สังคม

'กัน จอมพลัง' ช่วยค่ารักษาลุงป้า – เมิน 'สป.สายไหม' โพสต์แซะ ชี้เป็นเด็กน้อยคนละเบอร์

โดย thichaphat_d

20 เม.ย. 2568

218 views

กัน จอมพลัง เดินทางไปเยี่ยมลุงกับป้า ที่ถูกรถบีเอ็มของนายพีชชน จนกระบะไปชนกับแบริเออร์ ซึ่งยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล พร้อมเผยได้นำเงินส่วนตัว เงินมูลนิธิ ไปรวมพังเงิน พรบ.ในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ หลังจากญาติจะไปกู้เงินมาจ่ายค่ารักษา พร้อมโต้กลับเต้ มงคลกิตติ์ และ สป.สายไหม

กัน จอมพลัง หรือ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ ได้เดินทางไปถึงโรงพยาบาลบางปะกอก-รังสิต 2 เพื่อเข้าเยี่ยมคุณลุง และคุณป้าที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยมีลูกชายเดินลงมารอรับคุณกัน

ก่อนขึ้นไปเยี่ยม คุณกัน เปิดเผยกับสื่อว่า เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสคุยกับทางครอบครัวคุณลุงคุณป้าแล้ว รู้สึกสงสาร ที่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องการรักษา และค่ารักษาที่พุ่งทะลุไปกว่า 134,000 บาทแล้ว ซึ่งจากการพูดคุยกับทั้งคู่กรณี ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันชัดเจนเป็นรูปธรรม ว่าจะจ่ายส่วนไหนช่วยเหลืออย่างไร จนเมื่อคืนทางญาติบอกว่าจะไปกู้เงินมาจ่าย

ตนเองจึงให้ทางทีมงาน เช็คยอดกับทางโรงพยาบาล ซึ่งค่อนข้างสูง จึงเอาเงินส่วนตัวจำนวน 47,000 กว่าบาท พร้อมกับเงินของมูลนิธิ มาช่วยเหลือ รวมกับในส่วนของ พรบ.

ส่วนตัวมองว่าถ้าคู่กรณีอยากจะมาคืน หรือซัพพอร์ตก็ยินดี ไม่ได้ติดอะไร ก็ให้ได้แสดงว่าจะรับผิดชอบส่วนไหนอย่างไร แต่วันนี้หลังจากที่ทราบข่าวมาว่าหลังจากที่ชำระเงินไปตอนประมาณ 11 โมง คู่กรณีก็เดินทางมา ซึ่งตัวเองก็ไม่รู้ว่ามีใครไปบอกเขาหรือไม่ แต่หากคู่กรณีจะมาขอจ่ายเงิน และกระตือรือร้นจ่ายเงินแบบนี้ ตนก็คาดหวังว่าวันอื่นๆ ก็มาจ่ายแบบนี้ก็ดี

แต่ก็ยังมีคำถามที่ทางครอบครัวติดใจอยู่ คือที่นายพีชพูดในรายการว่า ถ้าลุงหยุดรถก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อยากถามว่าวันนี้ยังคิดแบบนั้นอยู่ไหม และคุณลุงยังเป็นคนที่ผิดอยู่หรือไม่ หรือมันเกิดจากความใจร้อนของตนเอง อันนี้คือสิ่งที่ทางครอบครัวอยากจะรู้ และหลังจากเกิดเรื่องไปแล้ว ทำไมไม่เรียกรถพยาบาล อันนี้คือสิ่งที่ครอบครัวอยากรู้ ในเมื่อเห็นว่ามีคนบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว

ยืนยันว่า ตนไม่ได้ปิดโอกาส สามารถเจอได้ วันนี้ถ้าจะหาทางออกไปด้วยกัน ต้องถอยคนละก้าว และต้องให้ความสบายใจกับทางครอบครัวด้วย ไม่ใช่เอาพวงมาลัยมาไหว้ แล้วเอาตรงนี้ไปขอใช้ประโยชน์ในการลดโทษ อันนี้คือคำถามว่าจะมีความจริงใจหรือไม่

ซึ่งก็หากอยากมาพบ ก็ประสานผ่านทางตนเองก็ได้ แต่วันนี้เค้ายังไม่ให้พบเพราะกลัว ตนเองมองว่า ถ้าเมื่อวานมีโอกาส และลองใช้โอกาสลองพูดคุยกับเขา ถ้าคุยกันก่อน ตนเชื่อว่าวันนี้ได้นั่งคุยกันอยู่ในห้องแล้ว

ส่วนเรื่องรถกระบะ ถ้าเป็นตนเองจะซื้อให้ใหม่ แต่แนวทางการช่วยเหลือแนวทางใครแนวทางมัน คิดได้หรือคิดไม่ได้ ก็อยู่ที่ตัวเค้าเอง

