สาวหลอนยา ปีนรั้วจวนผู้ว่าฯ อ้างเป็นเจ้าของ พ่ออยู่ข้างใน

สาวหลอนยาปีนรั้วจวนผู้ว่าราชการจังหวัด อ้างเป็นเจ้าของบ้าน อาศัยจังหวะ อส.ป้อมหน้าไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาเห็นจักรยานยนต์จอดอยู่หน้าประตูรั้ว รีบประสานเพื่อน อส.ช่วยตรวจสอบพื้นที่ พบสาวหลอนยาพูดจาไม่รู้เรื่อง อ้างเป็นเจ้าของบ้าน มีพ่อนอนอยู่ด้านใน ด้าน อส.เผย หญิงดังกล่าวเคยบอกจะจุดไฟเผาจวนหลังเก่า สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์อีกด้วย

วันนี้ (4 ธ.ค. 67) เวลา 03.00 น. เจ้าหน้าที่ อส.ประจำจวนผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา สามารถควบคุมตัวหญิงสาววัยประมาณ 30 ปี เอาไว้ได้ หลังก่อเหตุปีนรั้วจวนผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา แล้วเดินเข้าไปภายในพื้นที่ด้านในซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ สมัยราชกาลที่ 5 ในช่วงที่ อส.ประจำป้อมยามด้านหน้า เดินไปเข้าห้องน้ำ

แต่พอ อส.ประจำป้อมยามด้านหน้า กลับออกมาก็พบว่ามีจักรยานยนต์ ยามาฮ่า สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดอยู่ที่บริเวณด้านหน้าประตูรั้ว จึงได้ประสานเพื่อน อส.ที่อยู่ด้านใน ให้ช่วยกันตรวจสอบพื้นที่ค้นหาบุคคลต้องสงสัย จนมาพบหญิงสาวดังกล่าวเดินอยู่ด้านใน โดยอ้างว่าตนเองชื่อ ปรียานุช ห่วงโซ่ หรือนก กำลังจะกลับบ้านมานอน โดยอ้างว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของตนเอง มีพ่อนอนอยู่ด้านใน

ทาง อส.จึงได้ควบคุมตัวเองไว้ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เข้าตรวจสอบ พบว่า หญิงสาวดังกล่าวพูดจาสับสนไม่รู้เรื่อง แถมยังอ้างว่าตนเองเป็นเมียตำรวจของ สภ.แสนภูดาษ ส่วนจักรยานยนต์ที่ใช้ก็เป็นรถหลวง

ด้าน อส.ยังได้เปิดเผยอีกว่า หญิงตนดังกล่าวชอบขี่รถวนไปวนมาแถวหน้าจวนบ่อยครั้ง และถ้าบางครั้งเจ้าหน้าที่ไม่ทันเห็น ก็จะแอบเข้าไปด้านใน ตรงบริเวณริมแม่น้ำบางปะกง และยังเคยขู่จะจุดไฟเผาจวนผู้ว่าหลังเก่า ที่ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์อีกด้วย โดยในมือถือไฟแช็กตลอดเวลา

และจากการตรวจสอบประวัติยังพบอีกกว่า หญิงสาวคนดังกล่าวเคยตกเป็นข่าวดัง หลังก่อเหตุขับรถเก๋งชักปืนออกมาโชว์นอกรถ จนชาวบ้านแตกตื่น และสมัยนั้นเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้

จนมาในค่ำคืนนี้ ที่แอบปีนรั้วจวนผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยอ้างว่าจะกลับเข้าบ้านมานอน เพราะพ่อนอนอยู่ในบ้าน ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบจักรยานยนต์ของหญิงดังกล่าว ยังพบอุปกรณ์การเสพไอซ์ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน โดยเจ้าตัวเผยว่าปัจจุบันเสพยาบ้า และยาไอซ์ เป็นประจำทุกวัน เพื่อรักษาอาการโรคหืดหอบ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองเชิงเทรา เพื่อประสานญาติ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป