สังคม
อุบัติเหตุหมู่! ดับ 3 บาดเจ็บ 12 รถตู้ส่งชาวลาวไปทำวีซ่า หลับในชนท้ายรถสิบล้อ
โดย paweena_c
26 ก.ย. 2565
520 views
รถตู้ส่งชาวลาวไปทำพาสปอร์ต หลับในชนท้ายรถสิบล้อ ขณะติดไฟแดง ดับคาที่ 3 บาดเจ็บ 12 ราย บนถนนระยอง
เมื่อเวลา 03.30 น.วันที่ 26 ก.ย. พ.ต.ต.สุพจน์ บุญสวน สว.(สอบสวน) สภ.แกลง ระยอง ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ รถตู้ ชน ท้ายรถสิบล้อ ที่ติดไฟแดง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย
เหตุเกิดตรงสี่แยกไฟแดงกระแสบน ถ.บ้านบึง-แกลง (ขาเข้าแกลง) ม.14 ต.กระแสบน อ.แกลง จ.ระยอง จึงประสานแพทย์เวร รพ.แกลง และ หน่วยกู้ภัยพุทธศาสตร์สงเคราะห์ จุดกระแสบน เดินทางไปตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุกสิบล้อตู้ทึบ ทะเบียน 70-2675 จอดคาไฟแดง ด้านท้ายรถ พบรถตู้สีขาว ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน 33-5874 กรุงเทพมหานคร ชนท้ายรถสิบล้อ จนด้านหน้ารถพังยุบเข้าไปจนถึงห้องโดยสาร
พบคนติดอยู่ ภายในรถจำนวน 15 ราย จึงช่วยกันลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บลงมาจากรถ โดยมีผู้เสียชีวิตคาที่ 3 ราย เป็นผู้หญิงทั้งหมด และ มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 12 ราย เป็น ผู้ชาย 6 ราย(รวมคนขับด้วย) ผู้หญิง 6 ราย จึงรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนจะรีบนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บ และ ผู้เสียชีวิต ส่ง รพ.แกลง
จากการตรวจสอบทราบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย เป็นผู้หญิง สัญชาติลาวทั้งสามคน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 11 คน เป็นคนสัญชาติลาวเช่นกัน ยกเว้นคนขับที่เป็นคนไทยคือนายกฤติภัค เลิศสันเที้ย อายุ 35 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากการสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ ได้ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ รถบรรทุกสิบล้อจอดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกดังกล่าว รถตู้ได้ขับมาด้วยความเร็วโดยไม่มีการเบรค พุ่งชนเข้าท้ายรถสิบล้ออย่างแรง เสียงดังสนั่น
ด้านผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บรายหนึ่ง ซึ่งยังมีสติอยู่ ได้ให้การว่า พวกตนทั้งหมดเป็นคนสัญชาติลาว ได้เช่ารถตู้ กำลังจะเดินทางไปต่อวีซ่าที่ จ.จันทบุรี ขณะนั่งมาทุกคนต่างก็นอนหลับ จนกระทั่งรถพุ่งชนจึงรู้สึกตัวแต่ก็ไม่ทันแล้ว ร่างต่างกระเด็นไปกระแทกกับตัวรถ เสียงร้องดังลั่นรถด้วยความตกใจ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบหลักฐานในจุดเกิดเหตุ พร้อมสอบสวนคนขับสิบล้อ และ เตรียมสอบสวนคนขับรถตู้และผู้โดยสารหลังหายจากอาการบาดเจ็บ เพื่อประกอบการดำเนินคดี
ส่วนสาเหตุจากการสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์คาดว่าคนขับรถตู้อาจจะหลับใน จึงพุ่งชนรถสิบล้อที่รอสัญญาณอยู่ตรงสี่แยก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรอการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งจึงจะสรุปสาเหตุที่แท้จริง