สังคม
พ่อ-แม่ แห่โลงศพลูกไปโรงพัก ถามความคืบหน้าคดี หลังเข้าห้าม 2 ชาย เขม่นกัน สุดท้ายถูกยิงดับ
โดย parichat_p
29 ส.ค. 2567
217 views
จากกรณีที่ นายวชิรพงศ์ อายุ 26 ปี ถูกยิงเสียชีวิต หลังเข้าไปห้ามเหตุทะเลาะวิวาท นายนายธีระเดช อายุ 42 ปี และนายดุลยวิทย์ อายุ 43 ปี ที่เขม่นกันในงานบวช ระหว่างพูดคุยนายธีระเดช ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาด ยิงขึ้นฟ้า 1 นัด และใช้ด้ามปืนตีบริเวณศรีษะ นายดุลย ขณะที่นายวชิรพงศ์ (ผู้เสียชีวิต) เข้าห้าม โดนอาวุธปืนยิงใส่ 1 นัด
ซึ่งหลังเกิดเหตุผู้ต้องหาได้พาผู้ที่บาดเจ็บทั้ง 2 คน ส่งโรงพยาบาลปากเกร็ด 2 ตำรวจจึงได้เข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางอาวุปืนพกสั้น 1 กระบอก
วันนี้ (29 ส.ค. 67) สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี น.ส.อาภาพัชร์ และนายอดิเรก พ่อแม่ผู้เสียชีวิตพร้อมด้วยญาติได้นำโลงศพ(จำลอง) และรูปหน้าศพ นายวชิรพงศ์ (ผู้เสียชีวิต) ร้องเรียนผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว ให้ช่วยติดตามความคืบหน้าคดี เนื่องจากยังติดใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากใบชันสูตรศพของลูกชาย แจ้งว่าเป็นเหตุปืนลั่น เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดี และหวั่นว่าผู้ต้องหาจะหลุดจากความผิด ทั้งที่ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ได้ว่าผู้ต้องหาได้เล็งปืนไปทางลูกชายตน ซึ่งเป็นการตั้งใจที่จะยิง
แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า หลังจากตนได้รับผลจากนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งในใบที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งไปเป็นเหตุปืนลั่น ซึ่งตนข้องใจว่า การแจ้งแบบนี้จะทำให้ผู้ต้องหาสามารถหลุดคดีได้ มันเหมือนตำรวจไม่ได้เข้าข้างผู้เสียหาย โดยในวันเกิดเหตุตนไม่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งลูกชายตนได้ขับรถไปส่งน้องสาวที่ห้างสรรพสินค้า เมื่อกลับมาเห็นว่าผู้บาดเจ็บรถเสีย จึงได้มีการวานให้ไปส่งที่บ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เมื่อไปถึงผู้บาดเจ็บและผู้ต้องหามีปากเสียงกัน มีการยิงปืนขึ้นฟ้า ลูกชายตนพยายามเข้าห้ามจึงถูกผู้ต้องหายิงไป 1 นัด ตนต้องตามหากล้องวงจรปิดเอง แต่ไม่มีใครใก้จึงต้องมาขอกับผู้สื่อข่าว
ตนมั่นใจว่าไม่ใช่เหตุปืนลั่น และลูกชายตนก็ไม่เคยมีเรื่องกับผู้ต้องหา ลูกชายถูกยิงกระสุนเข้าหัวใจถูกตับและปอด ต้นรอผลชันสูตร เพราะเป็นความหวังสุดท้ายของตน แต่พอผลชันสูตรออกมาแบบนี้ ตนรู้สึกว่าตนหมดหนทางสู้คดี หลังจากเกิดเหตุ จนถึงวันนี้ศพลูกชายตนยังเก็บไว้ยังไม่ได้เผาศพ รอผลคดีซึ่งผ่านมาแช้ว 3 เดือน ซึ่งตนเตรียมที่จะทำบุญ 100 วันให้ลูกชาย ตนรู้สึกผิดหวังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผิดหวังกับคนชันสูตร เพราะตนคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่พึ่งสุดท้ายของตน คู่กรณีไม่เคยเอ่ยคำขอโทษ โพสต์เฟซบุ้กอยู่ดีมีสุขทุกวัน กินหรูอยู่สบาย ไม่เคยแม้ตะพูกคำขอโทษครอบครัวตน
แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวต่อ หลังจากเข้าคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ รู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้ไว้ใจ สัปดาห์หน้าจะมีการนำสัปดาห์หน้าจะมีการนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล ตนจะเดินทางไปเพื่อคัดค้านการประกันตัว
ต่อมาผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว ได้พาครอบครัวผู้เสียชีวิตเข้าพบ พ.ต.ท.ธีรพงศ์ ประจักษ์จิตร์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ชัยพฤกษ์ เพื่อสอบถามความคืบหน้าคดี และขอตรวจสอบความผิดที่ตั้งข้อกล่าวหาในสำนวนคดี ซึ่งมีการชี้แจงว่า ในใบชันสูตรเป็นการแจ้งเบื้องต้นให้ทางเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำการชันสูตร หลังจากแพทย์ชันสูตรผลออดมาว่ากระสุนทะลุผ่านหัวใจ 1 นัด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ผลชันสูตร จึงได้ทำการรวบรวมหลักฐาน ตั้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาว่า ฆ่าคนตายโดยเจตนา, พยายามฆ่าคนตาย, ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ พกพาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็น 4 ข้อหาหนัก
นอกจากนี้ยังได้ตั้งข้อกล่าวหากับบุคคลที่ล้างคราบเลือดในที่เกิดเหตุและนำปลอกกระสุนปืนไปทิ้งน้ำ ว่าเพื่อจะช่วยผู้อื่นไม่ต้องรับโทษ หรือให้รีบโทษน้อยลง ทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้นเอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิดโดยในสัปดาห์หน้าจะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนส่งอัยการจังหวัดนนทบุรี เพื่อทำการส่งฟ้องศาลจังกวัดนนทบุรีต่อไป
แท็กที่เกี่ยวข้อง โดนลูกหลง ,อาวุธปืน ,เหตุทะเลาะวิวาท