สังคม

หลวงตาช้ำใจ ลูกสาวขโมยเงินวัด อ้างเอาไปแค่ 1.8 แสน ชาวบ้านจี้คืนให้ครบ 4 แสน

โดย thichaphat_d

11 มี.ค. 2567

690 views

ชาวบ้านและผู้เกี่ยวข้องเงินวัดหาย 4 แสนบาท ยังไม่ยอมจบ ต่างจับกลุ่มเรียกร้องให้ตำรวจขยายผลต่อ หลังจากจับลูกสาวหลวงตาที่ขโมยเงินได้ แต่ได้เงินคืนไม่ครบ แต่ตำรวจปิดคดี จึงเรียกร้องให้ได้เงินคืนทั้งหมด ในขณะหลวงตาตุ๊พ่อคนขโมยเงิน ที่ป่วยยิ่งทุกข์หนัก หลั่งน้ำตาเสียใจที่ลูกสาวทำเสียชื่อ ทั้งที่เลี้ยงดูอบรมมาเป็นอย่างดีตั้งแต่เด็ก ทุกคนเมตตา แม้แต่พระครูเจ้าอาวาสเคยให้ยืมเงินไปซื้อรถ แต่กลับมาทำให้เสียใจ

คืบหน้าคดีเงินวัดหาย 4 แสนบาท ไร้ร่องรอย และหาคนผิดไม่ได้ หลังจากแจ้งตำรวจเกือบ 1 เดือน จนชาวบ้านเกรงว่าจะเป็นมวยล้มสูญเงินฟรี จึงมีการปรึกษากันมีมติว่าจะใช้ความศักดิ์สิทธิ์ ของพระพุทธรูปเก่า หลวงปู่โชคชัย ที่ตั้งในวิหาร ช่วยหาคนร้าย ด้วยการให้ผู้เกี่ยวข้องที่ต้องสงสัยทุกคน ทั้งอดีตนายก อบต.ที่ถือกุญแจ / กำนันที่เป็นคนเอากุญแจมาเปิดตู้เซฟเบิกจ่ายเงิน / หลวงตาตุ๊เจ้าของกุฏิที่ตั้งตู้เซฟ / ลูกหลานหลวงตาตุ๊ / และชาวบ้านที่เกี่ยวข้อง มาร่วมดื่มน้ำสาบาน เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ วัดโชคชัยโนนขวาง บ้านโนนขวาง ตำบลนาโพธิ์ อำเภอเมืองร้อยเอ็ด หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยเอ็ด สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุขโมยเงินจากตู้เซฟ ที่อยู่ในกุฏิหลวงตาตุ๊ ไป 400,000 บาท โดยไร้ร่องรอย จนชาวบ้านเกรงว่าเงินจะสูญเปล่า หลังจากแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ดแล้ว ยังไม่คืบหน้า และข้อสรุปที่ชัดเจนว่าใครเป็นคนร้าย

ต่อมาชาวบ้านได้พร้อมใจกันให้กรรมการนัด เชิญทุกคนที่เกี่ยวข้องมาดื่มน้ำสาบาน จากโอ่งน้ำมนต์ ในวิหารของหลวงปู่โชคชัยพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เพื่อสาปแช่งและสาบานตนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และหากใครเป็นคนที่นำเงินไป ก็ขอให้มีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วัน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด สามารถจับผู้ก่อเหตุได้และยอมจำนน โดยปรากฏว่า ผู้ก่อเหตุ คือลูกสาววัย 44 ปี ของหลวงตาตุ๊ เป็นคนขโมยไป โดยอ้างว่านำเงินไปแค่ 2 มัด รวม 186,000 บาท พร้อมกับให้การว่า เงินที่ตัวเองนำไปไม่อยู่ในตู้เซฟ แต่วางไว้บนตู้เซฟ ตนเองจึงฉวยโอกาสที่เข้าไปทำความสะอาด ในกุฏิของหลวงตาตุ๊ผู้เป็นพ่อ แล้วฉวยโอกาสขโมยเงินไป โดยเงินที่นำไปได้นำไปซื้อทองรูปพรรณหนัก 1 บาท ไปซื้อวัว มาเลี้ยง 1 ตัว ซื้อแอร์มาติดที่ห้องนอนในบ้าน 1 ตัว นอกจากนั้นเงินนำเงินส่วนที่เหลือไปใช้หนี้ และใช้จ่ายส่วนตัวจนไม่เหลือ ซึ่งหลังจากนั้นก็นำตัวส่งฟ้องฝากขังศาล ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นางอมรรัตน์ ปทุมเนตร ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า จากการพูดคุยกันกับหลายคนในหมู่บ้าน ต่างมีความเห็นว่า มีความพอใจเพียงครึ่งเดียว เพราะยังได้เงินไม่ครบ 400,000 บาทเอามาคืนวัด ต้องการให้มีการขยายผล ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ตรวจสอบ ให้ชัดเจนว่า การที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้คนเดียวแล้วได้เงินไม่ครบ น่าจะมีเครือข่ายหรือมีบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง มีคนอื่น ส่วนร่วมด้วยหรือไม่ และหากทำงานคนเดียวเงินอีกส่วนหนึ่งหายไปไหน ทำไมถึงได้เงินคืนแค่ 186,00 บาท จึงติดใจว่าเงินส่วนที่เหลือหายไปไหน ในเมื่อเงินที่หายไป มีจำนวนทั้งสิ้น 400,000 บาท ซึ่งควรจะมีการติดตาม เงินกองกลางของวัดคืนมา

