ศาลยกฟ้อง ‘แพรรี่ – จตุรงค์’ คดีหมิ่นประมาท ‘หลวงพี่น้ำฝน’ วิจารณ์ติชมด้วยความเป็นธรรมสุจริต

ศาลยกฟ้อง ‘แพรรี่ – จตุรงค์’ วิจารณ์ติชม ‘หลวงพี่น้ำฝน’ ด้วยความเป็นธรรมโดยสุจริต ในรายการ ‘โหนกระแส’

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลจังหวัดนครปฐม ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีที่พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ ‘หลวงพี่น้ำฝน’ เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรรายการโหนกระแส และจำเลยประกอบด้วย เจ้าของบริษัทดีคืนดีวัน จำกัด ผู้บริหารช่อง 3 ทั้งหมด

หลังจากมีการฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ไปเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคดีดังกล่าวมีการฟ้องร้องทั้งหมด 10 คน โดยยังคงเหลือจำเลยอีก 2 คนคือ นายไพรวัลย์ วรรณบุตร (แพรรี่) และ นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา ที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในวันนี้

โจทก์กล่าวถึงพระพยอมพาดพิงการเมืองกับสื่อมวลชนก่อน เป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไป ต่อมารายการโหนกระแสออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ของจำเลยที่ 6 โดยมีจำเลยที่ 4 เป็นผู้ดำเนินรายการเชิญ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ไปร่วมรายการ มีการกล่าวถึงโจทก์เกี่ยวกับการลงนะหน้าทอง และกุมารทองสมบัติ ว่าขัดต่อประกาศคณะสงฆ์ และคำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่องห้ามภิกษุสามเณรเรียกเงินค่าเวทมนตร์ เมื่อพยานโจทก์รับว่าตามภาพถ่าย เป็นตัวโจทก์ประกอบพิธีลงนะหน้าทอง และมีรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ จึงฟังได้ว่าเป็นโจทก์จริง

แม้ถ้อยคำที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้กล่าวในรายการจะเป็นถ้อยคำรุนแรง แต่ก็เป็นเพียงคำเสียดสีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 (3) คุ้มครองผู้วิจารณ์ติชมด้วยความเป็นธรรมโดยสุจริต การกระทำของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จึงได้รับความคุ้มครอง พิพากษาศาลยกฟ้อง

ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุด แพรรี่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า “เป็นอย่างไรคะ วันนัันที่แถลงข่าวกันเป็นใหญ่เป็นโต กล่าวหาดิฉันว่าหมิ่นประมาทเช่นนั้นเช่นนี้ พูดจาโอ่อ่าวางท่าวางที สุดท้ายวันนี้ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง แล้วยกฟ้องตั้งแต่ชั้นไต่สวนมูลฟ้องเลยนะคะ

พระน้ำฝนก็ดี ลุงทนายเปรียญ ๓ ของพระน้ำฝนก็ดี ดิฉันขอพูดอย่างเวทนาสงสารนะคะ ถ้าพอมีเวลาว่างมาพบดิฉันได้ มานั่งเรียนบาลีกับดิฉันนะคะ ดิฉันจะบอกจะกล่าวให้ อะไรเป็นเรื่องถูกต้องไม่ถูกต้อง อะไรเหมาะสมไม่เหมาะสม สิ่งใดพึงปฎิบัติ สิ่งใดพึงสังวรละอาย ดิฉันจะอาศัยความเอ็นดูบอกกล่าวให้ค่ะ

ส่วนอีกเรื่องที่อยากฝากนะคะ สำนักข่าวก็ดี รายการทีวีก็ดี ถ้าไม่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมมากพอ ไม่กล้ายืนยันในความถูกต้องของวิชาชีพอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องเชิญดิฉันไปพูดเรื่องศาสนาแล้วนะคะ ประเภทว่าเชิญไปแล้วพอเขาฟ้องก็กลัวหัวหด ยกถ้วยยกพานไปกราบเขา ทำเรื่องถูกให้กลายเป็นเรื่องผิด แบบนี้ไม่เอาค่ะ ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม จบ”