สังคม
'บิ๊กเต่า' เอาผิดวินัยร้ายแรง 3 ตำรวจน้ำ ไม่เฝ้าเวรยาม ทำเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย
โดย panisa_p
1 ก.ค. 2567
45 views
พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยชุดคณะทำงานในคดีเรือน้ำมันเถื่อนที่หายไปจากท่าเทียบเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ร่วมประชุมสรุปผลคดีในวันนี้ ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ออกมาเปิดเผยว่า วันนี้มติในที่ประชุมได้ข้อสรุปแล้วว่ามีการตั้งวินัยร้ายแรงกับตำรวจทั้ง 3 นาย ส่วนคดีละเมิด หรือเรียกร้องค่าเสียหายในคดีแพ่ง จะต้องรอให้การดำเนินการวินัยร้ายแรงเสร็จสิ้นก่อน
ส่วนการดำเนินการแจ้ง ม.157 ในมติที่ประชุม ได้ให้ตำรวจน้ำ เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดกับตำรวจชั้นประทวน 2 นายที่เฝ้าเรือแล้ว หลังพบความผิดบกพร่องต่อหน้าที่ ไม่เข้าเวรยาม ส่วนสารวัตรสถานี ไม่เข้าข่ายความผิด ม.157 ซึ่งหลังจากถูกดำเนินคดีดังกล่าวแล้ว ต้องรอทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางพิจารณาว่าจะให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่
สำหรับหลักฐานในการดำเนินคดี ทางคณะกรรมการได้นำโทรศัพท์ 9 เครื่อง ตั้งแต่ระดับผู้กำกับการฯ ถึงชั้นประทวนที่เข้าเวรยามก่อนและหลัง ไปตรวจสอบความเชื่อมโยงว่ามีส่วนรู้เห็นเรื่องเรือหายหรือไม่แล้ว ซึ่งการตรวจสอบตรงนี้ เหลือเพียงแค่เครื่องของ “ผู้กำกับการฯ” เนื่องจากยังดูไม่ได้ เพราะไฟล์ใหญ่ แต่ได้ดูดข้อมูลเอาไว้แล้ว รอทางกองปราบฯ ตรวจสอบรายละเอียด โดยล่าสุดได้ตรวจสอบทั้งหมดไปแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ในเบื้องต้นไม่พบความเชื่อมโยงไปถึงเรื่องเรียกรับส่วย
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการสั่งการระดับผู้บังคับบัญชา แต่ทำให้ตำรวจชั้นผู้น้อย ต้องมารับกรรมหรือเป็นแพะนั้น ยืนยันว่า ”กรรมเกิดจากการกระทำ ดังนั้นเราต้องดูที่พยานหลักฐาน ในเมื่อบกพร่อง ละเว้นการทำหน้าที่ ทำให้เกิดความเสียหาย ก็ต้องถูกดำเนินการตามข้อเท็จจริง ไม่มีใครไปกลั่นแกล้ง ถึงแม้จะเห็นใจ เพราะยังเด็กอยู่ แต่เมื่อรู้กฎหมายเหมือนกัน ก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ปล่อยผ่าน“
ส่วนเรื่องแชทหลุดการเจรจาระหว่าง ผกก. ”น“ และเสี่ยโจ้นั้น ได้เรียกพันตำรวจเอกวรเอก หรือ ผู้กำกับการเน่า มาให้การแล้ว ยอมรับว่าเป็นแชทของตัวเองจริง โดยเป็นการพูดคุยระหว่างตัวเองกับเสี่ยโจ้ แต่ปฎิเสธในเรื่องผลประโยชน์ อ้างว่าได้ปฎิเสธในแชทการพูดคุยแล้ว ว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งแชทนี้เป็นการพูดคุยหลังจากจับเรือทั้ง 5 ลำ
ส่วนรายชื่ออื่นที่อยู่ในแชทมีตัวตนจริงทั้งหมด ทั้ง ผู้การเรือ ”ส“ รองสมพร และหนุ่ม เพชรบุรี ซึ่งคนสำคัญที่ต้องตามตัวมาสอบปากคำให้ได้ คือ หนุ่ม เพชรบุรี ที่ทราบว่าเป็นญาติกับเสี่ยโจ้ และเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี โดยได้ประสานทางโทรศัพท์ไปแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เบื้องต้นได้ทำหนังสือเชิญตัวให้มาสอบปากคำแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ โดยจะส่งคณะทำงานลงพื้นที่ตามไปสอบปากคำภายหลัง พร้อมขอฝากไปถึงว่า ”ขอให้มาให้ข้อมูล เนื่องจากหนุ่ม เป็นคีย์แมนที่จะไขความกระจ่างในทุกเรื่องได้ และจะเป็นผลดี หากพบใครผิด ยินดีจะกวาดบ้านตัวเอง
ขณะที่จากแนวทางการสืบสวนพบความเชื่อมโยงคดีน้ำมันเถื่อนและคดีเรือน้ำมันเถื่อน มีความเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ต้องหา 4-5 คนที่ตำรวจมีหลักฐานจะส่งให้ตำรวจ ปอศ. และอัยการ เพื่อขอออกหมายจับในสัปดาห์นี้ โดย 1 ในนั้นมี ”เสี่ยโจ้“ และจากเบาะแสล่าสุดพบอยู่ในพื้นที่กัมพูชา
แท็กที่เกี่ยวข้อง ตำรวจน้ำ ,เรือน้ำมันของกลาง ,เรือน้ำมันเถื่อน