สังคม

'สว.เฉลิมชัย' ฉะ 'กกต.' กลางสภา ปล่อย 'ดิจิทัลวอลเล็ต' ละเว้นหน้าที่ ลั่นใส่ซอง 2,000 ยังผิด อันนี้หาเสียงโจ๋งครึ่ม

โดย nut_p

25 มี.ค. 2567

120 views

'สว.เฉลิมชัย' กล่าวหา กกต.กลางสภา ปล่อย “ดิจิทัลวอลเล็ต” ผ่าน ละเว้นหน้าที่ หลังนายกฯ ประกาศใช้งบ แต่สุดท้ายจบที่ 'กู้เงิน' ลั่น ไปคุยกันที่ ป.ป.ช. ตั้งข้อสังเกตซื้อเสียงหรือไม่ เหน็บ เป็นไงล่ะ ก่อนเป็นรัฐบาลปิดสวิตซ์ 3 ป. ปิดสวิตซ์ สว. คนไทยมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ถาม 'จุลพันธ์' ใครจะดักตีหัว แนะกลับตัวทัน สารภาพประชาชนทำไม่ได้ ดีกว่าติดคุกหัวโต



25 มี.ค. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา (สว.) วาระการอภิปรายทั่วไปรัฐบาล ตามมาตรา 153 นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน สว. ได้ลุกขึ้นอภิปรายนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยขณะที่นายเฉลิมชัย เริ่มอภิปราย ได้เห็น ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้ามาในห้องประชุม เลยถามทันทีว่า จะดำเนินนโยบายกรรมสิทธิ์ที่ดิน ผ่านโครงการ สปก. ได้ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ เพิ่งคลิกออฟเเจกโฉนดไป ตอนนี้ไม่รู้แจกไปกี่ฉบับ มันมาสะดุดที่นครราชสีมา ทับที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่อื่นในทุน และส่อทุจริต ซึ่งขัดแย้งกับกรมอุทยาน เห็นรัฐมนตรีออกมาสนับสนุน สปก.เต็มที่ หลังหลังท่าทีเปลี่ยนไป ตนไม่รู้ว่าถูกแรงกดดันจากอะไร นอกจากนี้ การฟื้นฟูอุตสาหกรรมการประมง ด้วยการแก้ไขกฎหมายจะแก้อย่างไร ทั้งนายกรัฐมนตรีและ ร้อยเอกธรรมนัสก็ไปลงพื้นที่บอกกับชาวบ้านสมุทรสาคร สมุทรสงครามไว้



นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ครัวเรือน พูดกันทั่วไปว่านายกรัฐมนตรีที่ชื่อเศรษฐา จะพาคนไทยไปเป็นเศรษฐี ปิดสวิตช์ สว. ปิดสวิตช์ 3 ป. เพื่อไทยเป็นรัฐบาลประเทศไทยเปลี่ยนทันที คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ยังก้องอยู่ในโสตประสาทคนไทยทั่วประเทศ ท่านหัวหน้าพรรคเพื่อไทยท่านว่าไว้ ตอนนี้คนไทยเป็นอย่างไร ประเทศไทยตอนนี้มีหนี้ครัวเรือน 92% ของจีดีพี หรือประมาณ 6.2 ล้านล้านบาท ขอถามนายกรัฐมนตรีว่าท่านจะแก้ไขอย่างไร



นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ตามรัฐธรรมนูญ ในกฎหมาย พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดว่าให้มีกลไกความรับผิดชอบทางการเมืองที่ไม่ได้วิเคราะห์ผลกระทบ นโยบายใดที่ต้องใช้จ่ายเงินตามประกาศโฆษณานโยบายนั้น อย่างน้อยต้องมีรายละเอียดวงเงินที่ต้องใช้ และที่มาของเงิน ความคุ้มค่าผลกระทบและความเสี่ยงอย่างรอบด้าน



ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายนี้ จากเอกสารแจกแจงรายละเอียดที่เผยแพร่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า พรรคเพื่อไทย แกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่าจะแจกเงินให้กับคนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ประมาณ 56 ล้านคน เป็นเงินประมาณ 5.6 แสนล้านบาท โดยใช้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567



ซึ่งระหว่างที่นายเฉลิมชัยกล่าวนั้น นายกรัฐมนตรีได้ลุกออกไปจากห้องประชุม ทำให้นายเฉลิมชัย กล่าวด้วยท่าทีมีอารมณ์ว่า “ท่านฟังผมด้วยนะครับ อย่าให้รัฐมนตรีช่วยฟังผมอย่างเดียว ท่านต้องฟังผมด้วย ถ้าท่านนายกฯ ไม่มานั่งฟัง เขาก็ไม่ได้เรียกคณะรัฐมนตรีนะ คณะรัฐมนตรีตามมาตรา 158 ประกอบไปด้วยนายกฯ กับรัฐมนตรี เพราะฉะนั้น คณะรัฐมนตรีก็ต้องมีนายกฯ ท่านออกไปก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวท่านก็กลับมา ก็ให้อภัย”



นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรี ประกาศทุกเวทีว่าจะไม่กู้เงิน แต่ตอนนี้เป็นอย่างไร ยังไม่รู้จะไปไหน ตนมีข้อสังเกตว่านโยบายแจกเงินดิจิทัลมีลักษณะสัญญาว่าจะให้ “ใส่ซองพันสองพันก็ยังผิด อันนี้หาเสียงโจ่งครึ่มเลย อาจจะผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง มาตรา 73(1) ที่ห้ามไม่ให้ผู้สมัครผู้ใดเสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด มีโทษจำคุกหนึ่งถึง 10 ปีปรับ 20,000 ถึง 200,000 เพิกถอนสิทธิ์ 20 ปี”



