่ยมเฮียโตและภรรยาทางฝั่งลูกสะใภ้และลูกชายก็กีดกันไม่ให้ไปเยี่ยม อ้างว่ามีโควิด ซึ่งเป็นเรื่องผิดวิสัย
สุดท้ายอยากฝากไปถึงนายตั้มว่า ให้ออกมายอมรับความจริงในสิ่งที่ได้ทำไป เพราะอย่างไรก็ตามคนเป็นพ่อ เป็นแม่พร้อมที่จะให้อภัยลูกเสมอ แต่เรื่องคดีก็ต้องยอมรับ ว่าเป็นไปตามกฎหมาย อยากให้คิดถึงอนาคตลูกตัวเอง 2 คนที่ยังเล็กอยู่
ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า ส่วนใหญ่จะเชื่อว่าเรื่องที่เฮียโตพูดเป็นเรื่องจริง แม้ว่าจะไม่รู้จัก สนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับพ่อตา แม่ยาย และลูกสะใภ้ก็ตาม เพราะก่อนหน้านี้ ครอบครัวของลูกสะใภ้ เคยมีปัญหาเรื่องที่ดินกับชาวบ้าน, การขอไฟฟ้า, และทำรางน้ำให้น้ำไหลลงถนนสาธารณะด้วย นอกจากนี้ ชาวบ้านบางรายก็บอกว่า อยากให้ฝั่งลูกสะใภ้ออกมาพูดบ้าง
ขณะที่ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าให้ฟังหูไว้หู ระวังจะโอละพ่อ เชื่อว่าอีก 2-3 วัน ลูกชายจะออกมาแถลงข่าว
โดยทนายเดชายังตั้งข้อสังเกตว่า พ่อลูกมีคดีฟ้องร้องเรื่องสมบัติกันอยู่ในชั้นศาล และ เหตุเกิดตั้งแต่ปี 2563 ผ่านมา 3 ปีเหตุใดเพิ่งมาแจ้ง
พิรุธประเด็นหลังจากหมายค้นออกไป ก็ไปค้นบริเวณที่อ้างว่าถูกกักขังและบอกว่าอยู่ในสภาพเดิม แต่ดูลักษณะแล้วไม่เหมือนกายกักขัง, ผู้เสียหายมีพยานแวดล้อมที่ยืนยันว่าสามารถเดินออกไปไหนมาไหนได้
ส่วนลูกสะใภ้ที่มีข่าวลือว่า เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด ส่วนลูกชายก็อยู่ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และคดีตำรวจยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เพราะยังไม่มีพยานหลักฐานใด ว่ามีการฆาตกรรมหรือกักขังหน่วง, ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก มีทั้งเชื่อว่า เป็นเรื่องจริง และ อีกส่วนบอกว่า รอฟังความทั้งสองฝ่าย
ขณะที่ อดีตผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นญาติฝั่งลูกสะใภ้ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เคยเข้าไปพูดคุยกับนายตั้ม 1 ครั้ง ในตอนที่เป็นผู้ใหญ่บ้าน ตอนนั้นญาติพี่น้องของเฮียโตมีปัญหากับนายตั้ม จึงเข้าไปคุย และบอกว่าเรื่องภายในครอบครัวค่อย ๆ คุยกัน ส่วนลึกๆ แล้ว ครอบครัวเขามีปัญหาอะไรกันตนก็ไม่ทราบ
พร้อมเผยอีกว่า เฮียโตกับภรรยาย้ายมาอยู่บ้านหลังดังกล่าวนานแล้ว โดยนายตั้มมักจะบอกกับคนอื่นว่าพ่อกับแม่เป็นอัลไซเมอร์ มีการจ้างคนมาดูแลเป็นอย่างดี สาเหตุที่ต้องล็อกประตูไว้เพราะกลัวว่าจะเดินออกจากบ้านแล้วถูกรถชน หรือหลงทาง
ซึ่งในอดีตเฮียโตเคยเดินออกจากบ้านแล้วเกือบตกน้ำมาแล้ว นายตั้มกับลูกสะใภ้จึงมีการกักบริเวณเอาไว้ เชื่อว่านายตั้มกับลูกสะใภ้ไม่น่าจะคิดทำร้ายพ่อแม่แน่นอน ถ้าคิดทำจริงเฮียโตไม่น่าจะมีชีวิตรอดจนมาทำร้ายลูกชายได้
ตนไม่ได้เข้าข้างแต่ครอบครัวสะใภ้ มีกันแต่ผู้หญิงไม่น่าจะมีจิตใจโหดร้ายขนาดนั้น อยากให้นายตั้มและภรรยาออกมาพูดความจริง อยากให้ฟังความทั้งสองฝ่าย ครอบครัวนี้จิตใจดี และเป็นไปไม่ได้ที่ลูกจะทำร้ายพ่อแม่ตัวเอง
รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/Jjf57wZtIao
แท็กที่เกี่ยวข้อง สะใภ้วางยาครอบครัวสามีหวังฮุบสมบัติ ,เฮียโต