พนง.คุมประพฤติ ซิ่งเก๋งคว่ำกลางอุโมงค์ ยันไม่ได้เมาแต่น้ำตาลตก ตรวจ 2 ครั้งไม่พบแอลกอฮอล์

ความคืบหน้ากรณีเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เกิดเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกันจนพลิกคว่ำภายในอุโมงค์ท่าพระ มุ่งหน้าแยกรัชดา-ท่าพระ โดยพบว่าคนขับรถฮอนด้าแจ๊สที่ชับชนท้ายรถคู่กรณีจนรถตัวเองพลิกคว่ำนั้น มีอาการคล้ายมึนเมา พูดจาไม่รู้เรื่อง และภายในรถยังพบกระป๋องเบียร์ด้วย ตำรวจจึงพาตัวมาสอบถามเพิ่มเติมที่ สน.ท่าพระ

โดยเมื่อทีมข่าวมาถึง สน.ท่าพระ ก็พบกับนายสุเวศน์ อายุ 50 ปี คนขับรถฮอนด้าแจ๊ส นอนอยู่ที่พื้นของสถานีตำรวจ อยู่ในอาการไม่ได้สติ พูดไม่รู้เรื่อง จนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องช่วยกันหิ้วปีกพาไปนอนพักในห้อง

ซึ่งเบื้องต้น ตำรวจได้ให้นายสุเวศน์ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์แล้ว 2 ครั้ง ไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ทั้ง 2 ครั้ง (ผลเป็น 0%) โดยตำรวจจะตรวจวัดต่อหน้าทีมข่าวอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าไม่พบจริงๆ แต่ครั้งที่ 3 นี้ นายสุเวศน์ ไม่ยอมเป่าแล้ว

ทั้งนี้ ตำรวจยังไม่สามารถสอบถามนายสุเวศน์ได้ เพราะเจ้าตัวยังพูดไม่รู้เรื่อง จึงยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และก็ไม่สามารถติดต่อญาติได้ เพราะไม่สามารถขอใช้โทรศัพท์มือถือของนายสุเวศน์ได้ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภายในรถ พบบัตรประจำตัวข้าราชการ ตำแหน่งพนักงานคุมประพฤติชำนาญการ สังกัดกรมคุมประพฤติ ตำรวจจึงติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติ

ส่วนรถฮอนด้าแจ๊ส ตำรวจได้ยกมาไว้ที่ สน.ท่าพระ โดยรถอยู่ในสภาพพังยับทั้งคัน หลังคาฝั่งซ้ายยุบลงมา กระจกแตกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนกระป๋องเบียร์ 2 กระป๋องที่พบในรถนั้น พบว่ายังไม่ได้เปิด

ขณะที่ นายกร อายุ 49 ปี คนขับรถมาสด้าที่ถูกชนท้าย เล่าให้ฟังว่า เมื่อเช้านี้ตนขับรถออกจากที่พักมุ่งหน้าพระราม 3 จะไปส่งแฟนทำงาน โดยได้มาจอดรถข้างทางเพื่อแวะซื้อข้าว ก่อนถึงทางลงอุโมงค์ท่าพระ ระหว่างที่จอดอยู่นั้น รถคู่กรณีก็ได้ขับมาชนท้ายแต่ไม่แรง

แต่คนขับก็ไม่ได้ลงมาดู ตนกับแฟนก็เลยเข้าไปเคาะกระจกเรียก แต่เรียกอยู่กว่า 20 นาที คนขับก็ไม่ลงมา แต่แฟนสังเกตเห็นว่า ท่าทางคนขับแปลกๆ ก็กลัวว่าจะเกิดอันตราย ไม่รู้มีอาวุธหรือไม่ เลยตัดสินใจขับรถออกมา เพราะไม่ได้เสียหายหนักมาก

ปรากฎว่า พอตนขับรถลงอุโมงค์ท่าพระมา ก็เห็นรถคู่กรณีขับไล่หลังตามมาด้วยความเร็ว แล้วมาชนเข้าท้ายรถตนอย่างจัง แล้วรถคู่กรณีก็พลิกคง่ำไปเลย แต่ตนหักหลบและประคองรถได้ ตอนนั้นก็รู้สึกตกใจ โดนรถได้รับความเสียหายฝั่งขวาด้านหลัง ส่วนตนกับแฟนมีอาการฟกช้ำจากแรงกระแทก

ทั้งนี้ ประชาชนที่อยู่แถวนั้นได้เข้ามาช่วยกันพาคนขับรถคู่กรณีออกจากรถ แต่เจ้าตัวอยู่ในอาการคล้ายมึนเมา พูดไม่รู้เรื่อง และพบว่ามีกระป๋องเบียร์ในรถ ก็เลยคิดว่าน่าจะเมาหรือไม่ ตนก็เลยตัดสินใจขับรถมาแจ้งความที่ สน.ท่าพระ

ต่อมา เวลา 13.00 น. ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานของนายสุเวศน์ ได้เดินทางมาที่ สน.ท่าพระ และร่วมตรวจสอบรถคันที่เกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเพื่อนร่วมงานให้ข้อมูลว่า นายสุเวศน์ ป่วยเป็นโรคเบาหวาน มักจะมีอาการน้ำตาลตกอยู่บ่อยครั้ง โดยเพิ่งย้ายเข้ามาทำงานด้วยกันได้ประมาณ 1 ปีกว่า ก็มีอาการมาโดยตลอด ทราบว่าเข้ารับการรักษาด้วยการฉีดอินซูลินอยู่

และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีอาการกำเริบบ่อยครั้ง โดยอาการที่เป็นคือจะพูดไม่รู้เรื่อง มีอาการลอยๆ ไม่ได้สติ บางครั้งก็ฟุบหลับไปเลย ส่วนเมื่อเช้านี้ นายสุเวศน์ ได้แจ้งขอลาป่วยไว้ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร ส่วนเรื่องกระป๋องเบียร์ที่พบในรถ เชื่อว่านายสุเวศน์น่าจะมีติดรถไว้ เพราะภรรยาไม่ให้กิน เลยต้องแอบกินทีละ 1-2 กระป๋องในรถ

ต่อมา ตำรวจได้นำน้ำหวานให้นายสุเวศน์กิน จนอาการเริ่มดีขึ้น เริ่มคุยรู้เรื่อง จึงจะส่งตัวไปตรวจร่างกายโดยละเอียดที่โรงพยาบาลศิริราช แต่จากการตรวจปัสสาวะเบื้องต้น ไม่พบทั้งแอลกอฮอล์และสารเสพติด ซึ่งพันตำรวจเอกศักดิเดช กัมพลานุวงศ์ ให้ข้อมูลว่า ในส่วนของการดำเนินคดี เบื้องต้นถือว่ามีความผิดมูลฐานประมาท แต่จะแจ้งข้อหาอะไรบ้าง ก็ต้องรอผลตรวจร่างกายให้ชัดเจนก่อน

เวลา 14.15 น. ตำรวจได้ควบคุมตัวนายสุเวศน์ขึ้นรถ เพื่อไปตรวจร่างกาย โดยนายสุเวศน์ มีอาการปกติแล้ว และบอกกับนักข่าวว่า “ผมวูบ ไม่ได้ดื่ม ไม่ได้เมา พร้อมรับผิดชอบ” ก่อนจะขึ้นรถออกไป