สังคม

ศาลยกฟ้อง ‘อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ’ ฟ้อง ‘ชัยวัฒน์’ แจ้งความเท็จปมจับส่วย ชี้เป็นการแจ้งข้อมูลจริง

โดย JitrarutP

19 พ.ย. 2567

162 views

ศาลยกฟ้อง คดี ‘รัชฎา’ อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ฟ้อง “ชัยวัฒน์” แจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งรับโทษ ปมรับส่วย 9.8 หมื่น ชี้เป็นการแจ้งข้อมูลข้อเท็จจริงไม่ได้แต่งเติม

ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นโจทก์ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีต ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ เป็นจำเลยในความผิดฐาน “แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อกลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับโทษ”

โดยโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปว่าเมื่อ เดือนเม.ย.2564 ถึงปัจจุบัน จำเลยได้กระทำผิดต่อโจทก์โดยกล่าวหาว่าโจทก์ได้กระทำผิดต่อตำแหน่งเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองโดยไม่ชอบ และกล่าวหาโจทก์มีนโยบายก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาโดยโจทก์มีคำสั่งโยกย้าย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องวิ่งเต้นที่สำนักงานอธิบดีรายละประมาณ 200,000-300,000 บาท หากผู้ใดไม่วิ่งเต้นก็จะถูกโยกย้ายทำให้เดือดร้อน เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่หัวหน้าหน่วยภาคสนามจะต้องจ่ายเงินเป็นรายเดือนต่อเดือนให้กับโจทก์ ทำให้พนักงานสอบสวนจดข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว

โจทก์ระบุฟ้องอีกว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2565 จำเลยยังได้วางแผนเข้ามาขอพบโจทก์แล้วกลั่นแกล้งโจทก์ โดยจำเลยแอบซุกซ่อนติดกล้องซึ่งสามารถบันทึกภาพและเสียง เข้าพบโจทก์ ขณะเดียวกันจำเลยได้นำซองกระดาษสีขาวทราบภายหลังว่าคือซองบรรจุเงิน จำนวน 98,000 บาท ออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นจำเลยก็ออกจากห้องโจทก์ไป ผ่านไปไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาในห้องโดยไม่มีหมายค้น และอ้างว่าเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้าและค้นพบซองบรรจุเงิน 98,000 บาท ซึ่งจำเลยวางทิ้งไว้ ทำให้โจทก์เกิดความเสียหาย และเป็นการกลั่นแกล้ง ให้โจทก์ต้องรับโทษทางอาญา

โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า จำเลย ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม การทุจริตและประพฤติมิชอบหรือ บก.ปปป. ว่าจำเลย มีพฤติการณ์ เรียกรับเงิน ตำรวจ จึงวางแผนร่วมกันโดยบันทึกภาพธนบัตรจำนวน 9.8 หมื่นบาท ใส่ซองจำนวน 3 ซอง เพื่อให้จำเลย นำไป มอบให้กับ โจทก์ ในวันเกิดเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่จาก ป.ป.ช. และ ปปท. รวมถึงตำรวจ บก.ปปป. สังเกตการณ์อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เมื่อจำเลยนำเงินไปมอบให้กับโจทก์และส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ทราบ จึงเข้าทำการจับกุม และ ตรวจค้น พบเงินในซองเอกสาร 3 ซอง จำนวน 9.8 หมื่นบาท และค้นเจอเงินอีกจำนวนหนึ่งในห้องทำงาน

ขณะที่โจทก์ แย้งว่า การที่จำเลย กลั่นแกล้งสร้างพยานหลักฐานเท็จ เป็นเพราะโกรธเคืองเนื่องจาก จำเลยถูกตรวจสอบ เรื่องโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติในจังหวัดเพชรบุรี

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยแจ้งความกับตำรวจ บก.ปปป. เพราะเชื่อว่ามีการโยกย้ายไม่เป็นธรรม อีกทั้งการเรียกรับสินบนต้องทำโดยปกปิดยากที่จะหาพยานหลักฐานในการตรวจสอบ แม้จำเลยจะเคยมีปัญหาเรื่องการตั้งกรรมการสอบสวนกับโจทก์ แต่จำเลยได้ไปแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบแล้ว จำเลยจึงไม่มีมูลเหตุจูงใจกล่าวหาโจทก์ให้รับโทษ

ส่วนเรื่องการทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ แม้ว่า จำเลยจะมีการรวบรวมเงินมาจริง แต่ก็เป็นการวางแผนจับกุมส่งมอบเงิน รับฟังได้ว่ามีเจตนาทำให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ ไม่ได้มุ่งหมายถึงโจทก์จึงไม่เข้าข่ายการหมิ่นประมาทโจทก์ “พิพากษายกฟ้อง”

ขณะที่นายชัยวัฒน์ ได้ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยนายชัยวัฒน์มีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมเปิดเผยว่า ศาลได้ไล่เรียงเนื้อเรื่องเกี่ยวกับพยานหลักฐานที่ฝ่ายตนมี ซึ่งมีลำดับขั้นตอน กรณี โจทย์ กล่าวหาว่าตนสร้างหลักฐานเท็จ สร้างพยานเท็จ ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่าไม่มีมูลความจริงให้ศาลรับฟังได้ เพราะเรื่องราวขั้นตอนทั้งหมดมีการรับเงินจริง

สำหรับคำพิพากษาของศาลวันนี้ ทำให้ฝ่ายตนในฐานะจำเลย ได้หลักฐานเพิ่มเติมขึ้น เนื่องจากสิ่งที่โจทย์นำมาเบิกความต่อศาลเป็นประโยชน์กับฝ่ายตน พร้อมยืนยันจะไม่ฟ้องกลับนายรัชฏา แต่จะขอคัดสำเนาคำพิพากษาเพื่อนำไปยื่นต่อ ป.ป.ช. เพิ่มเติม

นายชัยวัฒน์ ยังระบุว่าขณะนี้ยังมีคดีที่ตนฟ้องร้องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ อยู่ในศาลอีกหลายคดี ยืนยันจะต่อสู้ทุกคดี เนื่องจากเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต

สำหรับนายรัชฎา วันนี้ไม่ได้มาฟังคำพิพากษาได้มอบหมายให้ทนายมาฟังแทน

คุณอาจสนใจ

Related News