ส่วนประเด็นที่เต้ มงคลกิตติ์ บอกว่ามีนายใหญ่สั่งมานั้น คุณกันบอกว่า "ผมคุยกับพี่ชายผมทุกวัน ผมเชื่อว่าพี่ชายผมรู้จักนิสัยผมดี และรู้ว่าผมเป็นคนยังไง ผมเป็นคนที่มาเพื่อเคสจริงๆ และพี่ผมก็รู้จักนิสัยผมดีมาก ผมก็ขอบคุณคุณเต้ที่ออกมาพูดอาจจะมองในแง่ดี เป็นห่วงตนเอง แต่บอกคุณเต้ว่าเคสนี้ไม่ต้องห่วงผม ให้ทางคุณเต้ดูแลในส่วน พระราม 7 ได้เลย เดี๋ยวอันนี้ผมจัดการเอง" พี่ชายคุยเพราะเป็นห่วง อยากให้ทั้งสองฝ่ายถอยคนละก้าว และพี่ชายผมเป็นคนนิสัย ไม่ทำให้ผิดเป็นถูก ส่วนจดหมายน้อย ที่ได้มีการเขียนเอาไว้นั้นตนเองมองว่า การกระทำมันสำคัญที่สุด

สำหรับกรณีที่ สป.สายไหม โพสต์นั้น ตนมองว่าเด็กน้อย ไม่ได้สนใจ คือเวลานี้ตนทำในสิ่งที่ถูกต้อง สังคมเข้าไปตอบคอมเม้นต์หมดแล้ว วันนี้ตนโฟกัสที่ตัวเคส กับตัวของกับทางฝ่ายคู่กรณี จะมาเยียวยาหรือเปล่า ตนก็คุยแล้วเมื่อวานก็เจอกับท่านนายกฯ ก็ถือว่าผู้ใหญ่คุยกัน ส่วนเด็กน้อยไม่ใช่เวทีของเขา ไม่ใช่เวทีของเด็กน้อยคนละเบอร์

เมื่อถามว่าเคยมีข้อขัดแย้งอะไรกันมาก่อนหรือไม่คุณกัน จึงได้เล่านิทานบอกว่า กาลครั้งหนึ่งมีสายรายงานมาที่ตัวละครหนึ่ง ชื่อกัน จอมพลัง ว่ามีบ่อน มีตู้ม้า มีโต๊ะอยู่ในพื้นที่ของลำลูกกา ตอนนั้นมีท่านผู้กำกับท่านหนึ่ง รักกับกัน จอมพลัง จึงประสานตำรวจไปให้ไปจับบ่อน

หลังจากนั้นผ่านไป มีหมาน้อยเดินทำตัวน่ารักมาหาในงานแต่งงานหนึ่ง โดยมีคนดังคนหนึ่งพามา บอกว่าที่ไปจับเป็นของคนนี้ เค้ามาขออนุญาตเปิดซึ่งตนเองบอกว่าไม่เอา เพราะไม่ใช่สไตล์ของกันจอมพลัง ที่จะมาเคลียร์ และไม่ชอบอะไรที่โสมม ก็หน้าแหกไป ก็ไม่รู้ออกมาช่วยพ่อหรือฝังพ่อ เรื่องนี้ที่เกิดขึ้นถือว่าผ่านไป ก็อยากให้รางวัลลูกดีเด่น

สำหรับการต่อสู้เมื่อเข้าสู่ชั้นศาลนั้น ตนก็ได้คุยกับครอบครัวแล้ว และกังวลใจ เพราะเค้าก็ชาวบ้าน จน ไม่ได้ร่ำรวยอะไร จึงคุยกันว่าจะเอาทนายร่วมไปด้วยประกบเรื่องนี้ไปถึงศาล และจัดหาทนายให้ด้วย ซึ่งก็มีการคุยกับทนายหลายท่านที่พร้อมจะช่วยส่วนเซอร์ไพรส์จะเป็นวันพรุ่งนี้แทน

ด้านลูกชายของคุณลุงคุณป้า บอกว่ารถยนต์เป็นชื่อของลูกชาย รถผ่อนหมดแล้ว มีแต่ พรบ. ประกันชั้นหนึ่งไม่มี โดยรถซื้อมาตั้งแต่ปี 2558 โดยส่วนตัวมองว่ารถถ้าซ่อมแล้ว ก็คงไม่เหมือนเดิม

หลังจากนี้ ก็อยากให้คู่กรณีทำตามที่คุณกันพูดเลย ส่วนที่ติดต่อมา แต่วันนี้ตนก็บอกว่าไม่สะดวก เพราะไม่ได้เตรียมตัว ยังตกใจกับเหตุการณ์เมื่อวานอยู่ หากอนาคตจะติดต่อมาได้หรือไม่นั้น ก็ให้เป็นไปตามที่คุณกันพูด เพราะตนเองให้พี่กันดูแลแล้ว สำหรับเรื่องความกังวล กังวลอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนเรื่องรถกระบะที่อยู่ที่ สภ.นั้น ตำรวจแกก็โทรมาถามอยู่ว่าจะเอาไปเมื่อไหร่ ถ้ายังไม่เอาไป จะเอาไปจอดที่ร่มให้



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/26P9zhmvUoE


คุณอาจสนใจ

Related News