สังคม

สาวซื้อประกันเหมาจ่าย 10 ล้าน เคลมไป 6.5 แสน สุดท้ายโดนยกเลิก อ้างลูกค้าเสี่ยงภัยสูง เคลมเยอะ

โดย chutikan_o

2 ก.ย. 2567

5.4K views

สาวร้องสื่อ ถูกบริษัทประกันชีวิตแจ้งยกเลิก ทั้งที่ทำประกันสุขภาพเหมาจ่าย 10 ล้านต่อปี พอเข้าปีที่ 4 ส่งเบี้ยไปแล้ว 46,000 บาท แต่ถูกบริษัทเทและโอนคืน อ้างว่าผู้เอาประกันมีความเสี่ยงภัยสูง เคลมเยอะ

วันที่ 2 ก.ย. 2567 น.ส.เจ (นามสมมติ) เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า ถูกบริษัทประกันแห่งหนึ่งเท โดยแจ้งยกเลิกอ้างว่าผู้เอาประกันมีความเสี่ยงสูง เธอคิดว่าถูกเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องเพื่อให้สังคมรับทราบ โดยเมื่อปี 2563 เธอทำประกันชีวิตกับบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งได้ตรวจสอบแล้วมีความน่าเชื่อถือ ประเภทประกันสุขภาพ ก่อนทำแถลงประวัติการรักษาทั้งหมด และยื่นรายการเดินบัญชี 6 เดือน ถึง 1 ปี

น.ส.เจ กล่าวต่อว่า ทั้งครอบครัวมี 5 คน พ่อแม่ ลูก 3 คน ก่อนนี้ไม่ได้สนใจจะซื้อประกัน แต่ไปโรงพยาบาลเอกชนบ่อย จนพยาบาลแนะนำประกัน เลยซื้อช่วยไม่คิดว่าการมีประกันสุขภาพจะใช้ได้จริง หลายเดือนต่อมาลูกไม่สบาย ไปหาหมอที่โรงพยาบาล ค่ารักษาทั้งหมด 60,000 ประกันอนุมัติจ่ายเพิ่มเองไม่กี่พัน หลังจากนั้นจึงเห็นคุณค่าของการมีประกัน ต่อมาจึงซื้อประกันให้ทั้งบ้าน หลายบริษัท แต่ละคนทำไม่เหมือนกัน

วันที่ 8 มิ.ย. 2563 ตอนนั้นร่างกายแข็งแรงดี จึงมั่นใจ เชื่อใจ เลือกที่จะทำประกันสุขภาพเหมาจ่าย 10 ล้านกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง พอปี 2564 คลอดลูกคนที่ 3 ทำให้ภูมิของร่างกายเริ่มตก บวกกับให้นมลูกมาตลอด พอปี 2565 ติดโควิดทั้งบ้าน ไปแอดมิทที่โรงพยาบาล ค่ารักษาทั้งหมด 5 คนรวมกัน 800,000 บาท บริษัทประกันก็จ่ายให้ (แต่ละคน ใช้บริษัทประกันไม่เหมือนกัน) ปี 2566 เหตุที่เพิ่งคลอดลูกและให้นมลูกจึงทำให้มีฮอร์โมนแปรปรวน เป็นรอบเดือนนานถึง 8 เดือน พอหายจากโควิด ก็เป็นลองโควิด ทำให้ทั้งบ้านป่วยบ่อย บวกกับโรงเรียนเปิดเรียนปกติหลังโควิด ลูกคนที่ 1 ไปโรงเรียน กลับมาติดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์หนึ่งมา คนเป็นแม่และคนในบ้านก็ติดด้วย (ทั้งที่ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปีแล้วและเด็กทุกคนในบ้านฉีดวัคซีนหลักและวัคซีนเสริมทุกตัว) พอหายได้ไม่กี่เดือน ลูกคนที่ 2 ไปโรงเรียนก็ติดไข้หวัดคนละสายพันธุ์แล้วก็ยังมาติดทั้งบ้าน จึงทำให้เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยมากและเข้าทีจะแอดมิท 2-3 คน