แต่ กกต.กลับบอกว่าทำได้ เพราะใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล ได้ระบุว่านโยบายนี้จะทำหน้าที่เป็นชนวนกระตุกเศรษฐกิจของประเทศ เป็นการสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ ขยายกิจการผลิตสินค้า เกิดการจ้างงานการหมุนว่างานเศรษฐกิจอีกหลายรอบ เป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศให้เข้าสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่ และมีการแถลงนโยบาย 11 กันยายน 2566 แต่กลับไม่ได้ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบายเติมเงินดิจิทัล ตนตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นการกระทำผิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 มาตรา 162 หรือไม่ ซึ่งบัญญัติไว้ว่าคณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และต้องชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย โดยไม่มีการลงมติความไว้วางใจ



“ผมดูคำแถลงนโยบายมี 42 หน้า หายไปบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ 42 หน้า ไม่ได้บอกว่าเอาเงินมาจากไหนเหมือนที่โฆษณาหาเสียง และนายกเศรษฐาก็ไม่ได้พูดนอกเหนือจากคำแถลงนโยบาย” นายเฉลิมชัย กล่าว



นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า นายเศรษฐาได้แถลงข่าวอ้างวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งมีเงื่อนไขเปลี่ยนไป ทำให้ต้องกู้เงิน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าหน่วยงานไหนจะรับผิดชอบ ตอนหาเสียงบอกจะใช้งบประมาณ 2567 ตั้งรัฐบาลได้บอกผมขอกู้ เป็นข้อบ่งชี้ว่าการหาเสียงที่ไม่มีความพร้อม ไม่มีความรับผิดชอบ สักแต่จะให้ชาวบ้านเลือก



นายเฉลิมชัย ยังกล่าวว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บอกว่า การหาเสียงแบบนี้จะเป็นบรรทัดฐานต่อไปสำหรับพรรคการเมือง ตนจึงขอกล่าวหาด้วยวาจาว่า การที่ กกต. ใช้ดุลยพินิจในนโยบายดิจิทัล บอกว่าทำได้ ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 162 หรือไม่ ถ้าขาดก็เป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง พร้อมถามว่า ป.ป.ช. เปิดโทรทัศน์ ดูหรือเปล่า ถ้าเปิดดู ขอให้ทราบว่าผมกล่าวหาไปแล้ว ในเมื่อ กกต. บอกว่าทำได้ ก็ไปคุยกันที่ ป.ป.ช.



นายเฉลิมชัย ยังชี้แจงอีกว่า ในการหาเสียงนั้นการแจกซอง 1,000-2,000 ก็ยังผิด แต่การหาเสียงนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทยนั้นทำอย่างโจ๋งครึ่ม ซึ่งอาจผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ม.73 (1) ซึ่งบัญญัติไว้ว่า ห้ามไม่ให้ผู้สมัคร หรือผู้ใดจัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์ที่อาจคำนวณได้แก่ผู้ใด โดยศาลอาจสั่งเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง 20 ปี



อย่างไรก็ตาม นายเฉลิมชัย ได้ขอร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วยวาจากลางเวทีอภิปราย ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ม.60 เพื่อกล่าวหาต่อครม. และ กกต. ว่า จงใจปฏิบัติหน้าที่ไม่ตรงตามกฎหมาย และฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ ม.234 และ ม.235 หรือไม่



เนื่องจาก กกต. ระบุว่า นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตสามารถทำได้ เพราะใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี ขณะที่ ครม. แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2566 กลับแจกแจงที่มาไม่ได้ เพราะฉะนั้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของ ครม. และกกต. มีความโปร่งใส่ มีบรรทัดฐานถูกต้องตามรัฐธรรมนูญจึงขอให้ ป.ป.ช. เข้ามาไต่สวน 2 เรื่องนี้



โดย ม.234 นั้นบัญญัติไว้ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่ และอำนาจในการไต่สวน และมีความเห็นกรณีที่มีการกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อกฎหมาย หรือฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง



นายเฉลิมชัย ชี้ว่า หากมีเหตุอันควรสงสัยก็จะสอดคล้องกับ ม.235 คือ หาก ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริง และมีมติด้วยคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของคณะกรรมการทั้งหมดที่อยู่ ให้ดำเนินการดังนี้ หากฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงให้เสนอต่อศาลฎีกา หากเป็นกรณีอื่นให้ส่งไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากศาลฎีกาลงตรารับฟ้องก็จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และถ้าพบความผิดก็อาจถูกเพิกถอนสิทธิ์ และมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม ม.157 ของประมวลกฎหมายอาญา



นายเฉลิมชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า ผู้ว่าฯ แบงค์ชาติ ยังบอกว่าปัญหาเศรษฐกิจยังไม่วิกฤต เพียงแต่ชะลอตัว นายกรัฐมนตรีก็เลื่อนออกไปไม่มีกำหนด เลื่อนแล้ว เลื่อนอีก เลื่อนต่อไป นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วย นั่งอยู่ตรงนี้ก็บอกว่าแจกแน่นอน แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ เพราะมีคนคอยดักตีหัวอยู่ ตนถามว่าจริงหรือไม่ ถ้าไม่แจก เจ๊งเลยนะ เพราะเป็นนโยบายที่คนที่ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน เสียงดังฟังชัดหาเสียงไว้ พร้อมย้ำว่าหากทำไม่ได้ก็ยอมรับกับประชาชน จะได้ไม่ติดคุกหัวโต

คุณอาจสนใจ

Related News