จึงขอร้องเรียนไปยังสื่อมวลชน ช่วยสะท้อนแนวคิดและความต้องการของชาวบ้าน ไปถึงพนักงานสอบสวน ให้ช่วยขยายผล ติดตามเงินมาคืน ให้ได้ครบทั้งหมดพร้อมทั้งขยายผลมาให้ชาวบ้านรู้ได้อย่างชัดเจนว่า มีการทำกันเป็นกระบวนการหรือไม่ มีใครเป็นส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ด้วย ให้ชัดเจน อยากทราบว่าเงินส่วนที่เหลือ 220,000 บาท ไปไหนอยู่ที่ใคร เพื่อนำเงินคืนมาสู่ กองกลางของวัด


ด้านหลวงตาตุ๊ ซึ่งเป็นพ่อของคนก่อเหตุขโมยเงินของวัดไป ซึ่งหลวงตาตุ๊ ยังคงอาพาธนอนป่วยเป็นไข้อยู่หน้ากุฏิ เปิดเผย ข้อเท็จจริงทั้งน้ำตาว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่คิดมาก่อนเลยว่าลูกสาวเพียงคนเดียวของตน จะเป็นผู้ก่อเหตุเสียเอง และยืนยันว่า เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก ไม่มีเคยมีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อย ตนได้อบรมสั่งสอนให้ลูกสาวเป็นคนดีมาตลอดและโตขึ้นก็ไปทำงานกรุงเทพฯ จนมีครอบครัวแล้วกลับมาอยู่บ้าน เคยขอเงินใช้ตนก็ให้ตลอด ไม่ได้ขัดสน เวลามาช่วยทำความสะอาดวัดตนก็ให้เงิน โดยไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ซึ่งก็มารู้ตอนที่ตำรวจนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทำให้ตนนอนไม่หลับทั้งคืนด้วยความเสียใจ ที่ไม่คิดมาก่อนว่าลูกสาวจะคิดอะไรสั้นๆ แบบนี้

ตนอยู่ที่วัดมากว่า 10 ปีไม่เคยหยิบจับอะไร แม้แต่เจอเงินหล่นในวัดก็คืนให้หลวงปู่เจ้าอาวาสทั้งหมด แต่ลูกสาวกลับมาทำเรื่องเช่นนี้ได้ ตอนนี้อยากจะถามลูกว่า เอาเงินไปอย่างไร และเอาไปเท่าไร พร้อมวอนให้นำมาคืน ตนเองเสียใจมากที่สุดคือลูกมีปัญหาอะไรทำไมไม่บอก แต่กลับมาทำเรื่องเช่นนี้ขึ้นจนกลายเป็นตราบาป และเป็นกรรมที่มาทำให้พ่อเป็นทุกข์และให้ต้องเสียใจ จนต้องคิดมากจนนอนไม่หลับเช่นนี้

ในขณะที่ในส่วนของผู้ที่มาเยี่ยม มาให้กำลังใจเจ้าอาวาสและหลวงตาตุ๊ รวมทั้งผู้ที่มาติดตามข่าว หลังจากทราบว่าจับผู้ก่อเหตุได้ และมานั่งจับกลุ่มคุยกันในวัด

ตัวแทนชาวบ้านบอกว่า ดีใจที่จับคนขโมยเงินได้ และสบายใจที่คนที่ถูกเพ่งเล็ง ทั้งกำนันและอดีตนายก จะได้พ้นมลทินเสียที แต่ยังต้องการให้คืนเงินที่หายไปให้ครบทั้งหมด 400,000 บาท ไม่ใช่แค่ 186,000 บาท จึงต้องทำเรื่องเงินอีก 220,000 บาท ให้กระจ่างว่าหายไปไหน และหาคนผิดมาลงโทษด้วย



คุณอาจสนใจ

Related News