ตร.เผย ‘อดีตพระคม’ ไม่ได้ทำคนเดียว ยักยอกเงิน-ขุดหลุมฝังทอง ‘จตุรงค์’ ซัด ดับเบิ้ลปาราชิก

วันที่ 8 พ.ค. 66 รายการโหนกระแสพูดคุยกับ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา พร้อมสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ เจ้าคณะอำเภอปากช่อง (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดมกุฏคีรีวัน และ เอ (นามสมมติ) ลูกศิษย์พระคม และ พระญาณดิลก (เจ้าคุณแดง) ถึงกรณีที่ “อดีตพระคม” พร้อมน้องสาว และเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามจับกุมยักยอกเงินวัด

โดย พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า เผย น้องสาว “อดีตพระคม” สารภาพว่า เงินในบัญชีจำนวนร้อยกว่าล้าน และเงินสดอีก 51 ล้าน พี่ชายนำมาให้เก็บรักษาไว้ โดยอ้างว่าใช้เพื่อประโยชน์ของวัด เป็นเงินในการนำไปก่อสร้างเจดีย์ โดยให้เหตุผลต่อว่าเพราะไม่เชื่อมั่นคนอื่น ไม่ไว้ใจใคร จึงนำเงินมาฝากไว้ที่น้องสาว

พร้อมเผยอีกว่า ทองคำมูลค่า 19 ล้าน ที่ขุดเจอหลังวัด บางส่วนห่อไว้ในจีวร บางส่วนใส่ถุงดำฝังไว้ ทองที่ยึดได้เป็นทองที่ประชาชนทำบุญด้วย ประมาณ 2 พันกว่ารายการ  มีทั้งทอง เงินสด พระ ผู้บังคับการปราบปราม กล่าวต่ออีกว่า พบผู้เกี่ยวข้องทั้ง พระ ฆราวาส อีก 5-6 ราย มีพระอีกหลายรูปช่วยกันยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน

ขณะที่ เอ (นามสมมติ) ลูกศิษย์พระคม ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เผยถึงความรู้สึกว่า ตนตกใจมากหลังทราบข่าว ตนไปที่วัดแห่งนี้นาน 10 กว่าปี ตั้งแต่ยังไม่มีน้ำประปา ไม่มีไฟฟ้า “อดีตพระคม” เป็นพระที่มีความเมตตาสูงมาก จำชื่อลูกศิษย์ได้แทบทุกคน ที่ผ่านมาตนไม่เคยทราบเลยว่า “อดีตพระคม” เสพเมถุน

“ถ้าคดีตัดสินที่สุดก็คงต้องยอมรับ ไม่มีใครละกฎแห่งกรรมได้ คำสอนที่ท่านเคยสอน เราก็บ้า เขาก็บ้า อย่าไปถือสาระกับคนบ้า” ลูกศิษย์พระคม กล่าว...

ด้าน จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า นี่มันดับเบิ้ลปาราชิก ปาราชิกจากเงิน และปาราชิกจากการมีเพศสัมพันธ์ อดีตพระคม ไม่สามารถกลับมาเป็นพระได้อีกแล้ว