ตลาดประชารัฐถูกทิ้งร้างกว่า 5 ปี ชาวบ้านเผยบูมแค่ 6 เดือน ชี้รัฐทำโครงการไม่ตอบโจทย์

โซเซียลขุดถล่มยับ! สุสานตลาดประชารัฐ-ชุมชนวัตวิถี ดำเนินการโดย พัฒนาชุมชน (พช.) ถูกทิ้งร้างว่างเปล่า นาน 5 ปี ชาวบ้านเผยบูมแค่ 6 เดือนแรก พ้อรัฐทำโครงการไม่ตอบโจทย์ชาวบ้าน รวมทั้งไม่สานต่อให้สำเร็จ คล้ายละเลงงบปีประมาณ ขณะที่ ป.ป.ช.ตรัง ลุยตรวจสอบ กำชับ พช.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหา

เป็นอีกประเด็นร้อนที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ เมื่อเพจ ‘ชมรมตรังต้านโกง’ ได้เผยแพร่ปัญหาเกี่ยวกับการทิ้งร้างของตลาดประชารัฐ คนไทยยิ้ม หรือตลาดวิถีชุมชน และเป็นศูนย์ เรียนรู้เศรษฐกิจฐานรากวิถีชุมชน ต.ช่อง ถูกปล่อยปละละเลยทิ้งร้างนานกว่า 5 ปี ทำให้ชาวโลกออนไลน์ได้เข้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

วันนี้ (31 ส.ค. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้เชิญ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาชุมชน อ.นาโยง นายชัยวิชิต รักทองจัน ประธานสภา อบต.ช่อง อ.นาโยง ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจฐานรากวิถีชุมชน ต.ช่อง และ น.ส.สมหญิง รักเป็นไทย อายุ 39 ปี คณะกรรมการฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบและร่วมพูดคุยหารื้อถึงประเด็นดังกล่าว

จากการตรวจสอบพบว่ามีการทิ้งร้างและปล่อยปละละเลยตามที่ปรากฏลงตามสื่อโซเซียลมีเดีย โดยตลาดดังกล่าวตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม สายตรัง-พัทลุง หมู่ 1 ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง เยื้องกับหมวดการทางนาโยง ซึ่งเป็นที่ดินของโรงเรียนบ้านช่อง อนุญาตให้ทาง พัฒนาชุมชนและชาวบ้านจัดตั้งเป็นตลาด งบประมาณของ สำนักงานพัฒนาชุมชน อ.นาโยง ตามนโยบายของรัฐบาล จำนวน 3 แสนบาท เริ่มดำเนินการเมื่อประมาณช่วงปี 2559 – 2560

โดยลักษณะทางกายภาพมองด้วยสายตา มีปาล์มน้ำมันจำนวนหลายต้นปลูกให้ผลผลิตอยู่ภายใน ไม่มีการค้าขายเกิดขึ้น สภาพซุ้มไม้ไผ่มุงด้วยตับจาก จำนวนกว่า 7 ซุ้ม ผุพังจนพังทลายลง บางซุ้มเสื่อมโทรมไปตามระยะเวลา รวมทั้งมีหญ้าปกคลุม เครื่องเล่นซึ่งจัดเป็นสนามเด็กเล่น ที่มีการระบุเลขรับของ พช.ได้ถูกวัชพืชปกคลุม และบางส่วนได้ผุผังตามลงไปด้วย อีกทั้งเก้าอี้ไม้หินอ่อนล้มแตกอยู่เกลื่อน รวมทั้งเกิดปัญหาการที่วัยรุ่นเข้าใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่มมั่วสุมตามมาอีกด้วย


นายยุทธนา กล่าวว่า กรณีดังกล่าวมีการร้องเรียนทางเพจชมรมตรังต้านโกง ว่ามีการก่อสร้างตลาดประชารัฐ หรือชุมชนนวัตวิถี มีการปล่อยปละละเลย และทิ้งร้าง ซึ่งในวันนี้ทาง ป.ป.ช.ก็ได้ประสานกับทางพัฒนาชุมชน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ดูแลตลาดและสนับสนุนประชาชนตามนโยบายของรัฐ เรื่องของเศรษฐกิจฐานราก ก็ปรากฏว่าโครงการดังกล่าวมีปัญหา