ปี 2567 เนื่องจากเป็นหวัดบ่อยจึงทำให้เป็นไซนัส จึงจะผ่าตัดไซนัสและจมูกคด แต่พอเลิกให้นมบุตร คุณหมอเปลี่ยนยาที่แรงขึ้น จึงเปลี่ยนวิธีเป็นการจี้จมูกลดบวมแทน ขณะรอห้องพักฟื้น ร่างกายเกิดชาครึ่งซีก อ่อนแรง มีอาการเหมือนคนสโตรก โชคดีที่อยู่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำถึงได้เข้ารับการรักษาได้ทันที สุดท้ายได้แอดมิท ประกันก็จ่ายค่ารักษาให้ทั้งหมด 180,000 บาท จึงภูมิใจมากที่คิดถูก เลือกถูกบริษัทที่มั่นคงทางการเงินและการทำงานอย่างมีความเที่ยงตรง บอกญาติพี่น้องให้ซื้อตามหลายคน แต่แล้วเมื่อเดือน มิ.ย.2567 ครบอายุกรมธรรม์ บริษัทไม่ให้ต่ออายุกรมธรรม์ ทั้งๆ ที่โอนเงินค่าเบี้ยประจำปีไปแล้ว 46,000 บาท แต่แล้วบริษัทก็โอนคืน แล้วอ้างสาเหตุว่า 1.ลูกค้ามีความเสี่ยงภัยสูง เคลมเยอะ หากลูกค้าคนไหน นอนโรงพยาบาลมากกว่า 3 ครั้งต่อปี บริษัทนับว่ามีความเสี่ยงภัยสูง บริษัทประกันไม่สามารถรับความเสี่ยงภัยนี้ได้ 2.ในวัย 35-40 ปี ไม่ควรป่วยกว่าคนทั่วไปในวัยเดียวกัน 3.มีครั้งหนึ่งไปนอนโรงพยาบาล ด้วยอาการปวดหัว บริษัทมองว่าไม่มีความจำเป็น แต่ความเป็นจริงคือ ปวดหัวรุนแรง ตาลืมไม่ขึ้น ปากพูดไม่ได้ และบริษัทก็อนุมัติแฟลกเคลมค่ารักษาตั้งแต่วันนั้นแล้ว สุดท้ายบริษัทบอกว่า บริษัทสามารถยกเลิกได้ ต่อให้เราทำแถลงประวัติทั้งหมด ไม่เคยปกปิด และมีความจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล เพราะมีคำว่า “แต่ขึ้นกับการพิจารณาของบริษัท”

น.ส.เจ กล่าวต่อว่า ทำไมในเมื่อเราบริสุทธิ์ใจก่อนทำ เลือกบริษัทประกันชีวิตมหาชนแล้วด้วย ก่อนทำแข็งแรงดี พอเราป่วยเยอะแล้วจึงมายกเลิก อ้างว่ามีความเสี่ยงสูง ทั้งๆ ที่บริษัทบอกขายความเสี่ยงในอนาคต ให้เอาความเสี่ยงมาให้บริษัท ปีที่แล้วทั้งบ้านป่วยเยอะ เคลมคนละหลายแสน บริษัทที่ลูกๆ ทำเป็นบริษัทประกันภัย ปีนี้ก็สามารถต่ออายุกรมธรรม์ได้ปกติ ยกเว้นเธอ ที่ใช้อีกบริษัทที่เป็นประกันชีวิตมหาชน เหมาจ่าย 10 ล้าน แต่กลับถูกยกเลิก สามีก็ทำหลายบริษัท ไม่ได้แอดมิท 2 ปี มาต้นปีนี้ป่วย นอนโรงพยาบาลไป 2 คืน ตอนกลับส่งแฟลกเคลมบริษัทประกันแรกเหมาจ่าย 10 ล้าน ผลคือบริษัทแจ้งว่า ไม่พบข้อบ่งชี้จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล บริษัทไม่จ่าย โชคดีที่เธอซื้ออีกบริษัทที่เป็นบริษัทประกันภัย ให้สามีที่เหมาจ่ายแค่ 700,000 บาท จึงให้โรงพยาบาลแฟลกเคลมบริษัทที่ 2 ในวันเดียวกัน ผลคือบริษัทประกันที่ 2 ชำระให้ครบทุกบาท ไม่ต้องสำรองจ่ายเลย

“วันนี้ออกมาร้องสื่อ อยากให้ประชาชนชาวไทยหลายคน ที่เห็นคุณค่าของประกัน กลับไปดูกรมธรรม์ที่ถือมาหลายปีก่อนวันที่ 8 พ.ย. 2564 ว่าบริษัทสามารถยกเลิกได้ หากเราถือมา 3 ปี 5 ปี หรือมากกว่า 10 ปี ถ้าเราป่วยเยอะ เคลมเยอะ ปีที่ 1 และ 2 บริษัทสามารถยกเลิกได้ แล้วคนที่ป่วยมาเยอะแล้ว จะไปทำต่อที่ไหนก็ยาก เหมือนติดเครดิตบรูโรของการซื้อประกันสุขภาพ รวมถึงโรคร้ายแรงได้อีกด้วย อยากให้มีหน่วยงาน มาช่วยคนกลุ่มนี้ กลุ่มที่ทำประกันสุขภาพมาก่อน 2 ปีที่ผ่านมานี้ด้วย ไม่ใช่แค่เพิ่งจะคุ้มครองคนที่ทำหลังจาก คปภ.คุ้มครอง เพราะประชาชนไทยหลายคนไม่ทราบว่าประกันสามารถยกเลิกได้ ถ้าคนไหนยังแข็งแรงดี แนะนำรีบไปเปลี่ยนเป็นแผนใหม่ ร่างกายที่ป่วยอยู่แล้ว กลับมาโดนประกันที่มั่นคงยกเลิก สุขภาพจิตใจก็ย่ำแย่ตาม ไม่อยากให้ใครต้องเจอแบบนี้” น.ส.เจ กล่าว



คุณอาจสนใจ

Related News