พ่อแม่ไม่ยอม! โร่แจ้งความ เจ้าของเนอสเซอรีทำร้ายเด็ก นั่งทับตัว-เอามือปิดปาก-นมราดหัว

วันนี้ (6 เม.ย. 66) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบกับทนายอาร์ม และผู้ปกครองของเด็กที่ถูกทำร้ายในเนอสเซอรี่แห่งหนึ่ง โดยทนายอาร์ม เล่าว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องสะเทือนขวัญกับผู้ปกครองอย่างมาก  เรื่องดังกล่าว มีคนที่ทำงานภายในและคนเคยทำงานอยู่ที่นั่นออกมาเล่าพฤติกรรมของคุณครูคนนี้ ที่เป็นเจ้าของเนอสเซอรี่ว่า มีพฤติกรรมรุนแรง ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทุกครั้งที่ได้ยินเด็กร้องมากๆ ก็จะมีพฤติกรรมรุนแรงกับเด็ก ขึ้นคร่อมปิดปากเด็ก จับแขน หยิก ทำร้ายเด็ก 

ตนได้รับการติดต่อจากผู้ปกครองหลายท่าน และตนจะร้องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อให้พิจารณาว่าหน่วยงานที่ดูแลโดยตรงกับเนอสเซอรี่เด็ก คือหน่วยงานใด และดำเนินการทางปกครอง ส่วนที่สอง ได้รวบรวมพยานหลักฐานในด้านของคดีอาญา เพื่อจะร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน และดำเนินคดีอาญา  ส่วนที่สามจะรวบรวมความเสียหายและเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง ให้กับผู้ปกครองทุกท่าน ที่หลงเชื่อครูแล้วนำเงินมาจ่าย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ขณะนี้มีผู้ปกครองหลายท่านนำบุตรหลานย้ายไปยังเนอสเซอรี่แห่งอื่นแล้ว อย่างไรก็ตามขณะนี้ ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางโรงเรียนแต่อย่างใด

แม่ของ เด็กหญิงวัย 3 ขวบในคลิป  เล่าว่า ลูกเพิ่งเข้าไปอยู่ที่เนอสเซอรี่แห่งนี้เมื่อเดือนธันวาคม หรือเป็นเวลากว่า 4 เดือนแล้ว เสียเงินเดือนละ 5,800 บาท ตอนแรกที่ให้ลูกสาวไปอยู่ เพราะได้ยินว่าเนอสเซอรี่แห่งนี้มีชื่อเสียง มีคุณภาพ ลูกสาวน่าจะอยู่แล้วมีความสุข

แต่แล้วตนเองเริ่มเห็นความผิดปกติขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนเองได้เดินทางไปส่งลูกสาวช่วงเช้า ต่อมาเวลาประมาณ 11 โมงกว่า ครูเจ้าของเนอสเซอร์ ได้ส่งรูปลูกสาวตนเองให้ดูผ่านแชตไลน์ พร้อมกับแจ้งว่า ลูกสาวไม่รู้เป็นอะไร ร้องไห้หนัก ลงไปดิ้นกับพื้นงอแงมาก และดวงตาทั้งสองข้างบวมแดงผิดปกติ ตอนนั้นตนเองตกใจมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาว

แต่เมื่อสอบถามกลับไปยังครู ได้อ้างว่า ลูกสาวได้ร้องไห้งอแงหนัก อาจจะทำให้เบ้าตาแดงช้ำ หรือป่วยภูมิแพ้ก็เป็นไปได้ พร้อมกับบอกอีกว่า คุณแม่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจะหายไปเอง และบอกว่า “ไม่ต้องไปหาหมอก็ได้” ตอนนั้นตนเองก็เชื่อแต่ก็แปลกใจเล็กน้อย

เมื่อสัปดาห์ก่อน ตนได้ไปรับลูกสาวกลับจากเนอสเซอรี่ ปรากฏว่า ลูกสาวบ่นให้ฟังว่า ครูในเนอสเซอรี่ได้ตีแขน แม่เด็กยังบอกอีกว่า เรื่องทั้งหมดตนเองไม่อยากจะเชื่อว่า ลูกสาวถูกทำร้ายภายในเนอสเซอรี่จริงๆ กระทั่งวันนี้ตนมาทราบจากข่าวและเห็นภาพครูเจ้าของเนอสเซอรีนั่งทับเด็ก เอามือปิดปากเด็ก ภาพเหล่านี้ทำให้ตนเองตกใจมาก และทำให้ตนเอง เชื่อว่าลูกสาวของตน ที่เคยบ่นให้ฟังว่าถูกทำร้ายอาจจะเป็นความจริง ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ล่าสุด ผู้กำกับฯ ได้ให้ข้อมูลว่า หลังจากที่ตนได้รับแจ้งมาจากทางผู้เสียหายเพื่อเข้ามาร้องเรียนในกรณีดังกล่าว ตนเองได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งเปิดเป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็ก หรือ เนอสเซอรี่ จากการตรวจสอบ พบเนอสเซอรี่ดังกล่าวมีใบอนุญาตขอเปิดกิจการถูกต้อง เปิดมาได้ 6 ปีแล้ว

ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจภายในเนอสเซอรี่ดังกล่าว พร้อมกับมีการทำแผนผังภายในเนอสเซอรี่ทั้งหมดไว้แล้ว โดยจุดสำคัญคือห้องพยายาบที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบไม่พบกล้องวงจรปิดภายในห้องดังกล่าว

แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบในส่วนอื่นๆ เพื่อนำมาประกอบเป็นหลักฐาน อีกทั้งเท่าที่ทราบขณะนี้ ได้มีพยานบุคคลที่เคยเป็นอดีตพนักงานภายในเนอสเซอรี่ดังกล่าว มาให้ข้อมูลประกอบอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็จะต้องขอสอบปากคำผู้เสียหาย และพยานก่อน หากพบหลักฐานหรือข้อมูลเชื่อมโยงในการกระทำความผิดก็จะมีการเรียกเจ้าของเนอสเซอรี่มาสอบปากคำอีกครั้ง ซึ่งวันนี้ที่ทีมสืบสวนเข้าไปตรวจสอบ ไม่พบตัวเจ้าของแล้ว

และหากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง พฤติกรรมดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดในส่วนของการทำร้ายร่างกาย กับ ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ซึ่งในส่วนนี้ต้องมีการพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอีกครั้ง ว่า ขอบเขตกฎหมายจะเอาผิดได้มากน้อยแค่ไหน