เนื่องจากเกิดจากสถานการณ์โรคติดต่อโควิด-19 กระแสของการค้าขายที่ตกต่ำ ทำให้มีการทิ้งร้าง หรือรกร้างว่างเปล่า ในเบื้องต้นวันนี้ก็ได้ประสานไปทาง ประธานตลาดดังกล่าว ให้ประสานไปยังทาง อบต.ช่อง ช่วยเข้ามาดูแล รีโนเวท และดำเนินการปรับปรุง สามารถเข้ามาจัดเป็นตลาดได้ใหม่เหมือนเดิม และทางพัฒนาชุมชนก็ให้คำมั่นว่าจะไปประสานทาง ธนาคารต่างๆ เพื่อจะขอสนับสนุนร่ม และทางพ่อค้าแม่ค้าก็จะประชุมเพิ่มเติม เพื่อจะฟื้นฟู ตลาดขึ้นมาให้เป็นเหมือนเดิม

หลังจากนี้ทาง ป.ป.ช.ก็จะพยายามลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการตลาดประชารัฐ และโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงการชุมชนนวัตวิถี และจะประสานกับทาง พัฒนาชุมชน (พช.) ทั้งหมดให้กำชับ รวมทั้งให้ส่งเสริม สนับสนุน ชาวบ้านหรือกรรมการตลาดต่างๆตามอำนาจหน้าที่ อย่าให้มีการปล่อยปละละเลย หรือทิ้งร้าง เพื่อจะได้พัฒนาเศรษฐกิจบานรากอย่างจริงจังต่อไป


ขณะที่ น.ส.สมหญิง กรรมการและเหรัญญิกตลาดฯ กล่าวว่า ปัญหาที่ทิ้งร้างเกิดขึ้นมาจากเศรษฐกิจ ฝนฟ้าอากาศ ในช่วงฝนตกลูกค้าไม่สามารถเดินเข้ามาซื้อของได้ และช่วงหลังมาปัญหาโควิด-19 ก็ค้าขายไม่ได้ บูมได้แค่ช่วง 6 เดือนแรกเท่านั้น ทำให้พ่อค้าแม่ค้าต้องออกไปค้าขายกันที่อื่น รวมทั้งกลุ่มวิถีชาว ต.ช่อง มีสินค้าในท้องถิ่นที่จะนำมาขายไม่เพียงพอ ที่จะส่งให้แม่ค้าคนกลาง เพราะตลาดแห่งนี้รับซื้อสินค้าทางการเกษตรของชาวบ้านด้วย ความรู้สึกก็เสียใจ เพราะว่ารักตลาดนี้ แต่ประสบปัญหาเสื่อมโทรมอย่างนี้ ทั้งที่ทำเลของตลาดดีมาก แต่ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้


รายงานข่าวระบุว่า มีการตั้งคำถามว่าการที่รัฐบาลมอบนโยบาย ลงมาให้ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องท้องถิ่นดำเนินโครงการต่างๆ แต่ปรากฏว่าโครงการต่างๆไม่เคยตอบโจทย์กับวิถีของชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่นั้นๆ ตรงตามความต้องการ รวมทั้งไม่มีการสานต่อโครงการให้ประสบความสำเร็จ ส่งผลทำให้มีการทิ้งร้างตามมา ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินเป็นอย่างมาก ประกอบกับมีการแจ้งเบาะแส ไม่ใช่แค่โครงการที่แห่งนี้เพียงแห่งเดียว ยังคงมีโครงการดังกล่าวในพื้นที่อื่นๆ ใน จ.ตรัง ถูกทิ้งร้างและถูกปล่อยปละละเลย จากหน่วยงานรัฐที่รับนโยบายอีกหลายแห่ง.